วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ 10 การนมัสการในพิธีมหาสนิท
พิธีมหาสนิทเป็นการประกาศชัยชนะของพระเยซู ทรงไถ่บาปสำเร็จตามพระสัญญาตั้งแต่สมัยปฐมกาล และเป็นการประกาศยุคพันธสัญญาใหม่
ในบรรดาความเชื่อคริสเตียน หลักข้อเชื่อสำคัญคือพระเยซูคริสต์ได้ตายที่ไม้กางเขน เป็นการ “กระทำ” ของพระเจ้า เพื่อไถ่บาปมนุษย์ทุกคน
ยน.3:16-18
16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
17 เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก มิใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น
18 ผู้ที่วางใจในพระบุตรก็ไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษ ส่วนผู้ที่มิได้วางใจก็ต้องถูกพิพากษาลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้วางใจในพระนามพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า
การตายที่กางเขนและฟื้นขึ้นจากความตายเป็น “ชัยชนะ” ที่ยิ่งใหญ่ของผู้เชื่อ เป็นการประกาศพันธสัญญาใหม่ พระเยซูจึงสอนสาวกให้ทำพิธีมหาสนิท เพื่อประกาศและรำลึกพันธสัญญาใหม่อยู่เสมอ
คส.2:14-15
14 พระองค์ทรงฉีกกรมธรรม์ซึ่งได้ผูกมัดเราด้วยบัญญัติต่างๆ ซึ่งขัดขวางเรา และได้ทรงหยิบเอาไปเสียให้พ้นโดยทรงตรึงไว้ที่กางเขน
15 พระองค์ทรงปลดเทพผู้ครองและศักดิเทพเสีย พระองค์ได้ทรงประจานเขา และชนะเขาโดยกางเขนนั้น
ในแง่มุมของการนมัสการ พิธีมหาสนิทนอกจากเป็นการสารภาพบาป ขอการชำระ ประกาศพันธสัญญาใหม่ พระเยซูทรงตั้งไว้ให้เป็นวาระ “การนมัสการ” อย่างหนึ่ง
คริสเตียนสรรเสริญนมัสการในพระราชกิจของพระองค์ และหนึ่งในพระราชกิจสำคัญที่สุดคือการตายไถ่บาปของพระเยซู (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)
ควรชื่นชมยินดีหรือเป็นทุกข์ที่พระเยซูตายไถ่บาป:
คำถาม: ในฐานะผู้เชื่อท่านควร “ชื่นชมยินดี” หรือ “เป็นทุกข์” ที่พระเยซูตายไถ่บาป ท่านควรตอบสนองอย่างไร ควรสรรเสริญนมัสการด้วยท่าทีอย่างไร
ตอบ: สรรเสริญนมัสการด้วยความซาบซึ้ง ขอบพระคุณ ประกาศชัยชนะ และมีสันติสุข
ท่าทีการนมัสการ 4 ประการในพิธีมหาสนิท
1. ซาบซึ้งพระคุณ
การถูกใส่ร้าย เฆี่ยนตี ดูหมิ่น การตรึงกางเขนเป็นความทุกข์ยากแสนสาหัส แต่เป็น “แผนการสำคัญ” ของพระเจ้า และพระเยซู “ทำสำเร็จ” แล้ว จึงต้องซาบซึ้งสำนึกพระคุณ แต่ไม่เศร้าโศกเสียใจ ไม่เป็นทุกข์ (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)
2ปต.1:2 ขอพระคุณและสันติสุขจงเพิ่มพูนแก่ท่านทั้งหลาย โดยซาบซึ้งในพระเจ้าและพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
เพราะบัดนี้ผู้เชื่อได้รับความรอดผ่านพระคุณ พระวิญญาณได้เข้ามาแตะต้องสัมผัสจิตวิญญาณผู้เชื่อ จิตใจที่เคยแข็งกระด้างบัดนี้นบนอบต่อพระองค์
ให้พิธีมหาสนิทสำแดงพระคุณ ให้พระคุณพระเจ้า “เป็นพลังขับเคลื่อน” ชีวิตของผู้เชื่อ เขาจะไม่อยู่ในความบาปแต่อยู่ในพระคุณตลอดไป (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)
2. ขอบพระคุณ
ในพิธีมหาสนิท ใจขอบพระคุณสะท้อนการสัมผัสซาบซึ้งพระคุณพระเจ้า แสดงถึงการยอมรับ เห็นคุณค่า การนบนอบอยู่ภายใต้พระองค์
พระเยซู “ถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา” เป็นเครื่องบูชาครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย เพื่อไถ่บาป
ฮบ.9:26-28
