30/06/2566

บทเรียน 6 ทำไมความยำเกรงพระเจ้าคือพระปัญญา

 ความยำเกรงพระเจ้าเป็นพระปัญญาที่จะนำผู้ที่พระองค์เลือกสรรให้ได้รับความรอด รับการทรงนำตลอดชีวิตของเขา เป็นตัวแทนพระองค์ในโลกนี้

โยบ บทที่ 28 เริ่มต้นสอนว่าปัญญาของพระเจ้าเป็นของล้ำค่าหายาก และอธิบายว่าทำไมความยำเกรงพระเจ้าคือพระปัญญา

อ่าน โยบ บทที่ 28

คำถามก่อนเรียน :

1) ท่านคิดว่าสังคมให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุด เป็นสิ่งมีค่ามากที่สุด

2) ส่วนตัวท่านคิดว่าอะไรคือสิ่งล้ำค่ามากที่สุด มีค่ามากที่สุด

ทำไมความยำเกรงพระเจ้าคือพระปัญญา : 

1. ของล้ำค่าหายาก

โยบ.28:1-11

เริ่มต้นด้วยการบรรยายว่าของล้ำค่าในโลกหายากไม่ได้มาง่ายๆ

โยบ.28:2-4

2 เขาเอาเหล็กมาจากพื้นดิน และถลุงทองแดงจากแร่ดิบ

3 มนุษย์กำจัดความมืด และค้นหาไปยังเขตไกลที่สุด ค้นแร่ดิบในที่มืดครึ้มและที่มืดทึบ

4 เขาขุดปล่องไกลจากที่ฝูงคนอาศัยอยู่ คนสัญจรไปมาลืมเขาแล้ว เขาแขวนอยู่แกว่งไปแกว่งมาไกลจากฝูงคน

2. พระปัญญาเป็นเป็นของล้ำค่า 

โยบ.28:12-17 ชี้ว่าพระปัญญาเป็นของล้ำค่าหายากยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในโลกที่บอกว่าหายาก ไม่ใช่ทุกคนจะหาได้

โยบ.28:12-17

12 "แต่จะพบพระปัญญาที่ไหน และที่ของความเข้าใจอยู่ที่ไหน

But where can wisdom be found? Where does understanding dwell?

13 มนุษย์ไม่รู้จักค่าของพระปัญญา และในแผ่นดินของคนเป็นก็หาไม่พบ

14 บาดาลพูดว่า "ที่ข้าไม่มี" และทะเลกล่าวว่า "ไม่อยู่กับข้า"

15 จะเอาทองคำซื้อก็ไม่ได้ และจะชั่งเงินให้ตามราคาก็ไม่ได้

16 จะตีราคาเป็นทองคำโอฟีร์ก็ไม่ได้ หรือเป็นโกเมนหรือแก้วไพฑูรย์ประเสริฐก็ไม่ได้

17 จะเทียบเท่าทองคำและแก้วก็ไม่ได้ หรือจะแลกกับเครื่องทองคำนพคุณก็ไม่ได้

2.1 คนทั่วไปไม่พบ (12-14)

โยบ.28:12-14

12 "แต่จะพบพระปัญญาที่ไหน และที่ของความเข้าใจอยู่ที่ไหน

But where can wisdom be found? Where does understanding dwell?

13 มนุษย์ไม่รู้จักค่าของพระปัญญา และในแผ่นดินของคนเป็นก็หาไม่พบ

14 บาดาลพูดว่า "ที่ข้าไม่มี" และทะเลกล่าวว่า "ไม่อยู่กับข้า"

ต้องเป็นผู้เชื่อศรัทธาพระเจ้าเท่านั้นจึงจะเริ่มเข้าถึงพระปัญญา การเชื่อพระเจ้าจึงสำคัญเป็นจุดเริ่มต้น

ในยุคปัจจุบันทุกคนสามารถเข้าถึงและอ่านไบเบิลได้ง่าย มีแปลหลายร้อยภาษา ศึกษาได้ ท่องได้ แต่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงความล้ำลึกฝ่ายวิญญาณ (เว้นแต่พระเจ้าจะอนุญาตให้เข้าใจบางส่วน) ผู้เชื่อเท่านั้นที่สามาถอ่านและเข้าถึงฝ่ายวิญญาณ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเปิดเผยให้เข้าใจความล้ำลึกนี้

2.2 ของล้ำค่าที่ซื้อไม่ได้

อะไรคือของล้ำค่าที่มหาเศรษฐีโลกซื้อไม่ได้

โยบ.28:15-17

15 จะเอาทองคำซื้อก็ไม่ได้ และจะชั่งเงินให้ตามราคาก็ไม่ได้

16 จะตีราคาเป็นทองคำโอฟีร์ก็ไม่ได้ หรือเป็นโกเมนหรือแก้วไพฑูรย์ประเสริฐก็ไม่ได้

17 จะเทียบเท่าทองคำและแก้วก็ไม่ได้ หรือจะแลกกับเครื่องทองคำนพคุณก็ไม่ได้

สภษ.9:10 ความยำเกรงพระเจ้าเป็นที่เริ่มต้นของปัญญา และซึ่งรู้จักองค์บริสุทธิ์เป็นความรอบรู้

The fear of the LORD is the beginning of wisdom, and knowledge of the Holy One is understanding. (NIV)

รากศัพท์คำว่า “รู้จัก” หรือ knowledge ในข้อนี้คือ דַּעַת (อ่านว่า dah'-ath) หมายถึง รู้จัก (know) ความรู้ (knowledge) ไตร่ตรองล่วงหน้า คิดล่วงหน้า (premeditation) 

ใช้ในหลายที่ ส่วนใหญ่ใช้ในความหมาย “ความรู้” เช่น 

อพย.31:3 และได้ให้เขาประกอบด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า คือให้เขามีสติปัญญา ความเข้าใจและความรู้ในวิชาการทุกอย่าง

สดด.94:10 พระองค์ผู้ทรงตีสอนบรรดาประชาชาติ พระองค์จะไม่ทรงขนาบหรือ คือพระองค์ผู้ทรงสอนความรู้ให้มนุษย์

สภษ.9:10 ใช้ในความหมาย “รู้จัก” บางคนอยากรู้ปัญญาพระเจ้าแต่ผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าถึง การยำเกรงพระเจ้าไม่ใช่แค่ความรู้ในสมองแต่เริ่มต้นด้วยตัดสินใจขอเชื่อศรัทธา ขอยำเกรง นำสู่การเข้าถึงพระเจ้า จึงเป็นของล้ำค่าที่ซื้อไม่ได้ ต้องเข้าถึงในฝ่ายวิญญาณเท่านั้น

อธิบายขยายความ : คนไม่เชื่อพระเจ้าสามารถอ่านหนังสืออธิบายพระคัมภีร์ของคริสเตียน สามารถอ่านบทเรียนคำสอนคริสตจักร สามารถฟังทำเทศนาสั่งสอนที่มีมากมาย พวกเขาเข้าใจที่ระดับสมองเท่านั้น ไม่สามารถเข้าถึงจิตวิญญาณ ต่างจากผู้เชื่อที่ปัญญาพระเจ้าหรือพระวจนะเป็นอาหารฝ่ายวิญญาณทำให้จิตวิญญาณเติบโต

ทำให้จิตวิญญาณเติบโต (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

มธ.4:4 ฝ่ายพระองค์ตรัสตอบว่า "มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า "มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า

“มนุษย์” ในที่นี้โยงถึงสมัยพระคัมภีร์เดิม หมายถึงผู้เชื่อคนอิสราเอลในสมัยนั้น พระเยซูนำมาจาก ฉธบ.8:3

ฉธบ.8:1-3

1 "บัญญัติทั้งสิ้นซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้นั้น ท่านทั้งหลายจงระวังกระทำตาม เพื่อท่านทั้งหลายจะมีชีวิตและทวีมากขึ้น และเข้าไปยึดครองแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงปฏิญาณที่จะกระทำแก่บรรพบุรุษของท่าน

2 ท่านทั้งหลายจงระลึกถึงทางซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงนำท่านอยู่ในถิ่นทุรกันดารถึงสี่สิบปี เพื่อพระองค์จะทรงกระทำให้ท่านถ่อมใจ และทดลองให้ทราบว่าจิตใจของท่านเป็นอย่างไร ดูว่าท่านจะรักษาพระบัญญัติของพระองค์หรือไม่

3 พระองค์ทรงกระทำให้ท่านถ่อมใจ และปล่อยท่านให้หิวและเลี้ยงท่านด้วยมานา ซึ่งท่านเองหรือปู่ย่าตายายของท่านก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไร เพื่อพระองค์จะทรงกระทำให้ท่านตระหนักแก่ใจว่า มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวก็หามิได้ แต่มนุษย์จะมีชีวิตอยู่ได้ด้วยทุกสิ่งที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า

มีคำสอนมากมายให้ยึดคำสอน เช่น

สภษ.4:4-9

4 บิดาสอนเราและพูดกับเราว่า "ให้ใจของเจ้ายึดคำสอนของเราไว้ให้มั่น จงรักษาบัญญัติของเรา และมีชีวิตอยู่

5 อย่าลืมและอย่าหันกลับจากถ้อยคำแห่งปากของเรา จงเอาปัญญา และเอาความรอบรู้

6 อย่าทอดทิ้งเธอ และเธอจะรักษาเจ้าไว้ จงรักปัญญา และปัญญาจะระแวดระวังเจ้า

7 ที่เริ่มต้นของปัญญาเป็นอย่างนี้คือจงเอาปัญญาแม้เจ้าจะได้อะไรก็ตาม จงเอาความรอบรู้ไว้

8 จงตีราคาปัญญาให้สูง และปัญญาจะยกย่องเจ้าถ้าเจ้ากอดปัญญาไว้ ปัญญาจะให้เกียรติเจ้า

9 เธอจะเอามงคลงามสวมศีรษะเจ้า จะให้มงกุฎงามแก่เจ้า"

2ทธ.3:16-17

16 พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอนการตักเตือนว่ากล่าวการปรับปรุงแก้ไขคนให้ดีและการอบรมในทางธรรม

All Scripture is God-breathed and is useful for teaching, rebuking, correcting and training in righteousness,

17 เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง

so that the servant of God may be thoroughly equipped for every good work.

