07/04/2568

ทำไมเชื่อพระเจ้าแล้วไม่ได้รับความรอด

หลายคนคิดว่าขอเพียงเชื่อพระเจ้าแล้วจะรอด ได้ขึ้นสวรรค์แน่นอน เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดที่พบบ่อยทั้งในหมู่คริสเตียนกับคนทั่วไป ที่คิดว่าถ้าเชื่อพระเจ้าแล้วไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้ไปสวรรค์

            จริงหรือไม่บางคนที่ปากบอกว่าเป็นคริสเตียนแต่ใช้ชีวิตไม่ต่างจากคนบาปทั่วไป บางคนเคยเชื่อพระเจ้าหลายปีแล้วเลิกเชื่อในที่สุด คริสเตียนที่เติบโตฝ่ายวิญญาณช่วยรักษาความรอด ได้รับพระพรเต็มที่ เป็นผู้เชื่อที่พระเยซูต้องการ

 

            บางคนเข้าใจว่าถ้ารับด้วยปากและเชื่อด้วยใจว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็จะได้รับความรอด โดยยึดข้อพระคัมภีร์ รม.10:9

รม.10:9 คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด

            ดังนั้น หลังจากรับเชื่อแล้ว ขอเพียงยึดความเชื่อไว้ก็จะรอด จึงใช้ชีวิตตามใจชอบ ทำบาปสารพัด โดยยึดว่าพระเจ้าเป็นความรัก ให้อภัยเสมอ

          ความเข้าใจเช่นนี้ผิด มาจากการไม่ใช้พระคัมภีร์ทั้งเล่ม

            พระเยซูตรัสใน มธ.7:21 ว่า ...

มธ.7:21 "มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า" จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้ทรงสถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้

ยก.2:14 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า แม้ผู้ใดจะว่าตนมีความเชื่อ แต่ไม่ประพฤติตามจะได้ประโยชน์อะไร ความเชื่อของเขาจะช่วยเขาให้รอดได้หรือ

            มธ.7:21 กับ ยก.2:14 เป็นตัวอย่างชี้ว่าการยึดรม.10:9 เพียงข้อเดียวไม่เพียงพอ เรื่องความรอดมีมากกว่านั้น

            ความเข้าใจที่ถูกต้องคือ การเชื่อศรัทธาพระเยซูเป็นเพียงจุดเริ่ม นำสู่การเชื่อฟังคำสอนอื่นๆ มารซาตานรู้จักพระเจ้าอย่างดีแต่ไม่เชื่อฟัง ไม่ทำตามคำสอน

          การไม่เชื่อฟังจึงไม่ทำตามคำสอน ในทางกลับกันคนที่ศรัทธาพระเยซูจริงจะเชื่อฟัง มีท่าทีตั้งใจทำตามพระคัมภีร์ คนของพระเจ้าจะคิด-พูด-ทำเหมือนพระองค์มากขึ้นตามลำดับ

            ไม่ใช่แค่พยายามประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่ชีวิตเปลี่ยน เหมือนพระคริสต์มากขึ้นทุกที

            มารซาตานที่รู้จักพระเจ้าแต่ไม่เชื่อฟังจึงต้องรับโทษในที่สุด ใครก็ตามที่บอกว่าเชื่อพระเจ้าแต่ไม่ตั้งใจทำตามคำสอนอาจเป็นคริสเตียนแต่ปาก น่ากังวลว่าปลายทางของพวกเขาอาจไม่ต่างจากมารซาตาน

การประกาศ ผู้เชื่อใหม่ และคริสเตียนที่เติบโต:

            บางคนอาจแย้งว่าทำไมจึงมักได้ยินคริสเตียนพูดว่า “เชื่อพระเจ้าแล้วจะรอด” (ยึด รม.10:9) ในการประกาศข่าวประเสริฐพูดอย่างนั้นไม่ใช่หรือ

            เรื่องนี้ต้องเข้าใจว่าการประกาศมีเวลาจำกัด ไม่สามารถใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่ออธิบายเรื่องความรอดอย่างละเอียด อีกทั้งจะทำให้คนฟังสับสน ยิ่งอธิบายลงลึกยิ่งไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงพูดบางส่วนก่อน การประกาศให้เชื่อพระเยซูแล้วจะรอดถูกต้องแล้ว

          การเชื่อศรัทธาพระเยซูเป็นจุดเริ่ม เมื่อผู้สนใจเชื่อพระเจ้าจึงเริ่มสอนพระคัมภีร์ให้เข้าใจครบถ้วน

            1ปต.2:2 เปรียบเทียบผู้เชื่อใหม่เหมือนทารกแรกเกิด ที่ต้องได้รับน้ำนมคือพระวจนะ เพื่อเจริญขึ้นสู่ความรอด

1ปต.2:2 เช่นเดียวกับทารกแรกเกิด จงปรารถนาน้ำนมฝ่ายวิญญาณอันบริสุทธิ์ เพื่อโดยน้ำนมนั้นจะทำให้ท่านทั้งหลายเจริญขึ้นสู่ความรอด

Like newborn babies, crave pure spiritual milk, so that by it you may grow up in your salvation,

            คำว่า “เจริญขึ้นสู่ความรอด” ชี้ว่าไม่ใช่แค่ “รับเชื่อพระเยซู” แล้วหยุดเท่านี้ ยังต้องเติบโตฝ่ายวิญญาณเพื่อความรอดนั้น