26 เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น พระองค์คงจะต้องทรงทนทุกข์ทรมานหลายครั้ง นับตั้งแต่สร้างโลกมา แต่ความจริง พระองค์ทรงปรากฏเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในปลายยุค เพื่อกำจัดบาปให้หมดสิ้นไป โดยการถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา
27 มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด
28 พระคริสต์ก็ฉันนั้น คือพระองค์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาครั้งเดียว เพื่อจะได้ทรงแบกบาปของคนเป็นอันมากไว้ พระองค์จะทรงปรากฏเป็นครั้งที่สอง มิใช่เพื่อกำจัดบาป แต่เพื่อช่วยบรรดาผู้ที่รอคอยพระองค์ด้วยใจจดจ่อให้ได้รับความรอด
3. ประกาศชัยชนะ
ในช่วงการตรึงกางเขน บรรดาสาวกบ้างเศร้าเสียใจ ตกตะลึงหรือหวาดกลัว เนื่องจากพวกเขาไม่เข้าใจแผนการพระเจ้า ทั้งๆ ที่พระเยซูพยายามอธิบายหลายครั้งว่าแท้จริงแล้วการเดินไปสู่กางเขนคือกำลังไปสู่ชัยชนะอันยิ่งใหญ่
พิธีมหาสนิทเป็นการประกาศชัยชนะของพระเยซู ทรงไถ่บาปสำเร็จตามพระสัญญาตั้งแต่สมัยปฐมกาล และเป็นการประกาศยุคพันธสัญญาใหม่ (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)
คริสเตียนจึงร้องสรรเสริญด้วยความชื่นบาน ประกาศก้องว่าพระเยซูคริสต์มีชัยแล้ว
จงโห่ร้องกระโดดโลดเต้นเถิด พระเยซูที่ถูกตรึงและตายบนกางเขนนั้น บัดนี้กางเขนกับอุโมงค์ว่างเปล่า เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ และผู้เชื่อมีชัยชนะร่วมกับพระองค์ นี่คือความเชื่อคริสเตียน
1ยน.5:4-6
4 เพราะทุกคนที่เกิดจากพระเจ้า ก็มีชัยต่อโลก และความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่ชนะโลก
5 ใครเล่าชนะโลก ไม่ใช่คนอื่น คือผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้านั่นเอง
6 นี่แหละคือผู้ที่ได้มาโดยน้ำและพระโลหิต คือพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ด้วยน้ำสิ่งเดียว แต่ด้วยน้ำและพระโลหิต
คริสเตียนไม่ได้ศรัทธาพระเจ้าที่ตายแล้วตายลับ แต่นมัสการพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์เป็นนิตย์ (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)
และด้วยคริสเตียนเชื่อวางใจพระเจ้าที่ทรงพระชนม์เป็นนิตย์ จึงสละตัวเก่าเพื่อได้ชีวิตใหม่ในพระองค์ ภายใต้พันธสัญญาใหม่ (ไม่ใช่พันธสัญญาเดิมอีกต่อไป)
มก.14:22-25
22 ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา เมื่อถวายคำสาธุการแล้ว ทรงหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่า "จงรับเถิด นี่เป็นกายของเรา"
23 แล้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วยโมทนาพระคุณ และส่งให้เขา เขาก็รับไปดื่มทุกคน
24 แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า "นี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อคนเป็นอันมาก
25 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำผลแห่งเถาองุ่นต่อไปอีก จนวันนั้นมาถึง คือวันที่เราจะดื่มใหม่ในแผ่นดินของพระเจ้า"
มธ.16:26-27
26 เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา
27 เหตุว่าเมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาด้วยพระสิริแห่งพระบิดา และพร้อมด้วยทูตสวรรค์ของพระองค์ เมื่อนั้นจะประทานบำเหน็จให้ทุกคนตามการกระทำของตน
4. มีสันติสุข
