29/04/2566

บทเรียน 3 ผลการเป็นคนชอบธรรมไม่ทำบาป จากโยบบทที่ 11

หากการเป็นคนชอบธรรมไม่ทำบาปยากลำบาก คริสเตียนที่จมอยู่ในความบาปอาจสนุกชั่วคราว แต่ความบาปจะไล่ล่าและหนีไม่พ้นแน่นอน แท้จริงแล้วคนชอบธรรมจะรับผลดีมากมายขณะอยู่ในโลก  

คริสเตียนบางคนคิดว่าการเป็นคนชอบธรรมยากลำบาก ขัดเคืองใจ หวังแค่ความรอดไม่หวังรางวัลบนสวรรค์ คนเหล่าเข้าใจผิดมหันต์ โยบบทที่ 11 อธิบายผลการเป็นคนชอบธรรมไม่ทำบาปที่ตรงข้ามกับการจมอยู่ในความบาป

คำถามก่อนเรียน :

1) ท่านเคยเห็นคนที่เหน็ดเหนื่อยเบื่อหน่ายกับการเป็นคริสเตียนหรือไม่ พยายามดำเนินชีวิตอย่างสัตย์ซื่อเที่ยงตรงต่อพระเจ้า หลีกเลี่ยงบาป

2) ท่านคิดว่าการเป็นคริสเตียนจะได้รับการอวยพรขณะอยู่ในโลกอย่างไร

อ่าน โยบ บทที่ 11

บริบท :

ที่ผ่านมาโยบพยายามแย้งว่าเขาไม่รู้ว่าตนทำบาปอะไรแต่ต้องสูญเสียสิ่งต่างๆ ทุกข์ยากยิ่งนัก โศฟาร์เพื่อนโยบจึงแย้งว่าพระเจ้าไม่เป็นฝ่ายผิดแน่นอน โดยให้เหตุผลว่า 

1. มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจสติปัญญาของพระเจ้าได้ทั้งหมด

โยบ.11:7-8

7 "ท่านจะหยั่งรู้สภาพของพระเจ้าได้หรือ ท่านหยั่งรู้องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้หมดหรือ

8 นั่นสูงกว่าฟ้าสวรรค์ ท่านจะทำอะไรได้ ลึกกว่าแดนคนตาย ท่านจะทราบอะไรได้

2. ทรงสิทธิอำนาจ

โยบ.11:10 ถ้าพระองค์ทรงผ่านไป และทรงคุมขัง และทรงเรียกมาพิพากษา ใครจะขัดขวางพระองค์ได้

3. ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม

ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม ไม่มีใครหลอกพระองค์ได้

โยบ.11:11 เพราะพระองค์ทรงทราบคนไร้ค่า เมื่อพระองค์ทรงเห็นความบาปผิด พระองค์จะไม่ทรงพิจารณาหรือ

Surely he recognizes deceivers; and when he sees evil, does he not take note?

ผลการเป็นคนชอบธรรม ไม่ทำบาป :

โยบ.11:14-15

14 ถ้าความบาปชั่วอยู่ในมือของท่าน ทิ้งเสียให้ไกล และอย่าให้ความอธรรมอาศัยอยู่ในเต็นท์ของท่าน

15 แล้วแน่ละ ท่านจะเงยหน้าขึ้นโดยปราศจากตำหนิท่านจะปลอดภัย และไม่ต้องกลัว

then, free of fault, you will lift up your face; you will stand firm and without fear.

1. ปราศจากใจฟ้องผิด กล้าเผชิญหน้าความจริง 
2. มั่นคงปลอดภัย ทั้งยามตื่นยามหลับ
3. ไม่หวดกลัววิตกกังวล
4. ลืมความทุกข์ยากที่ผ่านมา ไม่วนเวียนในความทรงจำเลวร้าย

โยบ.11:16 ท่านจะลืมความทุกข์ยากของท่าน ท่านจะจดจำได้เหมือนน้ำที่ได้ไหลผ่านพ้นไป

5. ชีวิตสดใสรุ่งโรจน์เรื่อยไป

โยบ.11:17 แล้วชีวิตของท่านจะสุกใสยิ่งกว่าเวลาเที่ยงวันแม้จะมีความมืดก็จะเหมือนเวลาเช้า

Life will be brighter than noonday, and darkness will become like morning.

6. รู้สึกได้ว่าอนาคตมั่นคง มีความหวัง

โยบ.11:18 และท่านจะรู้สึกปลอดภัย เพราะมีความหวัง เออ ท่านจะตรวจตราดู และนอนพักอย่างปลอดภัย

You will be secure, because there is hope; you will look about you and take your rest in safety.

7. ให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของคนมากมาย

โยบ.11:19 ท่านจะนอนลง และไม่มีใครทำให้ท่านกลัว เออ คนเป็นอันมากจะมาวอนขอความช่วยเหลือจากท่าน

8. ไม่ต้องรับโทษในวันพิพากษา ได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไป 

คนอธรรมหนีไม่พ้นโทษของเขา ไม่มีใครช่วยได้ ความหวังคนอธรรมไม่สำเร็จ เป็นความหวังที่รอวันล้มเหลว ต้องผิดหวัง

โยบ.11:20 แต่ตาของคนอธรรมจะมืดมัว หนทางที่รอดพ้นจะอันตรธานไปจากเขา และความหวังของเขาก็คือ ความตายนั่นเอง"

But the eyes of the wicked will fail, and escape will elude them; their hope will become a dying gasp.”

