27/11/2566

บทเรียน 12 คนในสมัยพระคัมภีร์เดิมได้รับความรอดผ่านความเชื่อ

คนในสมัยพระคัมภีร์เดิมได้รับความรอดผ่านความเชื่อ คือเชื่อว่าพระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้า แสดงออกด้วยการดำเนินชีวิตตามธรรมบัญญัติ เป็นเครื่องแสดงว่าเขาเชื่อพระเจ้า พยายามทำตามคำสั่งคำสอน

            อ่านอพย.20:1-5

คำถามก่อนเรียน :

            1) เมื่อท่านอ่านคำสอนในพระคัมภีร์เดิม (พันธสัญญาเดิมหรือ Old Testament) ท่านปฏิบัติได้ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่

            2) เมื่อท่านอ่านคำสอนในพระคัมภีร์ใหม่ (พันธสัญญาใหม่) ท่านปฏิบัติได้ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่

คนในสมัยพระคัมภีร์เดิมได้รับความรอดผ่านความเชื่อ:

            ผู้เชื่อต้องมีความเข้าใจว่าในยุคพระคัมภีร์เดิม ยังไม่มีพระเยซู ข่าวประเสริฐยังมาไม่ถึง ทุกคนสามารถรับความรอดผ่านความเชื่อ คือเชื่อว่าพระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้า ความเชื่อนี่แหละช่วยให้เขาไม่ต้องรับโทษบาปในวันพิพากษา แสดงออกด้วยการดำเนินชีวิตตามธรรมบัญญัติ เป็นเครื่องแสดงว่าเขาเชื่อพระเจ้า พยายามทำตามคำสั่งคำสอน

            3 ข้อแรกของธรรมบัญญัติ 10 ประการของโมเสส ให้ยึดพระเจ้าองค์เดียว คือเชื่อว่าพระเยโฮวาห์เท่านั้นที่เป็นพระเจ้า นมัสการพระองค์เพียงผู้เดียว นี่คือความเชื่อหลักที่พวกเขายึดถือ

อพย.20:1-6

1 พระเจ้าตรัสพระวจนะทั้งสิ้นต่อไปนี้ว่า

2 "เราคือพระเจ้าของเจ้า ผู้ได้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์คือจากแดนทาส

3 "อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา

4 "อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน เป็นรูปสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง หรือในน้ำใต้แผ่นดิน

5 อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น เพราะเราคือพระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หวงแหน ให้โทษบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้ที่ชังเราจนถึงสามชั่วสี่ชั่วอายุคน

6 แต่เราแสดงความรักมั่นคงต่อคนที่รักเรา และปฏิบัติตามบัญญัติของเราจนถึงพันชั่วอายุคน {หรือจำนวนหลายพันคน}

            คนในยุคพระคัมภีร์เดิม (พันธสัญญาเดิมหรือ Old Testament) จึงรอดด้วยความเชื่อ สำแดงว่าตนเชื่อด้วยการดำเนินชีวิตตามธรรมบัญญัติ เป็นบัญญัติที่วางไว้ตั้งแต่ต้น

            พระเยซูทรงย้ำบัญญัติข้อนี้

มก.12:28-29

28 มีธรรมาจารย์คนหนึ่ง เมื่อมาถึงได้ยินเขาไล่เลียงกัน และเห็นว่าพระองค์ทรงตอบเขาได้ดีจึงทูลถามพระองค์ว่า "ธรรมบัญญัติข้อใดเป็นเอกเป็นใหญ่กว่าธรรมบัญญัติทั้งปวง"

29 พระเยซูจึงตรัสตอบคนนั้นว่า "ธรรมบัญญัติเอกนั้นคือว่า โอ ชนอิสราเอล จงฟังเถิด พระเจ้าของเราทั้งหลายทรงเป็นพระเจ้าเดียว

            “พวกยึดธรรมบัญญัติ” กับ “พวกยึดคำสอนในพระคัมภีร์ใหม่” (ผู้เชื่อ 2 ยุค) ล้วนพบความจริงว่าไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน เขาไม่สามารถทำตามธรรมบัญญัติ ไม่สามารถทำตามคำสอนพระเยซูได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่มีใครรอดด้วยการประพฤติแต่ด้วยความเชื่อเท่านั้น

            คำถาม คริสเตียนคนไหนกล้าพูดว่าตนทำตามคำสอนพระเยซูได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่เคยทำบาปเลย ไม่ต้องสารภาพบาป