ชัยชนะของพระเยซูที่กางเขนยังนำมาซึ่งสันติสุขเหลือล้น เพราะแผนการความรอดของพระเจ้าสำเร็จแล้ว พิธีมหาสนิทคือการตอกย้ำความสำเร็จดังกล่าว ความตายฝ่ายร่างกาย การไปสู่โลกหลังความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่เหลือยิ่งเป็นเรื่องเล็กในสายพระเนตรของพระเจ้า
1คร.15:23-28
23 แต่ว่าจะเป็นไปตามลำดับ คือพระคริสต์ทรงเป็นผลแรก แล้วภายหลังก็คือคนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์ ในเมื่อพระองค์เสด็จมา
24 ต่อจากนั้นจะเป็นวาระที่สุด บัดนั้นพระคริสต์จะทรงมอบแผ่นดินไว้แก่พระบิดาเจ้า เมื่อพระองค์จะได้ทรงทำลายเทพผู้ครอง ศักดิเทพและอิทธิเทพหมดแล้ว
25 เพราะว่าพระองค์จะต้องทรงปกครองอยู่ก่อน จนกว่าพระองค์จะได้ทรงปราบศัตรูทั้งสิ้นให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์
26 ศัตรูตัวสุดท้ายที่พระองค์จะทรงทำลายนั้นก็คือความตาย
27 เพราะว่าพระองค์ทรงปราบสิ่งสารพัดลงใต้พระบาทของพระองค์แล้ว แต่เมื่อพระคัมภีร์กล่าวว่าทรงปราบสิ่งสารพัดลงนั้น ก็เป็นที่ทราบชัดว่า ยกเว้นองค์พระเจ้าผู้ทรงปราบสิ่งสารพัดให้อยู่ใต้พระองค์
28 เมื่อสิ่งสารพัดถูกปราบให้อยู่ใต้พระองค์แล้ว เมื่อนั้นองค์พระบุตรก็จะอยู่ใต้พระเจ้า ผู้ทรงปราบสิ่งสารพัดให้อยู่ใต้พระองค์ เพื่อพระเจ้าจะทรงเป็นเอกเป็นใหญ่ในสิ่งสารพัดทั้งปวง
การสรรเสริญนมัสการในพิธีมหาสนิท:
สามารถแบ่งพิธีมหาสนิทเป็น 3 ช่วง ช่วงแรกคือบรรยากาศเริ่มพิธี ช่วง 2 คือช่วงทำพิธี และช่วงสุดท้ายคือการตอบสนอง
การร้องสรรเสริญนมัสการเป็นส่วนหนึ่งของพิธีมหาสนิท เพลงที่ใช้ในบรรยากาศช่วงแรกมีเป้าหมายนำบรรยากาศ สามารถร้องด้วยท่าที “ซาบซึ้ง ขอบพระคุณ ประกาศชัยชนะ และมีสันติสุข”
การร้องสรรเสริญนมัสการให้ดำเนินสอดคล้องกับช่วงทำพิธี ให้มีหนักเบา ช่วงร้องกับไม่ร้อง ช่วงเหลือแต่เสียงดนตรีหรือมีแต่เสียงร้อง
ในช่วงตอบสนอง เป็นช่วงเปิดใจให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เคลื่อนไหวภายในเต็มที่ (ควรมีเวลานานพอ) อาจมีการอธิษฐานส่วนตัว กล่าวคำ “ขอบคุณ” (คำขอบคุณคือคำสรรเสริญ) ประกาศตัวหรือตั้งใจว่าจะดำเนินชีวิตในทางพระเจ้า อย่างผู้มีชัยในพระเจ้า (นมัสการด้วยชีวิต) ฯลฯ
หรือจะร้องเพลงออกเสียง จะร้องเพลงจากใจก็ได้ (ใช้ได้ทั้งเสียงร้องหรือเสียงดนตรี) เพลงที่ใช้เน้นการ “ขอบพระคุณ ประกาศชัยชนะ และมีสันติสุข”
ทั้งหมดนี้คือการสรรเสริญนมัสการในพิธีมหาสนิท สามารถปรับใช้ตามความเหมาะสม
คำสอนการนมัสการจากการนมัสการในพิธีมหาสนิท:
คริสเตียนทำพิธีมหาสนิทเป็นประจำ บางคนอาจทำแค่ให้ผ่านพิธีนี้ บางคนเพียงต้องการสารภาพบาป บางคนได้ซาบซึ้งขอบคุณพระเจ้าอีกครั้ง บางคนประกาศชัยชนะเหนือความบาปอีกรอบ บางคนได้ใกล้ชิดติดสนิทพระองค์ผู้ทรงรักเขา
คนที่รับใช้พระเจ้าด้วยการสรรเสริญนมัสการ ต้องซ้อมต้องแสดงจริง (นมัสการ) อยู่เสมอ บางคนสัปดาห์ละหลายรอบ นับสิบชั่วโมง การทำเช่นนี้นานวันเข้าอาจกลายเป็นความเคยชิน บางครั้งรู้สึกน่าเบื่อ
หากคิดว่าน่าเบื่ออาจเพราะทำเป็นเพียงพิธีกรรม ใจไม่อยู่กับพระเจ้า (สรรเสริญแต่ปาก) แต่อยู่กับสิ่งอื่น หรือที่ผ่านมาไม่ได้รับผลดีจากการนมัสการหรือได้น้อย
ข้อแนะนำหนึ่งคือ ให้ซ้อมนมัสการและนมัสการอย่างมีความหมาย ไม่ใช่แค่มาทำหน้าที่หรือมาประกอบพิธีกรรม
ประโยชน์ของการสรรเสริญนมัสการมีมากมาย ต้องคาดหวังว่าจะได้เช่นนั้นเสมอ ไม่ว่าจะซ้อมหรือแสดงจริง “ท่านพลาดแล้ว” ถ้าไม่ได้ตามนั้น