ตรงข้ามกับคนอธรรม คนชอบธรรมมีอนาคตแน่นอน 

ได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไป เริ่มตั้งแต่วันนี้ที่เชื่อติดสนิทพระองค์ (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

สภษ.23:18 มีอนาคตแน่นอนทีเดียว และความหวังของเจ้าจะมิได้ถูกตัดออก

รม.5:1-2

1 เหตุฉะนั้น เมื่อเราได้เป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้วเราจึง {หรือ ให้เรา} มีสันติสุขในพระเจ้า ทางพระเยซูคริสตเจ้าของเรา

Therefore, since we have been justified through faith, we have peace with God through our Lord Jesus Christ,

2 โดยทางพระองค์เราจึงได้เข้าในร่มพระคุณที่เรายืนอยู่และเรา {หรือ ให้เรา} ชื่นชมยินดีในความไว้วางใจ ว่าจะได้มีส่วนในพระสิริของพระเจ้า

อฟ.2:12-17

12 จงระลึกว่า ครั้งนั้นท่านทั้งหลายเป็นคนอยู่นอกพระคริสต์ ขาดจากการเป็นพลเมืองอิสราเอล และไม่มีส่วนในบรรดาพันธสัญญาซึ่งทรงสัญญาไว้นั้น ไม่มีที่หวัง และอยู่ในโลกปราศจากพระเจ้า

13 แต่บัดนี้ในพระเยซูคริสต์ท่านทั้งหลายซึ่งเมื่อก่อนอยู่ไกล ได้เข้ามาใกล้โดยพระโลหิตของพระคริสต์

14 เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นสันติสุขของเรา เป็นผู้ทรงกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทรงรื้อกำแพงที่กั้นระหว่างสองฝ่ายลง

15 คือการเป็นปฏิปักษ์กัน โดยในเนื้อหนังของพระองค์ ได้ทรงให้ธรรมบัญญัติอันประกอบด้วยบทบัญญัติและกฎหมายต่างๆ นั้นเป็นโมฆะ เพื่อจะกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นคนใหม่คนเดียวในพระองค์ เช่นนั้นแหละ จึงทรงกระทำให้เกิดสันติสุข

16 และเพื่อจะทรงกระทำให้ทั้งสองพวกคืนดีกับพระเจ้า เป็นกายเดียวโดยกางเขน ซึ่งเป็นการทำให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อกันหมดสิ้นไป

17 และพระองค์ได้เสด็จมาประกาศสันติสุขแก่ท่านที่อยู่ไกล และประกาศสันติสุขแก่คนที่อยู่ใกล้

สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนิรันดร์คือความสมบูรณ์ ความบริบูรณ์

ข้อแนะนำเพิ่มเติม : 

1. เพราะพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่

คริสเตียนไม่เพียงเชื่อศรัทธาศาสดาเยซู  (ถ้าจะพูดอย่างนั้น) และพยายามยึดถือปฏิบัติคำสอนของท่านเท่านั้น ถ้าทำเท่านี้จะเป็นคริสเตียนที่นับถือศาสนาคริสต์ 

พระเจ้าพระเยซูทรงพระชนม์อยู่ คริสเตียนนมัสการพระองค์ที่รับฟังคำสรรเสริญ ตอบคำอธิษฐาน สามารถสัมผัสความรัก (อากาเป้) สันติสุขที่พระองค์มอบให้โดยตรง 

ในที่นี้นำเสนอบางข้อ ดังนี้

1.1 ทรงฟังและตอบคำอธิษฐาน

คริสเตียนแท้ทุกคนจะมีประสบการณ์การตอบคำอธิษฐานอย่างเจาะจง มักเป็นประสบการณ์สัมผัสพระเจ้าแรกๆ (รู้ว่าพระองค์มีจริง)

การอธิษฐานเป็นเรื่องที่ทำตลอดชีวิต หนึ่งในวิธีพัฒนาความใกล้ชิดผูกพันธ์ สัมผัสได้ว่าทรงพระชนม์อยู่

1.2 สัมผัสความรัก สันติสุข ได้กำลังจากพระองค์ 

พระเจ้าเป็นความรักเป็นสันติสุข ไม่แปลกหากผู้เชื่อสัมผัสสิ่งเหล่านี้ เช่นเดียวกับที่พระองค์โกรธ ตีสอนด้วยความรัก (ความรักไม่ใช่การตามใจ เป็นการช่วยให้เขาบริสุทธิ์)

คส.3:15 และจงให้สันติสุขของพระคริสต์ครองจิตใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านไว้ให้เป็นกายเดียวด้วย เพื่อสันติสุขนั้น และท่านจงมีใจกตัญญู

Let the peace of Christ rule in your hearts, since as members of one body you were called to peace. And be thankful.