การอ่านพระคัมภีร์อย่างครบถ้วน “ทุกตอน” ทุกข้อจึงมีค่ายิ่ง จิตวิญญาณเติบโตแจ่มใส ล่วงรู้ปัญญาพระเจ้าอย่างครบถ้วน ทรงเปิดเผยให้เข้าใจความล้ำลึกที่ซ่อนอยู่ 

3. ทรงรู้ว่าปัญญาที่ว่าอยู่ที่ใด เพราะทรงสร้างขึ้นเอง 

โยบ.28:23-26

23 "พระเจ้าทรงทราบทางไปหาพระปัญญานั้น และพระองค์ทรงทราบที่อยู่ของพระปัญญาด้วย

24 เพราะพระองค์ทอดพระเนตรไปถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก และทรงเห็นทุกสิ่งที่ใต้ฟ้าสวรรค์

25 ในเมื่อพระองค์ทรงกำหนดน้ำหนักให้แก่ลม และทรงกะน้ำด้วยเครื่องตวง

26 เมื่อพระองค์ทรงสร้างกฎให้ฝน และสร้างทางไว้ให้แสงแลบของฟ้าผ่า

4. ความยำเกรงพระเจ้าคือพระปัญญา

โยบ.28:27-28

27 แล้วพระองค์ทอดพระเนตรพระปัญญาและทรงชันสูตร ทรงสถาปนาไว้และทรงวิจัย

28 และพระองค์ตรัสกับมนุษย์ว่า "ดูเถิด ความยำเกรงพระเจ้า นั่นแหละคือพระปัญญา และที่จะหันจากความชั่ว คือความเข้าใจ"

4.1 ความยำเกรงพระเจ้าคือพระปัญญา (27)

ความยำเกรงพระเจ้าคือพระปัญญา พระคัมภีร์ข้อนี้สรุปสั้นๆ ว่าผู้มีปัญญาคือคนที่เชื่อศรัทธาพระองค์ (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น) 

พระปัญญานำความรอด ให้ชีวิตนิรันดร์ที่หาไม่ได้จากทางอื่น ส่วนในโลกนี้มีพระองค์อยู่เคียงข้างคอยนำทาง 

สดด.23:1-6

1 พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน

2 พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมน้ำแดนสงบ

3 ทรงฟื้นจิตวิญญาณของข้าพเจ้า พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปในทางชอบธรรม เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์

4 แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์ คทาและธารพระกรของพระองค์เล้าโลมข้าพระองค์

5 พระองค์ทรงเตรียมสำรับให้ข้าพระองค์ ต่อหน้าต่อตาศัตรูของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเจิมศีรษะข้าพระองค์ด้วยน้ำมัน ขันน้ำของข้าพระองค์ก็ล้นอยู่

6 แน่ทีเดียวที่ความดีและความรักมั่นคงจะติดตามข้าพเจ้าไป ตลอดวันคืนชีวิตของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าสืบไปเป็นนิตย์

แรกเริ่มเดิมที สดด.23:1-6 ไม่ใช่ธรรมบัญญัติ ไม่ใช่คำเผยพระวจนะแต่เป็นชีวิต ผู้แต่ง (ดาวิด) กำลังเล่าประสบการณ์ตนเองโดยแต่เป็นบทเพลง ถวายเกียรติพระเจ้าผู้ดูแลเขาตั้งแต่วันนี้จนถึงนิรันดร์

4.2 ผู้มีความเข้าใจจะหนีห่างความชั่ว (28)

โยบ.28:28 และพระองค์ตรัสกับมนุษย์ว่า "ดูเถิด ความยำเกรงพระเจ้า นั่นแหละคือพระปัญญา และที่จะหันจากความชั่ว คือความเข้าใจ"

จะวัดว่าใครมีความเข้าใจพระปัญญามากน้อย ดูจากความตั้งใจของผู้นั้นที่พยายามดำเนินชีวิตในความชอบธรรม อย่างน้อยต้องไม่อยากทำผิดบาป เพราะเข้าใจจริงๆ ว่าผลของความบาป (รักสนุก เอาแต่ใจตัว ไม่สนใจผิดถูก) นั้นร้ายแรงเพียงใด ทางที่เป็นประโยชน์ให้ผลดีแท้คือทางของพระเจ้า

“และที่จะหันจากความชั่ว” จึงเป็นดัชนีชี้ว่าใครเข้าเข้าถึงพระปัญญา

อธิบายขยายความ : ต้องมีความเข้าใจว่าการเข้าถึงพระปัญญาไม่ใช่แค่มีความรู้ที่สมอง เช่น ท่องพระคัมภีร์ได้ อธิบายได้ แต่การเข้าถึงแท้คือการเข้าถึงในฝ่ายวิญญาณจนเกิดผลฝ่ายวิญญาณ นั่นคือชีวิตเปลี่ยน จากเดิมที่ชอบทำบาปมาเป็นผู้เชื่อที่ตั้งใจพยายามดำเนินชีวิตตามหลักการพระเจ้าและทำได้มากขึ้นครบถ้วนขึ้นตามลำดับ ข้อนี้เกิดกับผู้เชื่อศรัทธาแท้เท่านั้น โยบคือตัวอย่างของคำสอนนี้

ผลพระปัญญาจะนำผู้เชื่อ “หันจากความชั่ว” ดำเนินชีวิตยำเกรงพระเจ้า

ผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าเท่านั้นพบพระปัญญาและสามารถดำเนินตามทางนั้น ทางสู่ความรอด รางวัลนิรันดร์ที่มีค่ามากกว่าทุกสิ่งในโลกรวมกัน

พระเยซูจึงสอนดังนี้ (มก.8:35-38)

มก.8:35-38

35 เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐ ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด

36 เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร

37 เพราะว่าผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา

คำถาม จงถามตัวเองตอนนี้ว่า ท่านตั้งใจ “หันจากความชั่ว” มากเพียงไร

จงกลับใจใหม่ เริ่มต้นใหม่กับพระเจ้าอีกครั้ง พระองค์พร้อมอภัย

ความยำเกรงพระเจ้าเป็นพระปัญญาที่จะนำผู้ที่พระองค์เลือกสรรให้ได้รับความรอด รับการทรงนำตลอดชีวิตของเขา เป็นตัวแทนพระองค์ในโลกนี้

คำถามหลังคำสอน :

1) บทเรียนวันนี้สอนเรื่องความสำคัญของพระปัญญาอย่างไร

2) ท่านตั้งใจค้นหาพระปัญญาอย่างไร แบ่งปันวิธีที่ท่านทำ

--------------------------


23/06/2566

วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ 25 ทำอย่างไรจึงจะนมัสการด้วยใจยินดี อิ่มเอมฝ่ายวิญญาณ สดด.63:1-8

ทำอย่างไรจึงจะนมัสการด้วยใจยินดี อิ่มเอมฝ่ายวิญญาณ สดด.63:1-8

ในที่นี้ยกกรณีตัวอย่างดาวิดจาก สดด.63:1-8 เป็นภาพ “ความสัมพันธ์ระหว่างดาวิดกับพระเจ้าของเขา” เป็นแบบอย่างแก่ผู้เชื่อทั้งหลาย


1. ตั้งใจแสวงหาพระเจ้าอย่างมาก 

ใช้คำว่ากระหายหา กระเสือกระสน

สดด.63:1 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์แสวงพระองค์ จิตวิญญาณของข้าพระองค์กระหายหาพระองค์ เนื้อหนังของข้าพระองค์กระเสือกกระสนหาพระองค์ ในดินแดนที่แห้งและอ่อนโหย ที่ที่ไม่มีน้ำ

You, God, are my God, earnestly I seek you; I thirst for you, my whole being longs for you, in a dry and parched land where there is no water.

2. ผลที่ได้คือพบพระเจ้า สัมผัสพระองค์

สถานนมัสการในตอนนั้นคือพลับพลาที่ซึ่งพระเจ้าประทับอยู่ คนอิสราเอลนมัสการโดยมีพลับพลาเป็นศูนย์กลางตามบริบทยุคนั้น 

สดด.63:2 เช่นนั้นแหละ ข้าพระองค์จึงเคยเห็นพระองค์ในสถานนมัสการ เห็นฤทธานุภาพและพระสิริของพระองค์

I have seen you in the sanctuary and beheld your power and your glory.

คำว่า “เห็นพระองค์” ไม่ใช่การเห็นพระองค์หน้าต่อหน้า ไม่มีใครทำเช่นนั้นได้เพราะจะเสียชีวิตทุกคน (ไม่มีใครบริสุทธิ์) จึงเป็นการใช้คำเพื่อบรรยายว่าได้ “สัมผัส” พระองค์ในบางรูปแบบ สดด.63:2 บรรยายว่าได้สัมผัส (เห็น) พลังอันยิ่งใหญ่ สัมผัสพระสิริ

การสัมผัสพบพระเจ้าเป็นผลจากความตั้งใจแสวงหาพระเจ้าอย่างมาก (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

3. สัมผัสความรักพระองค์

ประโยคถัดจากข้อ 2 ดาวิดพูดถึงความรักพระเจ้า ไม่ใช่แค่รู้จากธรรมบัญญัติว่าพระเจ้าเป็นความรักแต่เขาสัมผัสความรักพระองค์ ตีค่าความรักนี้สูงสุด และด้วยเหตุที่ได้ความรักที่มีคุณค่าเหนือชีวิต จึงสรรเสริญพระองค์

สดด.63:3 เพราะว่าความรักมั่นคงของพระองค์ดีกว่าชีวิต ริมฝีปากของข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์

Because your love is better than life, my lips will glorify you.

“ความรักมั่นคงของพระองค์” ถ้าเทียบกับพระคัมภีร์ใหม่คือ “อากาเป้” ความรักที่มาจากพระเจ้า ดาวิดสัมผัสรักนี้ (อย่างเต็มขนาด) ถึงกับชี้ว่ามีค่าสูงกว่าชีวิต มีค่าสูงกว่าสิ่งใดๆ

คริสเตียนจึงต้องได้รับอากาเป้ สำแดงอากาเป้

4. ประการณ์สัมผัสพระองค์เกิดขึ้นเสมอ 

ข้อ 4 ดาวิดสรุปรวบยอดจากคำพูดก่อนหน้านั้นว่าด้วยเหตุนี้เขาจะสรรเสริญพระองค์ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ข้อนี้กำลังบอกว่าท่านไม่ได้สัมผัสพระเจ้าแค่ครั้งเดียวหรือนานๆ ครั้งแต่สัมผัสเสมอตลอดชีวิตของท่าน

สดด.63:4 เช่นนั้นแหละ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ ตราบเท่าชีวิตของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ชูมือต่อพระนามของพระองค์

I will praise you as long as I live, and in your name I will lift up my hands.