            ดังนั้น ความรอดของผู้เชื่อทั้ง 2 ยุคจึงไม่ขึ้นกับการกระทำ (เป็นเช่นนี้ทั้งคู่) แต่มาจากความรักมั่นคง (อพย.20:6) หรือที่พระคัมภีร์ใหม่ใช้คำว่าพระคุณ (grace) คำว่าพระคุณให้ความหมายว่า ได้รับแม้ไม่สมควร พระเจ้าประทานให้โดยมีข้อแม้ว่าต้องเชื่อพระเจ้าจริง พระองค์เป็นผู้ริเริ่ม มีรากฐานจากความรักพระองค์

            พระคัมภีร์ใหม่สอนว่าในยุคพระคัมภีร์เดิม ทุกคนได้รับความรอดผ่านความเชื่อ คือเชื่อว่าพระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้า ความเชื่อนี่แหละช่วยให้เขาไม่ต้องรับโทษบาปในวันพิพากษา (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

ฮบ.11:39-40

39 คนเหล่านั้นทุกคนมีชื่อเสียงดีเพราะความเชื่อของเขา แต่เขาก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้

40 เพราะพระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งซึ่งประเสริฐยิ่งกว่านั้นไว้สำหรับเขา เพื่อเขาทั้งหลายจะได้รับความสมบูรณ์ด้วยกันกับเราเท่านั้น

            พระธรรมฮีบรูบทที่ 11 สอนเรื่องความเชื่อ ยกตัวอย่างคนในสมัยพระคัมภีร์เดิมที่มีความเชื่อ สมควรเป็นแบบอย่างแก่คริสเตียน (ยุคพระคัมภีร์ใหม่หรือพันธสัญญาใหม่) คนเหล่านั้นล้วนเชื่ออย่างมั่นคงว่าพระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้า สำแดงออกผ่านชีวิต การกระทำตามคำสั่งคำสอนพระเจ้า (อ่านฮีบรูบทที่ 11)

            สรุป คนในสมัยพระคัมภีร์เดิมได้รับความรอดผ่านความเชื่อ คือเชื่อว่าพระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้า แสดงออกด้วยการดำเนินชีวิตตามธรรมบัญญัติ เป็นเครื่องแสดงว่าเขาเชื่อพระเจ้า พยายามทำตามคำสั่งคำสอน (ที่ไม่มีใครทำได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ความรอดจึงมาทางความเชื่อเท่านั้น)

            ไม่ต่างจากคริสเตียนที่รอดผ่านความเชื่อ แต่เป็นความเชื่อที่สมบูรณ์กว่าคือเชื่อว่าพระเยซูได้ไถ่เราแล้วที่กางเขน (ความเชื่อที่สมบูรณ์กว่านี้คือความเชื่อตามแผนการพระเจ้า ถึงเวลาพระเยซูมาเกิดเป็นมนุษย์และไถ่บาป ต่างจากผู้เชื่อสมัยพันธสัญญาเดิมที่รอคอยพระผู้ไถ่)

คำถามหลังคำสอน :

            1) ทำไมพระเจ้าจึงกำหนดให้มนุษย์ได้รับความรอดผ่านความเชื่อ ไม่ใช่ด้วยผ่านการประพฤติตามคำสอน

            2) จากบทเรียนนี้ ความเหมือนกับความต่างสำคัญของผู้เชื่อพระเจ้าในพันธสัญญาเดิมกับพันธสัญญาใหม่คืออะไร จงอธิบายอย่างกระชับได้ใจความ

--------------------------

 

21/11/2566

Ep12 เริ่มต้นด้วยพระคุณแล้วเป็นความรัก

ผู้ใดติดสนิทผูกพันกับพระเจ้า เติมเต็มด้วยความรักพระองค์ ชีวิตจะสำแดงความทรงพลังด้วยตัวมันเอง

สดด.23:6 แน่ทีเดียวที่ความดีและความรักมั่นคงจะติดตามข้าพเจ้าไป ตลอดวันคืนชีวิตของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าสืบไปเป็นนิตย์

เริ่มด้วยพระคุณแล้วพัฒนาเป็นความรัก (agape)

คือความสัมพันธ์ผูกพันกับพระองค์

ยามที่ผู้คนสาละวนและว้าวุ่น

ใจข้าสงบนิ่งต่อพระเจ้า จิตวิญญาณพันผูกกับพระองค์

เออ ข้าสัมผัสพบพระเจ้า ข้าภาวนาเพื่อใกล้พระองค์

ให้ความรักพระองค์เติมเต็มจิตใจ

ให้ความรักพระองค์ขับเคลื่อนชีวิต

ยิ่งนานวันยิ่งใกล้ชิดผูกพัน

......