1.3 ได้รับพระพรขณะอยู่ในโลก

ไม่แปลกที่คริสเตียนได้รับการอวยพร ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การงาน การเงิน สุขภาพ ครอบครัว เหล่านี้เป็นปัจจัยพื้นฐานการดำเนินชีวิต พระองค์รู้ว่าพวกเขาจำต้องมี จึงอวยพรให้มีมากพอ หรือบางครั้งเกินพอเพื่อแจกจ่าย เพื่อทำการงานที่ยิ่งใหญ่ถวายเกียรติพระเจ้า

มธ.6:25, 32-33

25 "เหตุฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ

32 เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้

33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้

1.4 ทรงนำชีวิต

ไม่ว่าผู้เชื่อจะเข้าใจหรือไม่ พระเจ้าควบคุมโลกและทรงนำชีวิตทุกคน เหตุนี้จึงไม่มีความบังเอิญ 

โยบ.9:24  แผ่นดินโลกนี้ทรงมอบไว้ในมือของคนอธรรม พระองค์ทรงปิดหน้าบรรดาผู้วินิจฉัยโลก ถ้าไม่ใช่พระองค์ แล้วใครเล่า

When a land falls into the hands of the wicked, he blindfolds its judges. If it is not he, then who is it?

โยบ.12:23-25

23 พระองค์ทรงกระทำประชาชาติให้ใหญ่โต และพระองค์ทรงทำลายเสีย พระองค์ทรงขยายบรรดาประชาชาติ และทรงนำเขาทั้งหลายไปเป็นเชลย

24 พระองค์ทรงนำความเข้าใจไปเสียจากหัวหน้าชาวโลก และทรงกระทำให้เขาพเนจรไปในถิ่นทุรกันดารซึ่งไม่มีหนทาง

25 เขาทั้งหลายคลำอยู่ในความมืด ปราศจากความสว่างและพระองค์ทรงทำให้เขาโซเซอย่างคนเมา

คริสเตียนสามารถขอการทรงนำอย่างเจาะจงและหวังให้ผู้เชื่อขอการทรงนำด้วย เป็นการที่คริสเตียนแสดงเจตจำนงขอดำเนินชีวิตตามแผนการณ์พระเจ้า เป็นประสบการณ์ที่คริสเตียนมีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระผู้ช่วย พระองค์จะเปิดเผยแผนการณ์

พระเยซูสอนสาวกหลายเรื่องรวมการไถ่ที่ไม้กางเขน ตอนแรกสาวกไม่เข้าใจทั้งหมด จึงทรงเอ่ยถึงวิญญาณบริสุทธิ์ว่าจะสอนให้เข้าใจทุกสิ่ง เข้าถึงแผนการณ์น้ำพระทัยที่ระองค์จะนำพวกเขาในอนาคต

ยน.15:26 แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว

1.4.1 จะทางกว้างหรือทางแคบพระองค์ทรงอยู่ด้วย

บางครั้งอาจเผชิญปัญหาอุปสรรค ไปต่อยาก สับสนไม่มั่นใจ แต่นี่แหละเป็นโอกาสที่ผู้เชื่อจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

1.4.2 ทรงนำชีวิตจนลมหายใจสุดท้าย 

คริสเตียนตระหนักว่าพระองค์ดูแลชีวิตตั้งแต่เกิดจนวันตาย สรรเสริญพระเจ้า

โยบ.1:21 ท่านว่า "ข้าพเจ้ามาจากครรภ์มารดาของข้าพเจ้าตัวเปล่า และข้าพเจ้าจะกลับไปตัวเปล่า พระเจ้าประทาน และพระเจ้าทรงเอาไปเสียสาธุการแด่พระนามพระเจ้า"

ตัวอย่าง พระเจ้าต่ออายุขัยเฮเซคียาห์

2พกษ.20:5-6

5 "จงกลับไปบอกเฮเซคียาห์เจ้านายแห่งประชากรของเราว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของเจ้า ตรัสดังนี้ว่า เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว เราได้เห็นน้ำตาของเจ้าแล้ว ดูเถิด เราจะรักษาเจ้าในวันที่สามเจ้าจะเข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้า

6 และเราจะเพิ่มชีวิตของเจ้าอีกสิบห้าปีเราจะช่วยกู้เจ้า และเมืองนี้จากมือของพระราชาแห่งอัสซีเรีย และป้องกันเมืองนี้ไว้ เพื่อเห็นแก่เราเอง และเพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา"

ทั้งหมดที่นำเสนอเกิดขึ้นเพราะพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่ เมื่อเป็นคริสเตียนระยะหนึ่ง (ยกเว้นพวกที่เป็นคริสเตียนแต่ปาก) ผู้นั้นจะตอบตัวเองได้ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่

คำถาม วันนี้ท่านมั่นใจหรือยังว่า “พระองค์ทรงพระชนม์อยู่”

2. “จงแสวงหาพระเจ้า”

การทรงฟังและตอบคำอธิษฐาน สัมผัสความรัก สันติสุข ได้กำลังจากพระองค์ ฯลฯ ดังกล่าวข้างต้นทั้งหมดเป็นเพราะพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่ เป็นหลักข้อเชื่อที่สำคัญยิ่งยวด ถ้าพระองค์ไม่ทรงมีอยู่จริง การเป็นคริสเตียนก็ไร้ค่า 

พระเจ้าต้องการให้ผู้เชื่อสัมผัสเข้าถึงการทรงพระชนม์อยู่ ให้หลักการพื้นฐานว่า “จงแสวงหาพระเจ้า”

