การใช้เวลาแสวงหาพระเจ้า ติดตามพระองค์ ก่อประโยชน์มหาศาล ดีกว่าการนั่งคิดเรื่องไร้สาระว่าทำไมเกิดมาจน เผชิญเหตุร้าย ฯลฯ
1 เอลีฮูพูดต่อไปว่า
2 "ท่านคิดว่า นี่ยุติธรรมหรือ
ท่านพูดหรือว่า "ความชอบธรรมของข้าพเจ้ายิ่งกว่าของพระเจ้า"
3 ที่ท่านถามว่า
"ข้าพเจ้าจะได้ประโยชน์อะไร ข้าพเจ้าจะดีอะไรขึ้นกว่าข้าพเจ้าทำบาป"
4 ข้าพเจ้าจะตอบท่าน กับมิตรสหายของท่านด้วย
5 จงมองดูท้องฟ้าเถิด ดูเมฆซึ่งอยู่สูงกว่าท่าน
6 ถ้าท่านทำบาป
ท่านจะได้อะไรที่กระทบกระเทือนพระองค์ ถ้าการทรยศของท่านทวีขึ้น
ท่านทำอะไรแก่พระองค์
7 ถ้าท่านเป็นคนชอบธรรม
ท่านถวายอะไรแก่พระองค์หรือพระองค์ทรงรับอะไรจากมือของท่าน
บริบทตอนนี้ โยบผู้พยายามดำเนินชีวิตอย่างสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า
ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ กำลังเผชิญเหตุร้ายแรง สูญเสียลูกหลานทรัพย์สมบัติ และตัวเองเจ็บป่วยหนัก
โยบที่พระเจ้าอวยพรมาตลอด สงสัยว่าทำไมจึงเกิดเหตุร้ายเช่นนี้กับตัวเอง ทุกข์ใจยิ่งนัก
โยบ.30:16-17
16 "บัดนี้จิตใจของข้าก็ละลายไปด้วยความเศร้าสลด
วันแห่งความทุกข์ใจยึดตัวข้าไว้
17 กลางคืนกระดูกข้าผุไป
และความเจ็บปวดที่แทะข้านั้นไม่หยุดพักเลย
โยบ.30:31 เพราะฉะนั้นเสียงพิณเขาคู่ของข้า กลายเป็นเสียงโหยไห้ และเสียงปี่ของข้ากลายเป็นเสียงของผู้ที่ร้องไห้
เอลีฮูเป็นเพื่อนโยบคนที่
4 อธิบายชี้แจงด้วยศาสนศาสตร์ตอกย้ำความเป็นพระเจ้าว่าทรงอยู่เหนือสรรพสิ่ง เหนือความบาปความดีของมนุษย์
ไม่ว่าคนจะทำบาปหรือทำดีล้วนไม่มีผลต่อพระองค์
ทรงเป็นพระเจ้าเป็นนิจไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
เป็นเรื่องไร้สาระที่ใครคนหนึ่งจะกล่าวหากล่าวโทษพระองค์ (โยบ.35:2-3)
เพราะไม่มีผลใดๆ ต่อพระเจ้าแต่อาจมีผลต่อผู้กล่าวโทษพระองค์
การที่พระเจ้าอยู่เหนือความบาปความดีของมนุษย์เป็นหลักฐานหนึ่งบ่งชี้ว่าทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้
ที่แม้กระทั่งความบาปความดีใดๆ หรือโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ล้วนไม่มีผล
ไม่ส่งผลต่อพระองค์ได้เลย
ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลงนิรันดร์
อธิบายขยายความ: ดังที่ได้อธิบายแล้วว่าเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ถ้าใครหนึ่งคนคิดว่าพระเจ้าไม่ยุติธรรม
ไม่เสมอภาค เช่น เกิดมาจน ตัวเตี้ย ผอมเกิน เจ็บป่วยรุนแรง เผชิญเหตุร้าย ฯลฯ
เหล่านี้มนุษย์กำลังพิจารณาตัดสินด้วยความคิดตัวเอง ตามมาตรฐานโลก
(ไม่ใช่มาตรฐานพระเจ้า)
สิ่งที่ผู้เชื่อควรทำคือดำเนินชีวิตด้วยความเชื่ออย่างสัตย์ซื่อ
เที่ยงตรงต่อพระเจ้า นี่คือสิ่งดีที่สุดที่มนุษย์ทำได้ (แม้ไม่เข้าใจว่าทำไมเกิดมาจน
เผชิญเหตุร้าย ฯลฯ) ดีกว่ากล่าวโทษพระเจ้า (ไม่ว่าจะด้วยเรื่องใดๆ ก็ตาม)
เพราะการกล่าวโทษกล่าวหาใดๆ ไม่มีผลต่อพระองค์เลย เป็นการเสียเวลา ไร้สาระ
หาประโยชน์อันใดมิได้ ทั้งอาจเป็นผลเสียต่อผู้พูด
หรือบางคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องเจ็บป่วยและเสียชีวิต
พาลกล่าวโทษพระเจ้าว่าทรงทำให้ทุกข์ทรมาน
บางคนคิดไกลถึงขั้นว่าทรงพอพระทัยที่เห็นมนุษย์เจ็บปวด ฯลฯ ข้อนี้ไร้สาระเช่นกัน
ไม่ว่ามนุษย์จะเข้าใจหรือไม่ พระองค์ยังทรงเป็นพระเจ้าผู้ครอบครองสรรพสิ่งอยู่ดี
ทรงสิทธิอำนาจสูงสุดไม่เปลี่ยนแปลง
ผู้มีปัญญาจะไม่เสียเวลากับความคิดไร้สาระ
แต่จงแสวงพระเจ้า เรียนรู้จักพระองค์ พยายามพัฒนาความเชื่อ
ดำเนินชีวิตโดยมีพระองค์เคียงข้าง นั่นแหละดีที่สุด
สดด.23:4 แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช
ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์
คทาและธารพระกรของพระองค์เล้าโลมข้าพระองค์
Even though I walk through the darkest valley, I will fear
no evil, for you are with me; your rod and your staff, they comfort me.
Give ear and come to me; listen, that you may live. I will
make an everlasting covenant with you, my faithful love promised to David.
อสย.55:6 "จงแสวงหาพระเจ้า เมื่อจะพบพระองค์ได้ จงทูลพระองค์
ขณะพระองค์ทรงอยู่ใกล้
Seek the LORD while he may be found; call on him while he
is near.
การแสวงหาพระเจ้าคือหลักการพื้นฐานที่พระเจ้าให้ไว้เพื่อมีชีวิตทรงพลัง
มธ.6:33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า
และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้
-----------------------