อธิบายขยายความ : การสัมผัสพระเจ้าไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาดที่จะเกิดนานๆ ครั้ง ขึ้นกับการพัฒนาความสัมพันธ์กับพระองค์ ในช่วงหนึ่งอาจสัมผัสยากหรือนานๆ ครั้ง เมื่อพัฒนาความสัมพันธ์มากขึ้น ลึกซึ้งขึ้น มีประสบการณ์ถี่ขึ้นเรื่อยๆ การสัมผัสพระเจ้าจะกลายเป็นเรื่องปกติ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้เชื่อและควรจะเป็นเช่นนั้น

5. ผลที่แสดงออกเห็นได้ชัดเจน

ลักษณะบางประการที่แสดงออกเมื่อสัมผัสพระเจ้าคืออิ่มเอมฝ่ายวิญญาณ สรรเสริญนมัสการด้วยความชื่นบาน หรือรูปแบบอื่นๆ ขึ้นกับพระเจ้า เป็นผลจากการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์

สดด.63:5 จิตใจของข้าพระองค์จะอิ่มหนำดังกินเนื้ออย่างดีและไขมัน และปากของข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ด้วยริมฝีปากที่ชื่นบาน

I will be fully satisfied as with the richest of foods; with singing lips my mouth will praise you.

5.1 อิ่มเอมฝ่ายวิญญาณ (5ก)

ข้อ 5 ไม่ได้หมายถึงกินอิ่มท้อง ดาวิดกำลังพูดถึงที่ท่านสัมผัสพระเจ้า เกิดความอิ่มเอมฝ่ายวิญญาณเหมือนดังกินอาหารที่ดีที่สุด

สดด.9:1-2

1 ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะบอกถึงการอัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์

2 ข้าพระองค์จะยินดีและปลาบปลื้มใจในพระองค์ ข้าแต่องค์ผู้สูงสุด ข้าพระองค์จะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์

สดด.9:2 เกิดความ "ปลาบปลื้มใจในพระองค์" สังเกตว่าสัมพันธ์กับพระเจ้า ไม่ใช่อย่างอื่น

5.2 สรรเสริญนมัสการด้วยความชื่นบาน (5ข)

การสรรเสริญนมัสการด้วยความชื่นบานไม่ใช่การพยายามที่จะยิ้มหรือทำตัวชื่นบาน เป็นผลฝ่ายวิญญาณโดยตรง สะท้อนจิตวิญญาณของผู้นั้น การทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อเขาเอ่ยนามพระองค์ (พระเจ้าเป็นความชื่นบานของเขา และเป็นอื่นๆ เช่น เป็นสันติสุข เป็นความรักของเขา เป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณล้วนๆ)

6. เพียงแค่คิดถึงพระองค์

ข้อ 6-8 ดาวิดพูดถึงชีวิตตนที่ใกล้ชิดพระองค์อีก พรรณนาว่าคิดถึงพระเจ้าในยามที่ท่านอยู่บนเตียง (บรรยากาศสบายๆ คนกำลังพักผ่อนเข้านอน) 

สดด.63:6 เมื่อข้าพระองค์คิดถึงพระองค์ขณะอยู่บนที่นอน และภาวนาถึงพระองค์ทุกๆ ยาม

On my bed I remember you; I think of you through the watches of the night.

คำถาม เมื่อท่านเข้านอน ท่านคิดถึงใคร

7. เหตุที่คิดถึงพระองค์

ดาวิดสรุปรวบยอดในข้อนี้ว่าเหตุที่คิดถึงพระองค์ด้วยความรัก ความปีติยินดี “เพราะพระองค์ทรงเป็นความอุปถัมภ์ของข้าพระองค์” สรุปรวบยอดการอวยพรที่ท่านได้รับมากมาย

สดด.63:7 เพราะพระองค์ทรงเป็นความอุปถัมภ์ของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เปรมปรีดิ์อยู่ในร่มปีกของพระองค์

Because you are my help, I sing in the shadow of your wings.

8. ท่านจะใกล้ชิดติดสนิทพระองค์ต่อไป

ดาวิดเรียนรู้และได้รับผลดีจากการใกล้ชิดติดสนิทพระเจ้า ยิ่งทำให้อยากใกล้ชิดติดสนิทยิ่งกว่าเดิม ลึกลงในความสัมพันธ์นี้ รู้ดีว่าพระเจ้าจะเป็นผู้อุปถัมภ์ท่านต่อไป

สดด.63:8 จิตวิญญาณของข้าพระองค์เกาะติดอยู่ที่พระองค์ พระหัตถ์ขวาของพระองค์ชูข้าพระองค์ไว้

I cling to you; your right hand upholds me.

“จิตวิญญาณของข้าพระองค์เกาะติดอยู่ที่พระองค์” (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

ใกล้ชิดอย่างไร ให้จิตวิญญาณเกาะติดกับพระองค์ สุดท้ายคือหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวซึ่งจะเกิดขึ้นสมบูรณ์เมื่อผู้เชื่ออยู่กับพระเจ้าในสวรรค์สถาน

คำสอนการนมัสการจาก สดด.63:1-8 :

พระเจ้าสั่งให้สรรเสริญด้วยใจชื่นชมยินดีแต่ต้องมาจากผลฝ่ายวิญญาณ เพราะการสรรเสริญนมัสการไม่ใช่การร้องเล่นเต้นรำ เป็นการแสดงออกฝ่ายวิญญาณถึงการรู้จักพระเจ้า ความรักที่มีต่อพระองค์ แสดงออกว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่ในชีวิตของเขามากเพียงไร การสรรเสริญนมัสการต้องตั้งเป้าให้เกิดผลฝ่ายวิญญาณ นมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง

เพราะการสรรเสริญนมัสการไม่ใช่การร้องเล่นเต้นรำ เป็นการแสดงออกฝ่ายวิญญาณถึงการรู้จักพระเจ้า (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

สดด.9:1-2

1 ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะบอกถึงการอัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์

2 ข้าพระองค์จะยินดีและปลาบปลื้มใจในพระองค์ ข้าแต่องค์ผู้สูงสุด ข้าพระองค์จะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์

อสย.61:10-11

10 ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์อย่างยิ่งในพระเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าจะลิงโลดในพระเจ้าของข้าพเจ้า เพราะพระองค์ได้ทรงสวมข้าพเจ้าด้วยเสื้อผ้าแห่งความรอด พระองค์ทรงคลุมข้าพเจ้าด้วยเสื้อแห่งความชอบธรรม อย่างเจ้าบ่าวประดับตัวด้วยพวงมาลัย และอย่างเจ้าสาวตกแต่งตัวด้วยเพชรนิลจินดา

11 เพราะแผ่นดินโลกได้เกิดหน่อของมัน และสวนทำให้สิ่งที่หว่านในนั้นงอกขึ้นมาฉันใด พระเจ้าจะทรงทำให้ความชอบธรรมและความสรรเสริญ งอกขึ้นมาต่อหน้าบรรดาประชาชาติฉันนั้น

ใจที่แสวงหาอยากใกล้ชิดพระองค์จึงเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของนักนมัสการและพระองค์เป็นผู้กระทำให้สำเร็จ (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

คำถาม ถ้าไม่อยากใกล้ชิดพระเจ้าแล้วกำลังใกล้ชิดใคร

ความอิ่มเอมใจ (ปลาบปลื้มใจ) ความยินดี และอื่นๆ เช่น มีความรัก สันติสุข ล้วนเป็นสิ่งที่พระเจ้ามอบให้ไม่ได้สร้างขึ้นเอง เป็นเรื่องฝ่ายจิตวิญญาณ จึงไม่ขึ้นกับบริบทสถานการณ์รอบข้างตราบเท่าที่พลังฝ่ายวิญญาณอยู่เหนือบริบท (สัมผัสความรัก อิ่มเอมใจ มีสันติสุขแม้ในบริบทไม่น่ายินดี) 

ฟป.4:9 จงกระทำทุกสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้และได้รับไว้ ได้ยิน และได้เห็นในข้าพเจ้าแล้ว และพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงสถิตกับท่าน

Whatever you have learned or received or heard from me, or seen in me—put it into practice. And the God of peace will be with you.

2ธส.3:16 ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสันติสุข ทรงโปรดประทานสันติสุขให้แก่ท่านทั้งหลายทุกเวลาและทุกทาง ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าดำรงอยู่กับท่านทุกคนเถิด

Now may the Lord of peace himself give you peace at all times and in every way. The Lord be with all of you.

องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสันติสุข (Lord of peace) ตัวพระองค์คือสันติสุข เช่นเดียวกับที่ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรัก

วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ (25) : มีความสัมพันธ์กับพระเจ้าดังดาวิดกับพระเจ้าของเขา

วิธีการง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ ทำได้ดังนี้

1. จงมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าของท่านดังดาวิดกับพระเจ้าของเขา

จงมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าของท่านดังดาวิดกับพระเจ้าของเขา (สดด.63:1-8) สัมผัสได้ว่า God is good; his love endures forever.

สดด.106:1 จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด จงโมทนาขอบพระคุณพระเจ้า เพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์

Praise the LORD. Give thanks to the LORD, for he is good; his love endures forever.

ความรักในที่นี้เป็นความรักฝ่ายวิญญาณ เป็นความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับผู้เชื่อ เข้าถึงว่าพระองค์ประเสริฐเพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์

สดด.106:1 ให้หลักการสำคัญว่าเหตุที่สรรเสริญขอบพระคุณ “เพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์” นักนมัสการต้องพัฒนาฝ่ายวิญญาณจนเข้าถึงจุดนี้ให้จงได้ (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

ท่านกำลังนมัสการด้วยเหตุผลใด 

สดด.106:1 เป็นคำบัญชา

-------------------


22/06/2566

Ep2 ของล้ำค่าที่ซื้อไม่ได้

             อะไรคือของล้ำค่าที่มหาเศรษฐีโลกซื้อไม่ได้

โยบ.28:15-17

15 จะเอาทองคำซื้อก็ไม่ได้ และจะชั่งเงินให้ตามราคาก็ไม่ได้

16 จะตีราคาเป็นทองคำโอฟีร์ก็ไม่ได้ หรือเป็นโกเมนหรือแก้วไพฑูรย์ประเสริฐก็ไม่ได้

17 จะเทียบเท่าทองคำและแก้วก็ไม่ได้ หรือจะแลกกับเครื่องทองคำนพคุณก็ไม่ได้

สภษ.9:10 ความยำเกรงพระเจ้าเป็นที่เริ่มต้นของปัญญา และซึ่งรู้จักองค์บริสุทธิ์เป็นความรอบรู้

The fear of the LORD is the beginning of wisdom, and knowledge of the Holy One is understanding. (NIV)

            รากศัพท์คำว่า “รู้จัก” หรือ knowledge ในข้อนี้คือ דַּעַת (อ่านว่า dah'-ath) หมายถึง รู้จัก (know) ความรู้ (knowledge) ไตร่ตรองล่วงหน้า คิดล่วงหน้า (premeditation)