2.1 ข้อสรุปคำสอนพระเจ้าตั้งแต่แรกเริ่ม 

ฉธบ.11:22 เพราะถ้าท่านระวังที่จะกระทำตามบัญญัติทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่าน คือรักพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ดำเนินในทางทั้งสิ้นของพระองค์ และติดสนิทอยู่กับพระองค์แล้ว

For if you are careful to observe this entire commandment I am giving you, loving the LORD, your God, following his ways exactly, and holding fast to him,

อธิบายขยายความ : ฉธบ.11:22 เริ่มต้นด้วยการพูดว่า “กระทำตามบัญญัติทั้งปวง” บัญญัติที่สอนผ่านโมเสสมีมากมายปรากฏในพระธรรมหมวดเบญจบรรณ ฉธบ.11:22 (โมเสส) สรุปคำสอนพระเจ้าตั้งแต่แรกเริ่ม (สรุปคำสอนในหมวดเบญจบรรณ) ไว้ 3 ข้อคือ 1) รักพระเจ้าของเจ้า 2) ดำเนินชีวิตตามแบบของพระองค์อย่างเที่ยงตรง 3) ติดสนิทกับพระองค์ ทั้งนี้ทั้ง 3 ข้อแยกจากกันไม่ได้ 

ทั้ง 3 ข้อแยกจากกันไม่ได้ (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

สังเกตว่าข้อสรุปคำสอนเรียงลำดับอย่างดี เริ่มจากเชื่อศรัทธาก่อน ตามมาด้วยดำเนินชีวิตตามคำสอน (พยายามดำเนินชีวิตบริสุทธิ์ชอบธรรม) ลงท้ายด้วยติดสนิทกับพระองค์ 

สังเกตอีกว่าไม่ใช่แค่ท่องจำปฏิบัติคำสอนแต่ต้องใกล้ชิดสนิทสนมพระเจ้าด้วย พระองค์ทรงพระชนม์อยู่และ “สั่ง” ใหทำเช่นนั้น (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

คริสเตียนบางคนเชื่อศรัทธาพระเจ้า พยายามยึดถือปฏิบัติคำสอน ทุ่มเทรับใช้ แต่ขาดใกล้ชิดติดสนิทกับพระองค์ พระเจ้าของเขาจึงเหมือนตายแล้ว 

บัญญัติ 10 ประการ 3 ข้อแรกพูดถึงความสัมพันธ์กับพระเจ้า ย้ำว่ามีพระเจ้าองค์เดียว นมัสการ ติดสนิทผูกพันกับพระเจ้าเท่านั้น

ฉธบ.5:6-10

6 "เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ได้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ออกจากแดนทาส

7 "อย่ามีพระเจ้าอื่นนอกเหนือจากเรา

8 "อย่าทำรูปเคารพสำหรับตนเป็นรูปสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือซึ่งมีอยู่ที่แผ่นดินเบื้องล่าง หรือซึ่งมีอยู่ในน้ำใต้แผ่นดิน

9 อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น ด้วยเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าหวงแหน ให้โทษบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้ที่ชังเรากระทั่งสามชั่วสี่ชั่วอายุ

10 แต่แสดงความรักมั่นคงต่อคนที่รักเราและปฏิบัติตามบัญญัติของเรากระทั่งพันชั่วอายุ

ยน.15:4-7 พระเยซูกล่าวย้ำเรื่องนี้อีก “จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน” 

4 จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้ นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น

5 เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย

6 ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยวแห้งไป และถูกเก็บเอาไปเผาไฟ

7 ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น

คนเข้าสนิทจะพบพระเจ้า สัมผัสพระองค์ เกิดผลมากมาย ตรงกันข้ามคือถูกทำลาย “ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง”

“ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง”

ใครมีหูจงฟัง

สดด.1:1-6

2.2 พันธสัญญาการอวยพรอันเนื่องจากการปฏิบัติตามข้อสรุปคำสอน

พระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติที่ต่อจากนี้ (ต่อจากฉธบ.11:22) เป็นพันธสัญญาการอวยพรอันเนื่องจากการปฏิบัติตามข้อสรุปคำสอน

ฉธบ.11:23-25

23 พระเจ้าจะทรงขับไล่บรรดาประชาชาติเหล่านี้ให้ออกไปพ้นหน้าท่านทั้งหลาย แล้วท่านจะเข้ายึดแผ่นดินของประชาชาติที่ใหญ่กว่าและมีกำลังมากกว่าท่าน

24 ฝ่าเท้าของท่านทั้งหลายจะเหยียบลงที่ใด ที่นั่นจะเป็นของท่าน อาณาเขตของท่านจะเริ่มจากถิ่นทุรกันดารไปจนถึงเลบานอน และจากแม่น้ำ คือแม่น้ำยูเฟรติสไปจนถึงทะเลตะวันตก

25 จะไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านท่านได้ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านจะทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายเป็นที่เกรงขามและตกใจกลัวของแผ่นดินที่ท่านทั้งหลายจะเหยียบย่ำไปตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับท่าน