            อาหารดีที่สุดของทารกคือน้ำนมมารดา มีสารอาหารครบถ้วน ภูมิต้านทานสูง ทั้งยังปราศจากการปนเปื้อนสารปรุงแต่ง พระวจนะคืออาหารดีที่สุดของผู้เชื่อ จึงต้องศึกษาพระคัมภีร์ทุกข้อทุกตอน เพื่อจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง เป็นคริสเตียนที่เติบโตสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ (เติบโตฝ่ายวิญญาณจนสมบูรณ์)

            ถ้าอ่าน 1เปโตร บทที่ 2 เพียงแค่ 5 ข้อก็ชี้ว่าเมื่อเชื่อพระเจ้าเป็นคริสเตียนต้องทำอะไรหลายอย่าง

1ปต.2:1-5

1 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงละความชั่วทั้งปวง การอุบายต่างๆ ความไม่จริงใจ ความริษยา และคำพูดส่อเสียดทั้งหลาย

2 เช่นเดียวกับทารกแรกเกิด จงปรารถนาน้ำนมฝ่ายวิญญาณอันบริสุทธิ์ เพื่อโดยน้ำนมนั้นจะทำให้ท่านทั้งหลายเจริญขึ้นสู่ความรอด

Like newborn babies, crave pure spiritual milk, so that by it you may grow up in your salvation,

3 เพราะท่านได้ลิ้มรสพระกรุณาคุณขององค์พระผู้เป็นเจ้า

4 จงมาหาพระองค์ คือพระศิลาที่ทรงชีวิต ซึ่งมนุษย์ได้ปฏิเสธไม่ยอมรับแล้ว แต่ว่าตามพระดำริของพระเจ้านั้นเป็นศิลาที่ทรงเลือกไว้ และทรงค่าอันประเสริฐ

As you come to him, the living Stone—rejected by humans but chosen by God and precious to him—

5 และท่านทั้งหลายก็เสมือนศิลาที่มีชีวิต ที่กำลังก่อขึ้นเป็นพระนิเวศฝ่ายพระวิญญาณ เป็นปุโรหิตบริสุทธิ์ เพื่อถวายสักการบูชาฝ่ายวิญญาณ ที่ชอบพระทัยของพระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสต์

you also, like living stones, are being built into a spiritual house to be a holy priesthood, offering spiritual sacrifices acceptable to God through Jesus Christ.

            1ปต.2:1-5 สอนคริสเตียนผู้เชื่อต้องละทิ้งชีวิตเก่าที่เป็นบาป (1) พยายามเติบโตฝ่ายวิญญาณ (2) สัมผัสพระคุณความรัก ไม่ใช่แค่เชื่อที่สมอง (3) แสวงหาพระเจ้า ยึดพระองค์ไว้มั่น ทรงมีคุณค่าสูงสุด (4) ผู้เชื่อกำลังก่อขึ้นเป็นพระนิเวศฝ่ายพระวิญญาณ (5ก) เป็นผู้รับใช้พระเจ้า (ปุโรหิต) อย่างที่พระเยซูต้องการ (5ข)

            ฐานะผู้รับใช้เกิดขึ้นทันทีเมื่อเชื่อพระเจ้า และกำลังเติบโตฝ่ายวิญญาณมากขึ้น

            พระวจนะ 1ปต.2:1-5 เพียง 5 ข้อให้ผู้เชื่อเข้าใจว่ามีอะไรอีกมาก ไม่เพียงแค่ “เชื่อพระเจ้าแล้วจะรอด”

            จริงหรือไม่ บางคนที่บอกว่าเป็นคริสเตียนแต่ใช้ชีวิตไม่ต่างจากคนไม่เชื่อพระเจ้า บางคนเชื่อพระเจ้าแล้วเลิกเชื่อในที่สุด 1ปต.2:1-5 สอนว่าคริสเตียนที่เติบโตแข็งแรงฝ่ายวิญญาณช่วยรักษาความรอด (ผ่านการทดสอบทดลอง สุดท้ายได้รับความรอดจริงๆ) ได้รับพระพรเต็มที่ เป็นผู้เชื่อที่พระเยซูต้องการ

อฟ.4:22-24

22 ท่านจงทิ้งตัวเก่าของท่าน ซึ่งคู่กับวิถีชีวิตเดิมนั้นเสีย อันจะเสื่อมเสียไปสู่ความตายตามตัณหาอันเป็นที่หลอกลวง

23 และจงให้วิญญาณจิตของท่านเปลี่ยนใหม่

24 และให้ท่านสวมสภาพใหม่ ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง

            เป็นคริสเตียนที่ทรงพลังเพราะชีวิตเปลี่ยน เป็นคนใหม่ คนของพระเจ้า

-------------------

บทความแนะนำ

บทเรียน 17 พระเยโฮวาห์ผู้ดำรงอยู่นิรันดร์

 นามพระเจ้าบ่งบอกว่าทรงดำรงอยู่นิรันดร์ เป็นจุดเริ่มของสรรพสิ่ง ทรงยิ่งใหญ่สูงสุด ถ้าปราศจากพระองค์จะไร้ซึ่งสรรพสิ่ง การดำรงอยู่ของพระองค์กั...