            ใช้ในหลายที่ ส่วนใหญ่ใช้ในความหมาย “ความรู้” เช่น

อพย.31:3 และได้ให้เขาประกอบด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า คือให้เขามีสติปัญญา ความเข้าใจและความรู้ในวิชาการทุกอย่าง

สดด.94:10 พระองค์ผู้ทรงตีสอนบรรดาประชาชาติ พระองค์จะไม่ทรงขนาบหรือ คือพระองค์ผู้ทรงสอนความรู้ให้มนุษย์

สภษ.9:10 ใช้ในความหมาย “รู้จัก” บางคนอยากรู้ปัญญาพระเจ้าแต่ผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าถึง การยำเกรงพระเจ้าไม่ใช่แค่ความรู้ในสมองแต่เริ่มต้นด้วยตัดสินใจขอเชื่อศรัทธา ขอยำเกรง นำสู่การเข้าถึงพระเจ้า จึงเป็นของล้ำค่าที่ซื้อไม่ได้ ต้องเข้าถึงในฝ่ายวิญญาณเท่านั้น

            อธิบายขยายความ : คนไม่เชื่อพระเจ้าสามารถอ่านหนังสืออธิบายพระคัมภีร์ของคริสเตียน สามารถอ่านบทเรียนคำสอนคริสตจักร สามารถฟังทำเทศนาสั่งสอนที่มีมากมาย พวกเขาเข้าใจที่ระดับสมองเท่านั้น ไม่สามารถเข้าถึงจิตวิญญาณ ต่างจากผู้เชื่อที่ปัญญาพระเจ้าหรือพระวจนะเป็นอาหารฝ่ายวิญญาณทำให้จิตวิญญาณเติบโต

            ทำให้จิตวิญญาณเติบโต  (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

มธ.4:14 ฝ่ายพระองค์ตรัสตอบว่า "มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า "มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า

            “มนุษย์” ในที่นี้โยงถึงสมัยพระคัมภีร์เดิม หมายถึงผู้เชื่อคนอิสราเอลในสมัยนั้น พระเยซูนำมาจาก ฉธบ.8:3

ฉธบ.8:1-3

1 "บัญญัติทั้งสิ้นซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้นั้น ท่านทั้งหลายจงระวังกระทำตาม เพื่อท่านทั้งหลายจะมีชีวิตและทวีมากขึ้น และเข้าไปยึดครองแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงปฏิญาณที่จะกระทำแก่บรรพบุรุษของท่าน

2 ท่านทั้งหลายจงระลึกถึงทางซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงนำท่านอยู่ในถิ่นทุรกันดารถึงสี่สิบปี เพื่อพระองค์จะทรงกระทำให้ท่านถ่อมใจ และทดลองให้ทราบว่าจิตใจของท่านเป็นอย่างไร ดูว่าท่านจะรักษาพระบัญญัติของพระองค์หรือไม่

3 พระองค์ทรงกระทำให้ท่านถ่อมใจ และปล่อยท่านให้หิวและเลี้ยงท่านด้วยมานา ซึ่งท่านเองหรือปู่ย่าตายายของท่านก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไร เพื่อพระองค์จะทรงกระทำให้ท่านตระหนักแก่ใจว่า มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวก็หามิได้ แต่มนุษย์จะมีชีวิตอยู่ได้ด้วยทุกสิ่งที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า

            มีคำสอนมากมายให้ยึดคำสอน เช่น

สภษ.4:4-9

4 บิดาสอนเราและพูดกับเราว่า "ให้ใจของเจ้ายึดคำสอนของเราไว้ให้มั่น จงรักษาบัญญัติของเรา และมีชีวิตอยู่

5 อย่าลืมและอย่าหันกลับจากถ้อยคำแห่งปากของเรา จงเอาปัญญา และเอาความรอบรู้

6 อย่าทอดทิ้งเธอ และเธอจะรักษาเจ้าไว้ จงรักปัญญา และปัญญาจะระแวดระวังเจ้า

7 ที่เริ่มต้นของปัญญาเป็นอย่างนี้คือจงเอาปัญญาแม้เจ้าจะได้อะไรก็ตาม จงเอาความรอบรู้ไว้

8 จงตีราคาปัญญาให้สูง และปัญญาจะยกย่องเจ้าถ้าเจ้ากอดปัญญาไว้ ปัญญาจะให้เกียรติเจ้า

9 เธอจะเอามงคลงามสวมศีรษะเจ้า จะให้มงกุฎงามแก่เจ้า"

2ทธ.3:16-17

16 พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอนการตักเตือนว่ากล่าวการปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม

All Scripture is God-breathed and is useful for teaching, rebuking, correcting and training in righteousness,

17 เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง

so that the servant of God may be thoroughly equipped for every good work.

การอ่านพระคัมภีร์อย่างครบถ้วน “ทุกตอน” ทุกข้อจึงมีค่ายิ่ง จิตวิญญาณเติบโตแจ่มใส ล่วงรู้ปัญญาพระเจ้าอย่างครบถ้วน ทรงเปิดเผยให้เข้าใจความล้ำลึกที่ซ่อนอยู่ 

                        - - - - - - - 

ผู้ใดได้เห็นได้อ่านพระคำ ผู้นั้นพบขุมทรัพย์ประเมินค่ามิได้

ผู้ใดได้ยินพระคำอยู่เสมอ เขาอยู่ในเขตอาณาจักรพระเจ้า

ผู้ใดอ่านและเชื่อตามนั้น แผ่นดินสวรรค์เป็นของเขา

ผู้ใดอ่านแล้วเกิดใจยินดี พระเจ้าเลือกเขาแล้วไม่ใช่หรือ

ผู้ใดตรึกตรองพระคำเช้าเย็น จะพบความจริงที่โลกยังมืดบอด

ผู้ใดทำตามด้วยยินดี จะเป็นดังเถาองุ่นที่ออกลูกดกตลอดปี

ผู้ใดยึดพระคำไว้มั่น ชีวิตจะมั่นคง ทูตสวรรค์รายล้อม

ผู้ใดรักพระคำ ความรักพระองค์อยู่กับผู้นั้น

ผู้ใดได้ยินพระสุรเสียงขณะอ่าน จิตวิญญาณใกล้ชิดองค์ผู้ทรงเหนือนามใดๆ

ผู้ใดมีครบทุกข้อ คือบุคคลที่พระเจ้าอวยพรจริงๆ

---------------------

18/06/2566

สัมผัสพระเจ้า

ความหมายการสัมผัสพระเจ้า:

            การสัมผัสพระเจ้า (Experiencing God, To touch God) คือ สภาพเข้าถึงการทรงพระชนม์อยู่ สามัคคีธรรมใกล้ชิดกับพระองค์ มีหลากหลายรูปแบบ สัมผัสพระสิริตามที่ทรงสำแดง แบ่งออกเป็นหลายระดับตามความใกล้ชิดสนิทสนม เป็นผลจากการที่ผู้เชื่อมุ่งแสวงหาพระเจ้า ติดสนิทกับพระองค์ เป้าหมายสุดท้ายคือการกลับไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
            การสัมผัสพระเจ้าเป็นประสบการณ์ว่าพระเจ้าทรงพระชมน์อยู่ อาจเป็นประสบการณ์ส่วนตัวหรือหมู่คณะก็ได้ เช่น ร่วมในเหตุการณ์เดียวกัน
            ตัวอย่าง ประสบการณ์ร่วม

ลนต.9:23-24

23 โมเสสกับอาโรนจึงเข้าไปในเต็นท์นัดพบ เมื่อเขาทั้งสองออกมา เขาก็อวยพรประชาชน และพระสิริของพระเจ้าก็ปรากฏแก่ประชาชนทั้งมวล

Moses and Aaron then went into the tent of meeting. When they came out, they blessed the people; and the glory of the LORD appeared to all the people.

24 เปลวเพลิงพลุ่งออกมาต่อพระพักตร์พระเจ้า เผาเครื่องเผาบูชาและไขมันซึ่งอยู่บนแท่น เมื่อประชาชนทั้งหลายเห็นก็โห่ร้องและซบหน้าลง
Fire came out from the presence of the LORD and consumed the burnt offering and the fat portions on the altar. And when all the people saw it, they shouted for joy and fell facedown.

            การสำแดงพระสิริมีหลายรูปแบบ คนของพระเจ้าสัมผัสได้ด้วยตัวเองหลากหลายอย่าง ลนต.9:23-24 มีไฟที่ลงมาเผาเครื่องบูชาเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่เป็นรูปธรรมชัดเจน

            แท้จริงแล้ว “ชีวิตผู้เชื่อคือชีวิตที่สัมพันธ์กับพระเจ้า” ความเข้าใจพระวจนะ การประพฤติตามคำสอนเป็นเครื่องมือสู่สิ่งนี้ ในสวรรค์ผู้เชื่อทั้งหมดจะใกล้ชิดพระองค์อย่างสมบูรณ์และนิรันดร์
            แท้จริงแล้ว “ชีวิตผู้เชื่อคือชีวิตที่สัมพันธ์กับพระเจ้า” (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

มก.10:13-16

13 ขณะนั้นเขาพาเด็กเล็กๆมาหาพระองค์ เพื่อจะให้พระองค์ทรงถูกต้องตัวเด็กนั้น แต่เหล่าสาวกก็ห้ามปรามไว้

14 เมื่อพระเยซูทรงเห็นดังนั้นก็ไม่พอพระทัย จึงตรัสแก่เหล่าสาวกว่า "จงยอมให้เด็กเล็กๆเข้ามาหาเรา อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้าเป็นของคนเช่นเด็กอย่างนั้น

15 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้หนึ่งผู้ใดมิได้รับแผ่นดินของพระเจ้าเหมือนเด็กเล็กๆผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินนั้นไม่ได้"

16 แล้วพระองค์ทรงอุ้มเด็กเล็กๆเหล่านั้นวางพระหัตถ์บนเขา แล้วทรงอวยพรให้

            แท้จริงแล้วพระองค์อยู่ใกล้เรามาก

กจ.17:27-28

27 เพื่อเขาจะได้แสวงหาพระเจ้าและมุ่งหวังจะคลำหาให้พบพระองค์ ที่จริงพระองค์มิทรงอยู่ห่างไกลจากเราทุกคนเลย

God did this so that they would seek him and perhaps reach out for him and find him, though he is not far from any one of us.