ฉธบ.11:23-25 บรรยายพระพรอันเนื่องจากการปฏิบัติตามคำสอน สัมพันธ์กับบริบทของชนชาติอิสราเอลสมัยนั้น นั่นคือโมเสสนำพวกเขาเข้าคานาอัน เพื่อให้ชนชาติอิสราเอลอาศัยอยู่ที่นั่น เป็นนิมิตการทรงเรียกที่เจาะจงต่อชนชาติอิสราเอลสมัยนั้น

ผลของการทำครบทั้ง 3 ข้อคือบรรลุนิมิตการทรงเรียก (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

คำถามหลังคำสอน :

1) ตามความคิดท่าน การเป็นคนชอบธรรมไม่ทำบาป คุ้มค่าหรือไม่ จงอธิบาย

2) ท่านอยากใกล้ชิดติดสนิทพระเจ้ามากกว่าเดิมหรือไม่ อย่างไร

------------------


21/04/2566

บทเรียน 2 ควรทำอย่างไรแทนการโทษชีวิต

พระเจ้าสอนและเปลี่ยนมุมมองต่อชีวิต จงยึดมั่นพระองค์เสมอ หวังให้ใกล้ชิดติดสนิท เพราะโลกเป็นแค่บ้านชั่วคราว

บางคนเมื่อประสบเหตุร้ายแรงเผชิญความทุกข์ยากก็บ่นต่อว่าคนอื่น โทษสังคมคนรอบข้าง โทษฟ้าดิน ขมขื่นทุกข์ใจ จมอยู่ในความคิดแง่ลบ โลกช่างเลวร้ายเหลือเกิน ในบางกรณีการอธิบายดังกล่าวมีส่วนถูกต้องอยู่บ้างแต่ไม่ก่อประโยชน์เท่าไหร่

สำหรับคริสเตียน พระเจ้าสอนให้มองด้วยความเข้าใจที่ต่างออกไป โยบเป็นกรณีตัวอย่างที่เขาต้องสูญเสียลูก สูญเสียความมั่งคั่งทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่พยามยามดำเนินชีวิตชอบธรรม คิดไม่คิดออกว่าตนทำผิดอะไร ทำไมต้องเกิดเรื่องเช่นนี้กับเขา

พระธรรมโยบบทที่ 9 เป็นความคิดมุมมองที่โยบมีต่อเหตุร้ายแรงที่เกิดกับตัวเอง 

คำถามก่อนเรียน :

1) เคยพบเห็นคนบ่นต่อว่าชีวิตตัวเองหรือไม่ เช่น เกิดมาจน ครอบครัวต่ำต้อย คนรอบข้างไม่รัก เตี้ยเกินไป ตัวไม่ขาว ฯลฯ สภาพความคิดความรู้สึกของผู้นั้นเป็นอย่างไร 

2) คิดว่าความคิดแง่ลบต่อชีวิตตัวเองเป็นประโยชน์หรือเป็นโทษมากกว่า

อ่านพระธรรมโยบบทที่ 9

ควรทำอย่างไรแทนการโทษชีวิต :

1. โยบยอมรับว่าพระเจ้าพิพากษาถูกต้อง

โยบ.9:2 "จริงทีเดียว ข้าทราบว่าเป็นอย่างนั้น แต่คนเราจะชอบธรรมจำเพาะพระพักตร์พระเจ้าได้อย่างไร

บิลดัดเพื่อนโยบมั่นใจว่าการนี้มาจากพระเจ้าและทรงพิพากษาถูกต้อง โยบยอมรับว่าเป็นเช่นนั้น ไม่มีใครสามารถโต้แย้งและทำไม่ได้ถ้าอยากทำ เพราะสติปัญญาพระองค์เกินกว่ามนุษย์จะเข้าใจ และทรงฤทธานุภาพไม่มีใครเอาชนะได้ ดังนั้น แม้ตัวเขาคิดไม่ออกว่าทำผิดบาปตรงไหนแต่ยอมรับว่าพระเจ้าเป็นฝ่ายถูก

โยบ.9:3-14

โยบ.9:4-8

4 พระองค์ฉลาดอยู่ในพระทัย และพระกำลังก็แข็งแรงผู้ใดเคยได้แข็งต่อพระองค์และชนะได้เล่า

5 พระองค์ผู้ทรงเคลื่อนภูเขา และภูเขาทั้งหลายก็ไม่รู้ เมื่อพระองค์ทรงคว่ำมันเสียด้วยพระพิโรธของพระองค์

6 ผู้ทรงสั่นแผ่นดินโลกให้ออกจากที่ของมัน และเสาของมันก็สั่นสะเทือน

7 ผู้ทรงบัญชาดวงอาทิตย์ และมันไม่ขึ้น ผู้ทรงผนึกเก็บบรรดาดวงดาวไว้

8 ผู้ทรงขึงฟ้าสวรรค์ออกแต่พระองค์เดียว และทรงย่ำคลื่นของทะเล

1.1 การพิพากษาอยู่เหนือสติปัญญาของมนุษย์

มนุษย์ทุกคนต่างถูกหล่อหลอมด้วยทัศนคติ มุมมองจากสังคมรอบตัว บางคนอาจคิดว่าต้องหาความสุขใส่ตัวให้มากสุดแม้ต้องทำร้ายเบียดเบียนคนอื่น บางคนคิดว่าใครดีใครอยู่ แพ้เป็นทาสชนะเป็นนาย ฯลฯ มักคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก สมควรแล้วที่ตนได้รับแต่สิ่งดีๆ