แม้กระทั่งผู้เชื่อใหม่จะได้ประโยชน์จากการสรรเสริญนมัสการ แม้ยังไม่เข้าใจ อธิบายไม่ได้
ผลหรือประโยชน์ของการสรรเสริญนมัสการเป็นพระสัญญา
วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ (10): การนมัสการในพิธีมหาสนิท
ความบาปทำให้มนุษย์ถูกแยกออกจากพระเจ้า การไถ่เป็นขั้นตอนทางพฤตินัยทำให้ผู้เชื่อพ้นมลทิน แม้พวกเขายังไม่สมบูรณ์และยังไม่ถึงวันพิพากษา แต่ด้วยความเชื่อคริสเตียนมั่นใจได้รับความรอดแล้ว จึงดำเนินชีวิตอย่างผู้มีชัยสมกับเป็นคนของพระเจ้า
การไถ่ยังช่วยให้ผู้เชื่อใกล้ชิดติดสนิทพระองค์
วิธีการง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ ทำได้ดังนี้
1. ยอมรับว่าทำบาป สารภาพความผิดบาปอย่างเจาะจง รับพระคุณของพระเจ้าเพื่อรับการชำระบาป
มีใครกล้าพูดว่าตัวเองบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ทำบาปเลย
1ยน.1:8 ถ้าเราทั้งหลายจะว่าเราไม่มีบาป เราก็ลวงตนเอง และสัจจะไม่ได้อยู่ในเราเลย
ถ้ายังยึดบาปไว้พิธีนี้จะไร้ความหมาย ทั้งยังตอกย้ำว่าสมควรรับโทษจากบาปที่ตนกระทำ ยิ่งไม่ต้องคิดถึงจะสัมผัสพระเจ้าผ่านพิธีนี้
1คร.11:27-32
27 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดกินขนมปัง หรือดื่มจากถ้วยขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่สมควร ผู้นั้นก็ทำผิดต่อพระกายและพระโลหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า
28 ขอให้ทุกคนพิจารณาตนเอง แล้วจึงกินขนมปังและดื่มจากถ้วยนี้
29 เพราะว่าคนที่กินและดื่มโดยมิได้เล็งเห็นพระกายขององค์พระผู้เป็นเจ้า ก็กินและดื่มเป็นเหตุให้ตนเองถูกพิพากษาโทษ
30 ด้วยเหตุนี้พวกท่านหลายคนจึงอ่อนกำลังและป่วยไข้ และบ้างก็ล่วงหลับไป
31 แต่ถ้าเราพิจารณาตัวเราเอง เราคงไม่ต้องถูกทำโทษ
32 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำโทษเรานั้น พระองค์ทรงตีสอนเรา เพื่อมิให้เราถูกทรงพิพากษาลงโทษด้วยกันกับโลก
2. เปิดใจให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาเคลื่อนไหวภายใน อธิษฐานขอพระเจ้าช่วย ขอกำลังเพื่อเอาชนะบาป ขอความรักสันติสุขจากพระเจ้า
(ขั้นตอนสัมผัสพระเจ้าเต็มขนาด)
3. ประกาศ “ชัยชนะ” เพราะว่าเป็นคนใหม่ในพระเจ้า ได้รับการไถ่แล้ว
ถ้าไม่พูดถึงเรื่องการไถ่ การขึ้นสวรรค์ ประโยชน์ของพิธีมหาสนิทคือ การประกาศเจตนารมณ์ดำเนินชีวิตด้วยความเป็นไท มีชัยกับพระเยซู ตั้งใจนมัสการพระเจ้าด้วยชีวิต พระองค์ทรงสถิตอยู่ในเรา
“พระเจ้าได้ “ปลดปล่อย” ผู้เชื่อจากคำแช่งสาปแล้ว จงเลิกทุกข์และดำเนินชีวิตอย่างผู้มีชัยในพระเจ้าเถิด พระวิญญาณไม่ได้สถิตอยู่กับท่านหรือ” (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)
นี่คือยุคพันธสัญญาใหม่ นี่คือพันธสัญญาที่พระเจ้าทำไว้กับผู้เชื่อ
กจ.17:27-28
27 เพื่อเขาจะได้แสวงหาพระเจ้าและมุ่งหวังจะคลำหาให้พบพระองค์ ที่จริงพระองค์มิทรงอยู่ห่างไกลจากเราทุกคนเลย
28 ด้วยว่า "เรามีชีวิต และไหวตัว และเป็นอยู่ในพระองค์" ตามที่กวีบางคนในพวกท่านได้กล่าวว่า "แท้จริงเราทั้งหลายเป็นเชื้อสายของพระองค์"
For in him we live and move and have our being.’ As some of your own poets have said, ‘We are his offspring.’
วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ ทำได้เช่นนี้เอง
--------------------------------