28 ด้วยว่า “เรามีชีวิต และไหวตัว และเป็นอยู่ในพระองค์” ตามที่กวีบางคนในพวกท่านได้กล่าวว่า “แท้จริงเราทั้งหลายเป็นเชื้อสายของพระองค์”


คริสเตียนที่นับถือศาสนาคริสต์กับคริสเตียนที่รู้จักผูกพันพระคริสต์:

             เมื่อพระเยซูเสด็จมาในโลก สภาพที่ปรากฏชัดคืออิสราเอลมุ่งยึดถือธรรมบัญญัติอย่างผิดๆ ประกอบพิธีกรรมโดยไม่เข้าถึงความหมาย คำสอนถูกบิดเบือน ไม่แสวงหาพระเจ้าจริง พระเยซูกล่าวโทษพวกธรรมาจารย์กับฟาริสีอย่างรุนแรง

            อิสราเอลในสมัยนั้นเป็นพวกนับถือศาสนามากกว่ารู้จักพระเจ้า ขาดความผูกพันใกล้ชิดพระองค์

            พระเยซูกล่าวโทษในมัทธิว23

มธ.23:1-3, 23

1 ครั้งนั้น พระเยซูตรัสกับประชาชนและพวกสาวกของพระองค์ว่า

2 "พวกธรรมาจารย์กับพวกฟาริสีนั่งบนที่นั่งของโมเสส

3 เหตุฉะนั้น ทุกสิ่งซึ่งเขาสั่งสอนพวกท่าน จงถือประพฤติตาม เว้นแต่การประพฤติของเขาอย่าได้ทำตามเลย เพราะเขาเป็นแต่ผู้สั่งสอน แต่เขาเองหาทำตามไม่

23 "วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยพวกเจ้าถวายทศางค์ ของสะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า ส่วนข้อสำคัญแห่งธรรมบัญญัติคือความยุติธรรมความเมตตา ความเชื่อนั้นได้ละเลยเสีย การถวายทศางค์พวกเจ้าก็ควรปฏิบัติ แต่ไม่ควรละเลยข้อสำคัญนั้นด้วย

            ประเด็นที่สำคัญมากคือพระเยซูกล่าวโทษพวกเขาว่าไม่รู้จักพระเจ้า ไม่รู้จักพระเยโฮวาห์จริง เป็นพวกนับถือศาสนา

ยน.8:13-19

ยน.8:19 เหตุฉะนั้นเขาจึงทูลพระองค์ว่า "พระบิดาของท่านอยู่ที่ไหน" พระเยซูตรัสตอบว่า "ตัวเราก็ดี พระบิดาของเราก็ดี ท่านทั้งหลายไม่รู้จัก ถ้าท่านรู้จักเรา ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย"

            อธิบายขยายความ: ธรรมาจารย์กับฟาริสีศึกษาพระคัมภีร์มาก สามารถท่องข้อพระคัมภีร์ ประกอบพิธีกรรม ถวายเครื่องบูชาเป็นประจำ แต่ไม่เข้าถึงพระองค์ (พระเยโฮวาห์) รู้จักพระเจ้าตามคำสอนธรรมบัญญัติเท่านั้น (ทั้งยังสอนผิดบางเรื่อง) พระเยซูจึงกล่าวโทษพวกเขาว่า “พระบิดาของเราก็ดี ท่านทั้งหลายไม่รู้จัก” ถ้าพวกเขารู้จักพระเยโฮวาห์จริงจะรู้จักพระเยซูด้วย เพราะคือพระเจ้าองค์เดียวกัน

            ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถรู้ว่าพระเยซูเป็นพระเมสสิยาห์ (พระผู้ช่วยให้รอด) พวกเขาพลาดสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต ทั้งๆ ที่คนอิสราเอลสมัยนั้นรอคอยพระเมสสิยาห์ แต่เมื่อทรงเสด็จมาอยู่ตรงหน้ากลับปฏิเสธ

            พวกเขาไม่เข้าถึงพระเจ้าจึงไม่อาจรู้พระราชกิจอันอัศจรรย์

            จึงเป็นหลักการสำคัญเรื่องคริสเตียนที่นับถือศาสนาคริสต์กับคริสเตียนที่รู้จักผูกพันพระคริสต์

            ยุคปัจจุบัน คริสเตียนบางคนรู้จักพระเจ้าเพียงผิวเผิน ไม่สนใจศึกษาพระวจนะ บางคนคิดว่าตัวเองรู้มากแต่ความจริงรู้น้อย เข้าใจผิดมาก เป็นคริสเตียนที่นับถือศาสนาคริสต์มากกว่ามุ่งสัมพันธ์สนิทกับพระคริสต์

            คำถาม: การมุ่งสัมพันธ์สนิทพระเจ้าจะละเลยคำสอนอื่นหรือไม่

            ตอบ: คนที่ติดสนิทได้ต้องมีชีวิตบริสุทธ์ อันหมายถึงผู้นั้นต้องดำเนินชีวิตในความชอบธรรม (ปฏิบัติตามคำสอนต่างๆ) ดำเนินตามนิมิตการทรงเรียก หากไม่เป็นเช่นนี้คือพลาดเป้าหรือบาปนั่นเอง ชีวิตของเขาจะสำแดงพระลักษณะมากขึ้นๆ (สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์มากขึ้นหรือบริสุทธิ์มากขึ้น) พระวิญญาณจะนำชีวิตและช่วยเหลือให้สำเร็จตามนิมิตการทรงเรียก เป็นตัวแทนพระองค์ในโลก 

พัฒนาการของการสัมผัสพระเจ้า:

การสัมผัสพระเจ้าเป็นผลจากการที่ผู้เชื่อตั้งใจแสวงหาพระไม่องค์หยุดหย่อน ในตอนต้นเขาอาจมีประสบการณ์พื้นๆ เช่น พระเจ้าตอบคำอธิษฐานอย่างเจาะจง (เช่น ของหายได้คืน) จากนั้นความเชื่อพัฒนาสูงขึ้นตามลำดับ มีประสบการณ์ล้ำลึกมากขึ้นทุกที สัมผัสพระวิญญาณบริสุทธิ์ (สำแดงการทรงสถิต) ได้ยินพระสุรเสียง สัมผัสความรักสันติสุขที่มาจากพระองค์ รับรู้ชัดเจนว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังนำชีวิต เป็นคนของพระเจ้าตัวแทนพระองค์ที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้

---------------------


คำสอนการสรรเสริญนมัสการ วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ


วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ (26)

ดำเนินชีวิตกับพระเจ้า 

การนมัสการตามพระวจนะกับเชิงประจักษ์

https://www.positive4thailand.com/2024/07/Easy-way-to-touch-God-26.html.html

วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ (25) 

มีความสัมพันธ์กับพระเจ้าดังดาวิดกับพระเจ้าของเขา

ทำอย่างไรจึงจะนมัสการด้วยใจยินดี อิ่มเอมฝ่ายวิญญาณ สดด.63:1-8

https://www.positive4thailand.com/2023/06/Easy-way-to-touch-God-25.html

วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ (10)

การนมัสการในพิธีมหาสนิท

พิธีมหาสนิทเป็นการประกาศชัยชนะของพระเยซู ทรงไถ่บาปสำเร็จตามพระสัญญาตั้งแต่สมัยปฐมกาล และเป็นการประกาศยุคพันธสัญญาใหม่

https://www.positive4thailand.com/2025/01/Worship-Holy-Communion-10.html

วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ (6)

เพลงพิณดาวิดเพลงพิณของพระเจ้า

ดาวิดเป็นเพียงเด็กเลี้ยงแกะ ตัวพิณเป็นของสามัญ เพลงพิณไม่มีอะไรพิเศษ สิ่งพิเศษมีอย่างเดียวคือ “มีการทรงสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์”

https://www.positive4thailand.com/2024/12/David-lyre-play-6.html




12/06/2566

Ep1 ผู้แสวงหาพระเจ้าคือผู้ที่ดีรอบคอบ

(คลิปของบทความในภาษาอังกฤษ https://youtu.be/-Wml7HLbPyc)

  ทำอย่างไรจึงจะห่างไกลบาป อยากเปลี่ยนแปลงชีวิต

สดด.119:1-2

1 บรรดาผู้ที่ดีรอบคอบในทางของเขาก็เป็นสุขคือผู้ที่ดำเนินตามพระธรรมของพระเจ้า

2 ผู้ที่รักษาบรรดาพระโอวาทของพระองค์ก็เป็นสุขคือผู้ที่แสวงหาพระองค์ด้วยสุดใจ

ผู้ที่แสวงหาพระเจ้าแท้จะดำเนินตามคำสอน หรือผู้ที่แสวงหาพระเจ้าแท้จะแสดงออกด้วยการดำเนินชีวิตชอบธรรม ในทางกลับกันคนบาปย่อมประพฤติผิดบาป สังเกตว่าการแสวงหาพระเจ้ากับวิถีชีวิตชอบธรรมเป็นเรื่องเดียวกัน

อธิบายขยายความ : ในทางพฤตินัยคริสเตียนอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงสู่ความบริสุทธิ์ชอบธรรม กระบวนการนี้ต้องใช้เวลา 

1) ผู้ที่แสวงหาพระเจ้าพระองค์จะค่อยๆ เปิดเผยให้เข้าถึงสัจธรรม ชีวิตได้รับการชำระทีละน้อยตามลำดับ สำแดงออกด้วยการรักพระเจ้า รักตัวเองและคนอื่น รักความบริสุทธิ์ เกลียดบาปไม่อยากเข้าใกล้ความบาป 

2) การแสวงหาพระเจ้าทำให้ได้รับกำลังที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต ทำให้ชีวิตเปลี่ยนจริงด้วยกำลังที่มาจากพระองค์ ผู้เชื่อไม่สามารถทำตามคำสอนด้วยการพึ่งพากำลังตัวเอง ต้องอาศัยกำลังที่ได้จากพระเจ้า

3) พระเจ้าจะปกป้องคุ้มครอง ไม่มีใครสมบูรณ์ เขายังทำบาปอยู่แต่พระองค์จะปกป้องคุ้มครอง เขาอาจก้าวผิดทาง พระองค์จะพากลับมา

4) ได้รับการทรงนำ พระองค์ช่วยนำพาชีวิตไปจนตลอดรอดฝั่ง รักษาความเชื่อไว้ได้ (มาตรฐานขั้นต่ำ) ทำนิมิตการทรงเรียกจนสำเร็จหรือไปไกลเท่าที่ทำได้

การแสวงหาพระเจ้ากับวิถีชีวิตชอบธรรมเป็นเรื่องเดียวกัน (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

แสวงหาพระเจ้า ทำให้ใกล้ชิดพระองค์ ห่างไกลบาป ง่ายๆ แค่นี้เอง

การแสวงหาพระเจ้าจึงเป็นหลักปฏิบัติพื้นฐานของผู้เชื่อ

-----------------------


ชีวิตทรงพลัง

 ชีวิตทรงพลัง (A Powerful Life)