  ในมุมมองคริสเตียนให้ความสำคัญกับพระเจ้าผู้ควบคุมทุกสิ่ง ให้ความสำคัญกับโลกหน้าที่อยู่กับพระเจ้า มนุษย์คิดเอาเองว่าตนถูกแต่พระองค์ชี้ว่าเขาบาป 

โยบ.9:4-20 ถึงแม้ข้าชอบธรรม ปากของข้าจะกล่าวโทษข้าแม้ว่าข้าจะดีรอบคอบ พระองค์จะพิสูจน์ว่าข้าบกพร่อง

Even if I were innocent, my mouth would condemn me; if I were blameless, it would pronounce me guilty.

คำว่าคนดีรอบคอบ (the blameless) ในตอนนี้ที่หมายถึงดีสมบูรณ์แบบตามมาตรฐานมนุษย์ แต่เป็นคนบาปในสายพระเนตรพระเจ้า เมื่อทำบาปก็ต้องรับผลแห่งบาป ต้องรับความทุกข์ยาก

ในสายพระเนตรพระเจ้าทุกคนบาป ไม่ว่าเขาจะตีความเอาเองว่าเป็น “คนดีรอบคอบ” หรือ “คนอธรรม”

โยบ.9:4-22 ก็เหมือนกันหมด เพราะฉะนั้นข้าจึงว่า พระองค์ทรงทำลายทั้งคนดีรอบคอบและคนอธรรม

It is all the same; that is why I say, ‘He destroys both the blameless and the wicked.’

สดด.147:5 องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราใหญ่ยิ่งและทรงฤทธานุภาพอุดม ความเข้าใจของพระองค์นั้นวัดไม่ได้

Great is our Lord and mighty in power; his understanding has no limit.

2. ทรงสิทธิอำนาจสูงสุด

ไม่มีผู้ใดสามารถห้ามพระองค์ ทรงไม่อยู่ใต้อำนาจใคร

พระเจ้าคือองค์ผู้สูงสุด พระเจ้าเที่ยงแท้เพียงหนึ่งเดียว ไม่มีใครเหนือพระองค์อีก สรรพสิ่งล้วนอยู่ใต้อำนาจพระองค์ ดังนั้นเมื่อพระเจ้าให้โยบประสบเหตุร้ายจึงไม่มีใครห้ามได้

โยบ.9:13 ดูเถิด พระองค์ทรงฉวยไป ใครจะห้ามพระองค์ได้ใครจะทูลพระองค์ว่า "พระองค์ทรงกระทำอะไรนั่น"

โยบ.9:19 ถ้าเป็นการประลองกำลัง ก็ดูพระองค์ซิ ถ้าเป็นเรื่องการพิพากษา ใครจะนัดฟ้องพระองค์ได้

If it is a matter of strength, he is mighty! And if it is a matter of justice, who can challenge him?

3. สิ่งที่ควรทำคืออธิษฐานร้องขอความเมตตา

โยบคิดไม่ออกว่าทำผิดบาปตรงไหนและยอมรับว่าพระเจ้าเป็นฝ่ายถูก ไม่สามารถโต้แย้งพระองค์ (ทรงสิทธิอำนาจสูงสุด) สิ่งที่มนุษย์ควรทำคืออธิษฐานร้องขอความเมตตา (เช่น อธิษฐานขอความช่วยเหลือ อธิษฐานขอให้พ้นภัยอัตราย) 

หลักสำคัญตรงนี้คือเท่ากับยอมรับว่าพระองค์คือพระเจ้า ยอมรับว่าทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้นั่นเอง ยอมรับการทรงนำและแผนการพระเจ้าที่มีต่อชีวิตตน 

การอธิษฐานเป็นตัวอย่างชี้ว่าเชื่อพระเจ้าและพยามยามติดสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ ตลอดพระธรรมโยบเต็มด้วยคำที่โยบพูดหรืออยากพูดกับพระองค์

โยบ.9:14-15

14 แล้วข้าจะตอบพระองค์ได้อย่างไร จะเลือกถ้อยคำอะไรมาโต้ตอบพระองค์

“How then can I dispute with him? How can I find words to argue with him?

15 แม้ว่าข้าไร้ผิด ข้าก็ตอบพระองค์ไม่ได้ ข้าจะต้องขอพระกรุณาต่อโจทก์ของข้า

Though I were innocent, I could not answer him; I could only plead with my Judge for mercy.