ผู้รักโลกย่อมพินาศไปกับโลก

ผู้รู้จักพระเจ้า จะอยู่กับพระองค์ตั้งแต่บัดนี้และสืบไป

จง “เปลี่ยนแปลงชีวิต” เพื่อ “ชีวิตเปลี่ยนแปลง”

พระเจ้ารักเรา เรารักพระเจ้า:

การใช้หลักความรัก ต้องไม่แยกประโยค “พระเจ้ารักเรา เรารักพระเจ้า” ต้องมองว่าเป็นข้อเดียวกัน แม้อาจอธิบายแยกกัน แต่ต้องใช้ร่วมกันไม่แยกจากกัน เพราะเป็นปฏิสัมพันธ์ที่ดำเนินต่อเนื่อง หากขาดข้างใดข้างหน้าหนึ่ง ปฏิสัมพันธ์ดังกล่าวไม่เกิดขึ้น

พระเจ้ารักเรา จึงมีการไถ่ แต่หากมนุษย์ไม่ยอมรับความรักพระองค์ การไถ่ไม่เป็นผล

พระเจ้ารักคริสเตียน แต่ถ้าคริสเตียนไม่สนใจที่จะสัมพันธ์กับพระองค์ หรือสัมพันธ์เพียงผิวเผิน เช่นนี้ หลัก “พระเจ้ารักเรา เรารักพระเจ้า” ไม่เป็นไปตามน้ำพระทัยเช่นกัน

ส่งเสริมให้ผู้เชื่อสัมผัสความรักพระคริสต์:

ความรักของพระเจ้าคือรักแบบอากาเป้ (agape) เป็นความรักที่มนุษย์ไม่รู้จักหรือรับรู้ไม่ได้ เมื่อเป็นคริสเตียนจำต้องได้รับการสอนให้เข้าใจตามลำดับ เพราะความรักนี้ไม่ใช่ความรักแบบโลกมนุษย์ทั่วไป  เป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตให้เหมือนพระคริสต์

สำคัญกว่านั้นคือการส่งเสริมให้ผู้เชื่อสัมผัสความรักนี้ ให้มากขึ้นทุกวัน

ถ้ายังไม่สัมผัสความรักพระเจ้าก็ยากจะรักพระองค์ (จะเป็นแค่พยายามทำตามคำสอน ยังไม่ใช่รักแบบที่พระองค์ต้องการ)

การสัมผัสความรักคือส่วนหนึ่งหรือรูปแบบหนึ่งของความสัมพันธ์กับพระคริสต์ ติดสนิทพระองค์ 

รม.5:3-5 

3 ยิ่งกว่านั้น เราชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากของเราด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น ทำให้เกิดความอดทน

4 และความอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ และการที่เราเห็นเช่นนั้นทำให้เกิดมีความหวังใจ

5 และความหวังใจมิได้ทำให้เกิดความเสียใจเพราะผิดหวัง เพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว

And hope does not put us to shame, because God’s love has been poured out into our hearts through the Holy Spirit, who has been given to us.

“ความรักของพระเจ้าได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว” 

คริสเตียนสร้างอากาเป้ไม่ได้ ต้องได้รับจากพระเจ้าเท่านั้น (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

เป็นคนชอบธรรม (ได้รับความรอด) มีสันติสุขในพระเจ้า ความรักของพระเจ้าที่หลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของเราทั้งหมดสัมพันธ์กัน ปรากฎผ่านหรืออยู่ในชีวิตคนของพระเจ้า

จงติดสนิทผูกพันกับพระเจ้า เติมเต็มด้วยความรักพระองค์ ชีวิตจะสำแดงความทรงพลังด้วยตัวมันเอง

-----------------------


บทความแนะนำ

บทเรียน 17 พระเยโฮวาห์ผู้ดำรงอยู่นิรันดร์

 นามพระเจ้าบ่งบอกว่าทรงดำรงอยู่นิรันดร์ เป็นจุดเริ่มของสรรพสิ่ง ทรงยิ่งใหญ่สูงสุด ถ้าปราศจากพระองค์จะไร้ซึ่งสรรพสิ่ง การดำรงอยู่ของพระองค์กั...