คำสอนคริสเตียนสำหรับชีวิตประจำวัน ให้ข้อคิดสะกิดใจ นำไปใช้ได้ทันที



Ep25

ทำไมเชื่อพระเจ้าแล้วไม่ได้รับความรอด

หลายคนคิดว่าขอเพียงเชื่อพระเจ้าแล้วจะรอด ได้ขึ้นสวรรค์แน่นอน เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดที่พบบ่อยทั้งในหมู่คริสเตียนกับคนทั่วไปที่คิดว่าถ้าเชื่อพระเจ้าแล้วไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้ไปสวรรค์

https://www.positive4thailand.com/2025/04/Why-doesnt-believing-in-God-guarantee-salvation.html

Ep24

เฝ้าเดี่ยวในยามเช้า

ผู้มีชีวิตทรงพลังจะอิ่มด้วยรักอันยิ่งใหญ่จากพระเจ้าทั้งวัน เพราะเขาแสวงหาพระเจ้า สัมผัสความรักสดใหม่ทุกเช้า พระเจ้าอยู่กับเขาตั้งแต่เช้ามิใช่หรือ

https://www.positive4thailand.com/2025/03/Morning-Devotion.html

Ep23

ใคร่ครวญความจริงความดีความงาม

บาปชักนำให้คิดชั่ว คิดแต่เรื่องร้ายๆ อันจะทำลายสันติสุขทันที ถ้าต้องการสันติสุขแท้ต้องใคร่ครวญความจริงแท้ความดีแท้ความงามแท้ ดำเนินชีวิตในทางของพระองค์

https://www.positive4thailand.com/2025/01/23-think-about-such-things.html

Ep22

รับกำลังพลังจากพระเจ้า

ลำพังกำลังใจหรือความตั้งใจส่วนตัวไม่พอ ต้องใช้กำลังฝ่ายวิญญาณที่มาจากพระเจ้า ทำได้หลายแบบ เช่น อธิษฐาน อ่านพระวจนะ นมัสการ ทั้งหมดนี้คือวิธีการภายใต้หลักแสวงหาพระเจ้า

https://www.positive4thailand.com/2024/10/Seek-his-face-always.html

Ep21

เลือกถูกชีวิตเปลี่ยนเลือกผิดพังแน่นอน

เพียงแค่ตัดสินใจเลือก ผลลัพธ์รออยู่แล้ว อย่าหลงเลย เลือกถูกชีวิตเปลี่ยน เลือกผิดพังแน่นอน ขอพระเจ้าเมตตาเถิด

https://www.positive4thailand.com/2024/09/If-obey-and-serve.html

Ep20

มั่นใจได้อย่างไรว่าได้รับความรอด

การรับเชื่อและเชื่อว่าพระเยซูไถ่บาปเป็นเพียงจุดเริ่ม พระวิญญาณบริสุทธิ์จะให้ความมั่นใจว่าผู้นั้นได้รับความรอด วิญญาณบริสุทธิ์เป็นตราประทับ

https://www.positive4thailand.com/2024/09/Sealed-by-Holy-Spirit.html

Ep19 

รักเงินจากไป-สันติสุขเข้ามา

หลายคนชีวิตถูกผูกมัดเพราะหวังเป็นเศรษฐี คิดว่ามีเงินมากจะสุขมาก อยากรวยเร็ว คนเหล่ามักขาดสันติสุข ถ้าต้องการสันติสุข วิธีง่ายๆ คือไม่รักเงิน ลดความโลภสันติสุขมาเอง มีเวลาทำสิ่งดีอื่นๆ

Ep18

ยิ่งเปลี่ยนยิ่งเข้าใจชีวิตใหม่

โยบ.36:11-12 ย้ำเตือนผลของการ “กลับใจ” กับ “ไม่กลับใจ” แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทางหนึ่งคือความเจริญรุ่งเรือง (prosperity) อีกทางคือถูกทำลาย ถ้าเลือกพระเจ้าคือเลือกความยั่งยืน ผู้เชื่อศรัทธาจะเข้าใจ ยิ่งเปลี่ยนชีวิตเท่าใด ยิ่งเข้าใจชีวิตใหม่ที่เปลี่ยนไป

และพึงตระหนักว่าการเป็นคริสเตียนไม่ใช่แค่ปากพูดว่าตัวเองเป็นคริสเตียน หรือคิดว่าตัวเองเชื่อพระเจ้า แต่ภายในไม่เปลี่ยนด้วยฤทธิ์เดชพระคุณ

https://www.positive4thailand.com/2024/05/in-contentment.html

Ep17

พระเจ้าช่วยให้พ้นทุกข์อย่างไร

พระเจ้าช่วยให้พ้นทุกข์ ปลดปล่อยให้เป็นไท ด้วยการที่พระองค์เข้ามาดูแลชีวิตผู้เชื่อ นำทิศนำทาง ปกป้องให้ผ่านพ้นอันตราย จนได้รับชีวิตนิรันดร์ ขอเพียงผู้เชื่อ “ติดตามพระเจ้าอย่างมั่นคง ตั้งใจอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าสืบไปเป็นนิตย์” เพียงเท่านี้ก็พ้นจากทุกข์นิรันดร์

https://www.positive4thailand.com/2024/04/How-God-help-you.html

Ep16

ถ้าลดทำบาปชีวิตจะดีขึ้นเอง

คริสเตียนยังมีจุดต้องปรับปรุงอยู่เสมอ จึงอธิษฐานขอความช่วยเหลือ แต่ประสงค์ให้ผู้เชื่อทุกคน “จะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์”

https://www.positive4thailand.com/2024/01/Reducing-sin-life-improve.html

Ep15

ควรทำอะไรแทนการคิดว่าทำไมเกิดมาจน

การใช้เวลาแสวงหาพระเจ้า ติดตามพระองค์ ก่อประโยชน์มหาศาล ดีกว่าการนั่งคิดเรื่องไร้สาระว่าทำไมเกิดมาจน เผชิญเหตุร้าย ฯลฯ

https://www.positive4thailand.com/2024/01/instead-of-thinking-why-i-am-poor.html

Ep14

ชีวิตทรงพลังเชื่อมต่อพระเจ้า

จงแสวงหาพระเจ้า เชื่อมต่อกับพระองค์ ได้ชีวิตทรงพลัง

https://www.positive4thailand.com/2024/01/Connect-God.html

Ep13

คริสเตียนควรทำอย่างไรเมื่อทำบาปซ้ำซาก

ที่ถูกต้องคือสารภาพบาปแล้วแสวงหาใกล้ชิดพระเจ้าเพื่อจะได้รับกำลัง จิตวิญญาณฟื้นฟู มีพลังที่จะเอาชนะบาป เติบโตเข้าใกล้ความไพบูลย์มากขึ้น

https://www.positive4thailand.com/2023/12/Chastisement.html

Ep12 

เริ่มต้นด้วยพระคุณแล้วเป็นความรัก

ผู้ใดติดสนิทผูกพันกับพระเจ้า เติมเต็มด้วยความรักพระองค์ ชีวิตจะสำแดงความทรงพลังด้วยตัวมันเอง

https://www.positive4thailand.com/2023/11/Grace-Agape.html

Ep11

Bible คู่มือแห่งชีวิต

พระคัมภีร์ Bible เป็นคู่มือแห่งชีวิต สันติสุขและความชื่นชมยินดีของพระเจ้าจึงอยู่กับผู้ศึกษาและดำเนินชีวิตตามพระคัมภีร์ทั้งในโลกนี้และนิรันดร์

https://www.positive4thailand.com/2023/10/Bible-manual-of-life.html

Ep10

ยึดความจริงไว้มั่น

แค่ความคิดเปลี่ยน ค่านิยมเปลี่ยน ชีวิตจะทรงพลังขึ้นทันที คนของพระเจ้าจะแสวงหาพระองค์ ติดตามพระองค์ ดำเนินชีวิตตามการทรงเรียก อยู่กับพระองค์ตั้งแต่วันนี้จนถึงนิรันดร์

https://www.positive4thailand.com/2023/10/Hold-the-Truth.html

Ep9

อิ่มด้วยรักยามเช้าจากพระเจ้า

ผู้มีชีวิตทรงพลังจะอิ่มด้วยรักอันยิ่งใหญ่มหาศาลจากพระเจ้าทั้งวัน ด้วยเขาแสวงหาพระเจ้า สัมผัสความรักสดใหม่ในทุกเช้า พระเจ้าอยู่กับเขาตั้งแต่เช้ามิใช่หรือ

https://www.positive4thailand.com/2023/09/Satisfy-with-unfailing-love.html

Ep8

อธิษฐานเชื่อมต่อกับพระเจ้า

ชีวิตที่ทรงพลังคือชีวิตใหม่ที่เชื่อมต่อกับพระเจ้า สามารถทำได้ด้วยการอธิษฐาน มุ่งแสวงหาพระองค์

https://www.positive4thailand.com/2023/09/Praying to God.html

Ep7

ผู้ถูกสร้างโต้แย้งพระผู้สร้างได้หรือ

ผู้เชื่อที่ยินดีดำเนินตามทางพระเจ้า ตามพระประสงค์จะเกิดผลมาก มีชีวิตที่ทรงพลัง

https://www.positive4thailand.com/2023/08/Can-you-dispute-the-creator.html

Ep6 

ทำมาหากินด้วยความชอบธรรม

การทำงานหาเลี้ยงชีพเป็นพื้นฐานชีวิตทุกคน ขอเพียงทำงานสุจริต ไม่ทำบาป พระเจ้าจะอวยพรให้คริสเตียนมีมากเกินพอ

Ep5 

พ้นทุกข์ด้วยการช่วยผู้อื่นให้เป็นสุข

แทนที่จะสนใจเรื่องบาปให้สนใจความบริสุทธิ์ชอบธรรม

https://www.positive4thailand.com/2023/08/Seek-Righteousness.html

Ep4

อากาเป้ผู้อื่นคือชีวิตแห่งเกลือและแสงสว่าง

การรักผู้อื่นสำแดงเป็นชีวิตที่ทรงพลัง มีผลต่อคนจำนวนมาก พระเจ้าสถิตและอวยพรผู้นั้น

https://www.positive4thailand.com/2023/07/Agape-is-salt-and-light.html

Ep 3

ความบาปในหมู่ผู้เชื่อพระเจ้าทำให้ขาดสันติสุข

หลายคนสงสัยว่าทำไมยังขาดสันติสุข มีเรื่องให้เครียด คิดกังวล นอนไม่หลับ ไม่ต่างจากคนทั่วไปเลย จงเรียนรู้และปฏิบัติตามคำสอนอย่างครบถ้วนแล้วพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงสถิตกับท่าน

https://www.positive4thailand.com/2023/07/Why-believe-God still-lack-peace.html

 Ep2 

ของล้ำค่าที่ซื้อไม่ได้

อะไรคือของล้ำค่าที่มหาเศรษฐีโลกซื้อไม่ได้

https://www.positive4thailand.com/2023/06/The-precious-thing-that-cannot-be-purchased.html