4. เตือนใจว่าชีวิตคนเราสั้น เวลาผ่านไปเร็วมาก 

คนเราเวลาปกติมักสาละวนกับการเรื่องชีวิตประจำวัน นักศึกษาต้องไปเรียน ทำการบ้าน เตรียมสอบ คนทำงานวุ่นวายอยู่กับหน้าที่การงาน ทุ่มเทและยุ่งอยู่กับงาน พ่อแม่ห่วงลูกตลอดเวลา ไม่ค่อยคิดว่าชีวิตอาจประสบเหตุร้าย ไม่ใส่ใจว่าเวลาผ่านไปเร็ว ยิ่งเมื่อผ่านไปนานๆ แล้วมองหันกลับมาจะยิ่งเห็นว่าชีวิตผ่านไปเร็วมาก

โยบก็เป็นเช่นนั้น เตือนใจว่าอนาคตไม่แน่นอน จากที่เคยมั่งคั่งมีสุขแล้ววันหนึ่งก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง 

โยบ.9:25-26

25 "วันทั้งหลายของข้าพระองค์เร็วกว่านักวิ่ง มันพ้นไป มันไม่เห็นสิ่งดีอะไร

26 มันผ่านไปอย่างกับเรือเร็ว ดังนกอินทรีโฉบลงบนเหยื่อ

ข้อแนะนำเพิ่มเติม :

1. ลืมอดีต มุ่งปัจจุบัน มองอนาคต

แทนที่จะคิดวกไปวนมาในเรื่องที่ผ่านไปแล้วและสร้างความทุกข์ใจ สารพัดความคิดแง่ลบ พระเจ้าสอนให้จดจ่อที่อนาคต เป้าหมายอนาคต และพยามยามทำวันนี้ให้ดีที่สุด

ไม่ว่าวันนี้ท่านเป็นอย่างไร เผชิญอะไร จงจดจ่อที่อนาคตและทำวันนี้ให้ดีที่สุด หวังรับรางวัลจากพระเจ้า

ฟป.3:12-14

12 มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้แล้ว หรือสำเร็จแล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไป เพื่อข้าพเจ้าจะได้ฉวยเอาไว้เป็นของตน อย่างที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้เป็นของพระองค์แล้ว

13 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า

14 ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ

2. จดจ่อที่นิมิตการทรงเรียก

สำหรับคริสเตียน คำว่าอนาคตต้องสัมพันธ์กับนิมิตการทรงเรียก

2.1 สุดท้ายต้องเผชิญหน้าความตายและตายอยู่ดี

ไม่ว่าจะมีอายุยืน 80 หรือ 120 ปีสุดท้ายต้องเผชิญหน้าความตายและตายอยู่ดี โลกเป็นแค่บ้านชั่วคราว ข้อสำคัญคือก่อนจากโลกไปจะพูดคำว่า “สำเร็จแล้ว” ได้หรือไม่

อาจมีแรงผลักดันหลายอย่างให้คริสเตียนติดตามพระเจ้ารับใช้พระองค์ คริสเตียนไม่สมบูรณ์ แต่แรงผลักดันสูงสุดต้องไม่ใช่ความตื่นเต้นจากการพบเห็นอัศจรรย์ ไม่ใช่พระพรที่ได้รับ พวกที่หวังแต่ความตื่นเต้นอาจเป็นการติดตามพระเจ้าแบบฉาบฉวย บางคนที่หวังพระพรฝ่ายโลกไม่ต่างจากคนทั่วไปที่อยากได้สิ่งต่างๆ มาบำรุงบำเรอความต้องการของเนื้อหนัง พระเจ้าของพวกเขาคือความสุขของเนื้อหนัง

การทุ่มเทรับใช้พระเจ้า พยายามเป็นคนชอบธรรมเป็นสิ่งดี แต่อาจไม่ได้ดำเนินตามนิมิตการทรงเรียกและได้รางวัลน้อย

อธิบายขยายความ : นาย ก เป็นชาวเขาในพื้นที่ห่างไกล พระเจ้าต้องการให้นาย ก ประกาศสั่ง

สอนในพื้นที่นี้ แต่นาย ก ดิ้นรนเข้าเมืองใหญ่ ประกาศสั่งสอนแก่คนจำนวนมาก คิดว่าเขาตั้งใจทำงานพระเจ้า กำลังรับใช้เกิดผล แต่สำหรับพระเจ้านาย ก ไม่ได้ทำตามนิมิตการทรงเรียก 

พระเจ้าสร้างมนุษย์แต่ละคนอย่างเจาะจง สร้างอาดัมกับเอวาอย่างมีเป้าหมายเฉพาะ คริสเตียนแต่ละคนต้องรู้ว่าพระเจ้าสร้างท่านมาเพื่ออะไร รู้นิมิตที่มาจากพระเจ้าและดำเนินชีวิตเพื่อนิมิตนั้น ผู้ที่ดำเนินชีวิตตามนิมิตจะเกิดผลสูงสุดเพราะพระเจ้ารับรอง พระเยซูเป็นตัวอย่างที่ทำทุกอย่างตามพระประสงค์พระเจ้าและพระองค์บอกว่า “สำเร็จแล้ว” และทรงก้มพระเศียรลงสิ้นพระชนม์ (ยน.19:28-30)

คริสเตียนจดจ่อที่นิมิตการทรงเรียก

2.2 การทรงเรียกเฉพาะบุคคลจากพระเจ้า

แรงผลักดันสูงสุดของผู้เชื่อคือปฐมบัญชากับมหาบัญชาด้วยความเชื่อและรักพระองค์ พูดให้เจาะจงกว่านี้คือนิมิต (ในความหมายเป้าหมาย) การทรงเรียกเฉพาะบุคคลจากพระเจ้า

สภษ.16:4 พระเจ้าทรงกระทำให้ทุกสิ่งมีเป้าหมายของมันแม้คนชั่วร้ายก็เพื่อวันลำเค็ญ

The LORD works out everything to its proper end— even the wicked for a day of disaster.