Ep1

ผู้แสวงหาพระเจ้าคือผู้ที่ดีรอบคอบ

ทำอย่างไรจึงจะห่างไกลบาป อยากเปลี่ยนแปลงชีวิต 

https://www.positive4thailand.com/2023/06/Seek-God-do-no-wrong.html


11/06/2566

หลักความสำเร็จของผู้เชื่อจากสภษ.16:1-3

ทุกคนต้องการความสำเร็จ แต่ความสำเร็จที่ว่าคือการทำบาปหรือทำตามน้ำพระทัย พระเจ้าให้หลักการว่า จงติดสนิทดำเนินไปกับพระเจ้าตลอดเวลา

เกริ่นนำ :

            มนุษย์ทุกคนมองหาความสำเร็จอยู่เสมอ บางคนอาจคิดฝันว่าโตขึ้นจะเป็นอะไร บางคนวางแผนเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้าหรือไกลกว่า ส่วนบางคนกำลังทำงานหาเงินเพื่อค่าใช้จ่ายวันนี้ หรือจ่ายหนี้สินรายวัน ทุกคนต้องการความสำเร็จ ความสำเร็จแต่ละวันเกี่ยวข้องกับการมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือเป็นจุดมุ่งหมายการมีชีวิตอยู่ต่อไป

            ทุกยุคทุกสมัยจึงมีผู้พยายามศึกษาและรวบรวมหลักความสำเร็จ เป็นความรู้วิชาที่สอนบ่อยและมีผู้เรียนมากมาย

คำถามก่อนเรียน :

            1) ท่านให้ความสำคัญต่อความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน จงอธิบาย

            2) ยกตัวอย่างหลักหรือแนวทางความสำเร็จ

            ในความเชื่อคริสเตียน พระเจ้าประทานหลักความสำเร็จให้แล้ว ไม่ต้องดิ้นรนหาด้วยตัวเอง สภษ.16:1-3 เป็นตัวอย่างบางหลักการที่พระองค์ให้ไว้ ดังนี้

            อ่าน สภษ.16:1-3

1 แผนงานของดวงความคิดเป็นของมนุษย์ แต่คำตอบของลิ้นมาจากพระเจ้า

To humans belong the plans of the heart, but from the LORD comes the proper answer of the tongue.

2 ทางทั้งสิ้นของมนุษย์ก็บริสุทธิ์ในสายตาของเขาแต่พระเจ้าทรงชั่งจิตใจ

All a person’s ways seem pure to them, but motives are weighed by the LORD.

3 จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระเจ้า และแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนาไว้

Commit to the LORD whatever you do, and he will establish your plans.

หลักความสำเร็จของผู้เชื่อ จากสภษ.16:1-3

1. มนุษย์คิดได้แต่ผลจะเป็นอย่างไรขึ้นกับพระเจ้า

          1.1 พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้มีสมองคิด มีเสรีภาพในการตัดสินใจ (1ก)

            พระเจ้าสร้างอาดัม เอวา ให้มีสมองคิด มีเสรีภาพในการตัดสินใจ

            อาดัมมีสติปัญญาตั้งชื่อสัตว์ต่างๆ และได้รับสิทธิอำนาจในการคิดตัดสินใจ สามารถคิดและใช้ความคิดในกิจกรรมงานต่างๆ ตามที่เขาเห็นควร สัตว์ต่างๆ มีจึงชื่อเรียกตามการตัดสินใจของอาดัม

ปฐก.2:19-20

19 พระเจ้าจึงทรงปั้นบรรดาสัตว์ในท้องทุ่งและนกในท้องฟ้าให้เกิดขึ้นจากดิน แล้วทรงนำมายังชายนั้น เพื่อดูว่าเขาจะเรียกชื่อมันว่าอะไร ชายนั้นตั้งชื่อสัตว์ทั้งปวงที่มีชีวิตว่าอย่างไร สัตว์นั้นก็มีชื่ออย่างนั้น

20 ชายนั้นจึงตั้งชื่อบรรดาสัตว์ใช้งานและนกในอากาศและบรรดาสัตว์ป่า แต่ชายนั้นยังหามีคู่อุปถัมภ์ที่สมกับตนไม่

            ความสามาถนี้รวมถึงการตัดสินใจเชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟังพระเจ้า

            เรื่องการทำบาปที่สวนเอเดน เอวาถูกมารหลอกว่ากินผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนจะไม่ตาย

ปฐก.3:1-4

1 ในบรรดาสัตว์ป่าที่พระเจ้าทรงสร้างนั้น งูฉลาดกว่าหมด มันถามหญิงนั้นว่า "จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่า 'อย่ากินผลจากต้นไม้ใดๆ ในสวนนี้'

2 หญิงนั้นจึงตอบงูว่า "ผลของต้นไม้ต่างๆ ในสวนนี้เรากินได้

3 เว้นแต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนนั้น พระเจ้าตรัสห้ามว่า 'อย่ากินหรือถูกต้องเลย มิฉะนั้นจะตาย'

4 งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า "เจ้าจะไม่ตายจริงดอก

            งูซึ่งเป็นการนำเสนอเชิงสัญลักษณ์หมายถึงมาร พูดถูกเพียงครึ่งเดียวคือไม่ตายทันที แต่เมื่อกินแล้วขาดจากชีวิตนิรันดร์ในสวนเอเดน มีอายุขัย ร่างกายนี้ต้องตายในที่สุด

            อาดัมไม่โดนหลอกแต่แทนที่จะเชื่อฟังพระเจ้ากลับไปตามทำตามที่เอวาบอก กินผลไม้ต้องห้ามด้วย

ปฐก.3: 12-13

12 ชายนั้นทูลว่า "หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กินกับข้าพระองค์นั้น ส่งผลไม้นั้นให้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงรับประทาน"

13 พระเจ้าตรัสถามหญิงว่า "เจ้าทำอะไรไป" หญิงนั้นทูลว่า "งูล่อลวงข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงได้รับประทาน"

            ข้อสรุปสำคัญคืออาดัม “คิดและตัดสินใจ” ขอไม่ฟังคำสั่งพระเจ้าซึ่งหมายถึงทำบาป

1ทธ.2:14 และอาดัมไม่ได้ถูกหลอกลวง แต่ผู้หญิงนั้นได้ถูกหลอกลวงจึงได้กระทำบาป

            แท้จริงแล้วทุกคนคิด แต่ละวันมีเรื่องคิดมากมายตั้งแต่เรื่องเล็กจนถึงเรื่องใหญ่ เช่น วันนี้ใส่เสื้อตัวไหนดี จะเดินทางไปที่ทำงานอย่างไร ใช้เวลานานคิดหาคำตอบโจทย์การบ้าน วันนี้จะคุยกับสามีอย่างไร จะสอนลูกเรื่องใดพูดอย่างไร ประชุมนโยบายพัฒนาถนนอำเภอ ฯลฯ

          1.2 พระเจ้าควบคุมความเป็นไปของโลก ความเป็นไปของชีวิต (1ข)

            ทุกคนคิดได้และคิดมากมายแต่สุดท้ายสรรพสิ่งเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นและเป็นไปตามน้ำพระทัย

โยบ.9:24  แผ่นดินโลกนี้ทรงมอบไว้ในมือของคนอธรรม พระองค์ทรงปิดหน้าบรรดาผู้วินิจฉัยโลก ถ้าไม่ใช่พระองค์ แล้วใครเล่า

When a land falls into the hands of the wicked, he blindfolds its judges. If it is not he, then who is it?

โยบ.12:23-25

23 พระองค์ทรงกระทำประชาชาติให้ใหญ่โต และพระองค์ทรงทำลายเสีย พระองค์ทรงขยายบรรดาประชาชาติ และทรงนำเขาทั้งหลายไปเป็นเชลย

24 พระองค์ทรงนำความเข้าใจไปเสียจากหัวหน้าชาวโลก และทรงกระทำให้เขาพเนจรไปในถิ่นทุรกันดารซึ่งไม่มีหนทาง

25 เขาทั้งหลายคลำอยู่ในความมืด ปราศจากความสว่างและพระองค์ทรงทำให้เขาโซเซอย่างคนเมา

โยบ.14:5 วันเวลาของเขาถูกกำหนดไว้เสียแล้ว และจำนวนเดือนของเขาก็อยู่กับพระองค์ พระองค์ทรงกำหนดขอบเขตของเขาไม่ให้เขาผ่านไปได้

A person’s days are determined; you have decreed the number of his months and have set limits he cannot exceed.

สดด.13:13-20

13 พระเจ้าทอดพระเนตรจากฟ้าสวรรค์ พระองค์ทอดพระเนตรบุตรทั้งปวงของมนุษย์

14 จากที่ซึ่งพระองค์ประทับพระองค์ทอดพระเนตร เหนือชาวแผ่นดินโลกทั้งสิ้น

15 คือพระองค์ผู้ทรงประดิษฐ์จิตใจของเขาทั้งหลายทุกคน และทรงพิจารณากิจการของเขาทั้งหลายทั้งสิ้น

16 กองทัพใหญ่หาช่วยให้พระราชาองค์หนึ่งองค์ใดรอดพ้นไปไม่ กำลังอันมากมายก็ไม่ช่วยกู้นักรบได้

17 ม้าศึกจะเป็นที่หวังความมีชัยก็หาไม่ กำลังมหาศาลของมันก็ช่วยให้รอดไม่ได้

18 ดูเถิด พระเนตรของพระเจ้าอยู่เหนือผู้ที่ยำเกรงพระองค์ เหนือผู้ที่หวังในความรักมั่นคงของพระองค์

19 เพื่อพระองค์จะทรงช่วยกู้จิตวิญญาณของเขาจากมัจจุราช และให้เขาดำรงชีวิตอยู่ได้ในเวลากันดารอาหาร

20 จิตวิญญาณของเราทั้งหลายรอคอยพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นความอุปถัมภ์และเป็นโล่ของเรา

            สรุป หลักสำคัญของข้อ 1 คือพระเจ้าให้มนุษย์คิดได้แต่ผลจะเป็นอย่างไรขึ้นกับพระเจ้า ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าที่เราคิดนั้นตรงตามน้ำพระเจ้ามากน้อยแค่ไหน ถ้ามากสำเร็จไวสำเร็จมาก

            2. ผู้เชื่อคิดว่าดีแล้ว-ถูกแล้ว-เหมาะสมแล้ว แต่พระเจ้าอยากรู้ว่าเขาจะคิดตัดสินใจตามน้ำพระทัยหรือไม่ (2)

            มนุษย์ในที่นี้เน้น “ผู้เชื่อ” เป็นคำสอนที่พระเจ้าเน้นสอนผู้เชื่อ

            ไม่ว่าจะยึดหลักชนชาติอิสราเอลที่พระเจ้าเลือกสรรหรือคริสเตียนคนของพระองค์ เมื่อพวกเขาคิดตัดสินใจพระเจ้าอยากรู้ว่าเขาจะคิดตัดสินใจตามน้ำพระทัยหรือไม่

            ข้อนี้ย้อนหลังกลับที่อาดัมในสวนเอเดน เขาจะเลือกเชื่อฟังหรือทำบาป

            เขา “ตั้งใจ” เชื่อฟังหรือทำบาป (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

            อธิบายขยายความ : ในชีวิตจริง บางคนอาจเชื่อฟังบางส่วน เชื่อฟังไม่เต็มที่ รับใช้บ้างไม่รับใช้บ้าง ดำเนินชีวิตในความชอบธรรมบางเรื่องและตัดสินใจทำบาปบางเรื่อง ขึ้นกับการตอบสนอง ความเติบโตฝ่ายวิญญาณ ทั้งหมดนี้พระองค์ตรวจสอบและพิพากษา

          บางคนอธิษฐานหลายเรื่องแต่ได้รับคำตอบไม่กี่เรื่อง ทั้งๆ ที่เขาอธิษฐานอย่างหนัก อธิษฐานทุกเช้า บางคนอดอาหารอธิษฐานแต่ยังไม่ได้รับคำตอบ เหตุที่ไม่ได้รับคำตอบอาจเป็นเพราะพระเจ้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ขอ ดังนั้นต่อให้อธิษฐานอีกนานแค่ไหนก็จะไม่ได้ ที่ควรทำคือแสวงหาพระเจ้า แสวงหาน้ำพระทัย อธิษฐานขอการทรงนำ ขอให้สามารถทำตามน้ำพระทัย

          ทุกครั้งที่อธิษฐานต้องไม่พลาดขอการทรงนำ ทำตามที่พระองค์ประสงค์ไม่ใช่ที่ตัวเราต้องการ (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

3. จงผูกติดงานกับพระเจ้า (3)

สภษ.16:3 จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระเจ้า และแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนาไว้

Commit to the LORD whatever you do, and he will establish your plans.

            รากศัพท์ “Commit” (จงมอบงาน) คือ  גָּלַל (อ่าน gaw-lal') ความหมายตรงตัวคือ ม้วนตัว ดำเนินการ (to roll) กลิ้งออกไป เคลื่อนออกไป (roll away)

            รากศัพท์นี้ใช้ในที่อื่น เช่น ใช้ในความหมายกลิ้ง

ยชว.10:18 โยชูวาจึงกล่าวว่า "จงกลิ้งก้อนหินใหญ่ปิดปากถ้ำเสีย และวางยามให้เฝ้ารักษาไว้

สภษ.26:27 บุคคลที่ขุดหลุมพราง เขาจะตกลงไปเอง ผู้ใดให้ก้อนหินกลิ้งมา มันจะกลับทับเขาเอง

             ความหมาย “Commit to the LORD whatever you do” ตีความว่าให้ดำเนินไปกับพระเจ้าตลอดเวลา ไม่เฉพาะบางเวลาที่คิดถึงงานแต่เป็นตลอดเวลา

            ดังนั้น จึงไม่ใช่แค่อธิษฐานแล้วจบ แต่ผูกติดกับพระเจ้า ให้ภาพเหมือนกลิ้งไป (เคลื่อนไป) กับพระองค์ ไปด้วยกันตลอดเวลา เป็นวิถีชีวิตที่ผูกติดกับพระเจ้า ไม่ใช่รอมีปัญหามีความต้องการแล้วจึงมาอธิษฐาน

            เป็นวิถีชีวิตที่ผูกติดกับพระเจ้า ไม่ใช่รอมีปัญหามีความต้องการแล้วจึงมาอธิษฐาน (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

            อธิบายขยายความ : หลักการผูกติดกับพระเจ้าไม่ขัดแย้งกับอธิษฐาน คริสเตียนควรอธิษฐาน ตั้งเวลาอธิษฐาน เป็นเวลาเพื่อการอธิษฐานอย่างเจาะจง อธิษฐานขอการทรงนำ ขอกำลังที่มาจากพระเจ้าให้สามารถทำตามน้ำพระทัย ในขณะเดียวกันพระเจ้าสอนให้ผู้เชื่อติดสนิทสัมพันธ์พระองค์ เป็นวิถีชีวิตผู้เชื่อ ผู้ที่สัมพันธ์สนิทอยู่ในการทรงนำ พระองค์ปรับก้าวย่างของเขาเสมอไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่

ข้อเตือนใจ :

          1. ความสำเร็จเทียม

            ผู้คนมากมายต้องการความสำเร็จ แสวงหาความสำเร็จและพยายามไปให้ถึง บางคนยอมทำผิดบาปมากมายเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ แน่นอนว่าพวกเขาทำผิดต่อพระเจ้าไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ สังเกตว่าความต้องการสำเร็จเช่นว่าเป็นต้นเหตุทำบาป ยิ่งต้องการมากยิ่งทำบาปมาก จึงไม่ใช่ความสำเร็จแท้แต่ติดกับดักมาร ชีวิตอยู่ในวิถีบาป

            ยกตัวอย่าง

            นาย ก อยากเป็นเศรษฐีร้อยล้าน ทำงานขยันขันแข็ง เก็บสะสมมากมาย ร่ำรวยขึ้นตามลำดับ ต่อมานาย ก ทำธุรกิจหวังรวยกว่าเดิม เรียนรู้ทำธุรกิจที่เอาเปรียบคดโกงลูกค้า ความอยากรวยเป็นเศรษฐีร้อยล้านชักนำให้เขาใช้วิธีที่ถูกและผิด

            นาย ข เป็นคนหนุ่มวัย 20 คิดว่าความสำเร็จในวัยของเขานอกจากมีงานทำ มีรายได้เลี้ยงดูตัวเองกับครอบครัว ยังต้องการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงจำนวนมาก คิดว่าเป็นกำไรชีวิต แม้นาย ข แต่งงานมีลูกยังพยายามคบผู้หญิงมากหน้าหลายตา มีความสัมพันธ์ชู้สาวอยู่เสมอ พยายามหาความสุขจากเพศสัมพันธ์ นาย ข คิดว่าเขาไม่ได้ทำผิดอะไร ตนได้เลี้ยงดูภรรยาลูกตามสมควร ส่วนการคบหาหญิงอื่นจำนวนมากเป็นความสมัครใจของทั้งชายกับหญิง ไม่ได้บังคับใคร แต่ในทางของพระเจ้านาย ข กำลังทำบาป มาตรฐานพระเจ้าคือต้องสัตย์ซื่อต่อหญิงคนเดียว (ภรรยา) เท่านั้น

            นาง ค เป็นชาวสวนปลูกผักขาย บางครั้งนาง ค ฉีดยาฆ่าแมลงแล้วส่งขายทั้งๆ ที่มีสารเคมีค้างจำนวนมาก นาง ค รู้ดีว่าเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคแต่พูดกับตัวเองว่านิดหน่อย ไม่เห็นใครกินแล้วตาย (ทันที) อีกทั้งคนซื้ออยากได้ผักใบสวยไม่มีรูหนอนแมลง จึงขายผักที่มีสารอันตรายปนเปื้อน เรื่องนี้นาง ค ทำบาป

          2. ความสำเร็จแท้

            ยกตัวอย่าง คริสเตียนอธิษฐานขอให้มั่งมีเป็นเศรษฐีร้อยล้านได้ ถ้ามีสิ่งนี้เพื่อถวายเกียรติพระเจ้า พระองค์อยากให้ “บางคน” เป็นเศรษฐีร้อยล้าน เป็นอภิมหาเศรษฐีโลก แต่ผู้เชื่อที่เข้าใจจะแสวงหาน้ำพระทัย แสวงหาการทรงเรียกส่วนตัวก่อน ด้วยว่าพระเจ้าอยากให้บางคนเป็นแค่คนธรรมดา อยู่กินใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปในชุมชนที่อาศัยอยู่ และทุ่มเทเวลารับใช้ตามการทรงเรียกที่ไม่ใช่การเป็นเศรษฐี

            ดังนั้น โดยพื้นฐานแล้วการขอให้ร่ำรวยมั่งคั่งไม่ผิด แต่ควรมุ่งแสวงหาน้ำพระทัยและดำเนินตามนิมิตการทรงเรียกที่สำคัญยิ่งกว่า

          2.1 พระเยซูสอนว่า ....

มธ.6:31 -33

31 เหตุฉะนั้นอย่ากระวนกระวายว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม

32 เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้

33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้

            คำว่า “พวกต่างชาติ” หมายคนคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า พวกที่นมัสการพระอื่น

            มาตรฐานขั้นต่ำของความสำเร็จแท้ไม่ใช่สิ่งที่บำรุงชีวิตขณะอยู่ในโลก ไม่ใช่สิ่งใดๆ ที่ติดตัวไปไม่ได้เมื่อหมดลมหายใจ แต่เป็นวิถีแห่งความชอบธรรมที่กำหนดไว้แล้วว่านำท่านสู่ชีวิตนิรันดร์

            ความสำเร็จแท้ขั้นสูงคือการทำตามนิมิตการทรงเรียก ส่วนสิ่งอื่นๆ นั้นพระองค์จะให้ตามน้ำพระทัยอย่างครบบริบูรณ์ (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

            จงสรรเสริญขอบคุณพระองค์สุดชีวิต ถ้าท่านกำลังอยู่ในการทรงนำบนทางแห่งความสว่าง

            คนเขลากับคนมีปัญญาจึงวัดไว้ด้วยการสรรเสริญขอบพระคุณ ใครมีหูจงฟังเถิด

คำถามหลังคำสอน :

            1) ควรหาความสำเร็จที่มาจากการทำบาปหรือไม่ เพราะเหตุใด

            2) ท่านจะทำอย่างไรเพื่อติดสนิทพระเจ้า บอกวิธีการที่เป็นรูปธรรม

---------------------------

บทความแนะนำ

บทเรียน 17 พระเยโฮวาห์ผู้ดำรงอยู่นิรันดร์

 นามพระเจ้าบ่งบอกว่าทรงดำรงอยู่นิรันดร์ เป็นจุดเริ่มของสรรพสิ่ง ทรงยิ่งใหญ่สูงสุด ถ้าปราศจากพระองค์จะไร้ซึ่งสรรพสิ่ง การดำรงอยู่ของพระองค์กั...