สำหรับผู้เชื่อ นิมิตคือเหตุผลของการทรงสร้าง เป้าหมายของการมีชีวิตอยู่ (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเคลื่อนไหวนำพาและรับรองการทรงเรียกนั้น

จงสำรวจตัวเอง วันนี้ท่านทำสิ่งต่างๆ มากมายเพื่อใครหรือเพื่ออะไรกันแน่ ... 

2.2.1 ตัวอย่าง โยนาห์ 

โยนาห์พยายามหนีการทรงเรียก พระองค์มีวิธีการทำให้การทรงเรียกสำเร็จ 

ยนา 1:1-4

1 พระวจนะของพระเจ้ามาถึงโยนาห์ บุตรอามิททัยว่า

2 "จงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และร้องกล่าวโทษชาวเมืองนั้น เหตุความชั่วของเขาทั้งหลายได้ขึ้นมาถึงเราแล้ว"

3 แต่โยนาห์ได้ลุกขึ้นหนีไปยังเมืองทารชิชจากพระพักตร์พระเจ้า ท่านได้ลงไปยังเมืองยัฟฟา และพบกำปั่นลำหนึ่งกำลังไปเมืองทารชิช ดังนั้นท่านจึงชำระค่าโดยสาร และขึ้นเรือเดินทางร่วมกับเขาทั้งหลายไปยังเมืองทารชิช ให้พ้นจากพระพักตร์พระเจ้า

4 แต่พระเจ้าทรงขับกระแสลมใหญ่ขึ้นเหนือทะเล จึงเกิดพายุใหญ่ในทะเลนั้น จนน่ากลัวกำปั่นจะอับปาง

อธิบายขยายความ : คริสเตียนบางคนเหมือนโยนาห์ที่เขาไม่สมบูรณ์ ยังอยู่ในกระบวนการเติบโตฝ่ายวิญญาณ พระเจ้านำแต่ละคนอย่างเจาะจง (คนของพระเจ้าเป็นเช่นนี้ทุกคน) ขอเพียงโยนาห์เชื่อติดตามพระองค์นิมิตการทรงเรียกจะสำเร็จ อันที่จริงแล้วระหว่างทางคือกระบวนการเติบโต

ผู้เชื่อทำเต็มที่สุดกำลังแต่สำเร็จโดยพระเจ้า

“นิมิตการทรงเรียกจะเป็นตัวกำหนดเส้นทางชีวิต เส้นทางที่มีพระองค์ดำเนินไปด้วยตลอดทางจนสู่นิรันดร”

สดด.23:3-4, 6 “พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปในทางชอบธรรม”

3 ทรงฟื้นจิตวิญญาณของข้าพเจ้า พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปในทางชอบธรรม เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์

4 แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์ คทาและธารพระกรของพระองค์เล้าโลมข้าพระองค์

6 แน่ทีเดียวที่ความดีและความรักมั่นคงจะติดตามข้าพเจ้าไป ตลอดวันคืนชีวิตของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าสืบไปเป็นนิตย์

นิมิตการทรงเรียกคือความชอบธรรม และมีความเฉพาะเจาะจง

2.2.2 ตัวอย่าง พระเยซู

พระเยซูเสด็จมาเกิดเป็นมนุษย์บนโลก ปฏิบัติพระราชกิจไม่กี่ปี และไปที่กางเกงเพื่อไถ่บาปตามแผนการพระเจ้า พระองค์ตรัสว่า "สำเร็จแล้ว" และทรงก้มพระเศียรลงสิ้นพระชนม์ (ยน.19:28-30)

จะเห็นว่าพระเยซูไม่ได้ทำทุกสิ่ง พระองค์ไม่ได้เดินทางทั่วโลกเพื่อประกาศข่าวประเสริฐ แต่ได้ทำทุกอย่างตามแผนพระบิดา (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

ยน.4:34 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "อาหารของเราคือการกระทำตามพระทัยของพระองค์ ผู้ทรงใช้เรามา และทำให้งานของพระองค์สำเร็จ

ยน.5:30 "เราจะทำสิ่งใดตามอำเภอใจไม่ได้ เราได้ยินอย่างไรเราก็พิพากษาอย่างนั้น และการพิพากษาของเราก็ยุติธรรม เพราะเรามิได้มุ่งที่จะทำตามใจของเราเอง แต่ตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา

3. ประโชน์ของการทำตามนิมิตการทรงเรียก

3.1 คนมีนิมิตจะเป็นคนที่มีพลัง

เพราะ “นิมิตมาจากพระเจ้า พระองค์กระทำให้สำเร็จตามน้ำพระทัย” (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น) คนมีนิมิตจึงเป็นคนที่มีพลัง พระองค์สนับสนุนเขา

ถ้ายังไม่ทราบนิมิตการทรงเรียกหรือยังไม่แน่ใจควรตั้งใจแสวงหาพระเจ้าต่อไป พระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำพาชีวิตจนเข้าใกล้นิมิตมากที่สุด (ตอนแรกอาจห่างแต่จะตรงเป้ามากขึ้นๆ จนใกล้ที่สุด)

แท้จริงแล้วชีวิตคริสเตียนขอการทรงนำต่อเนื่อง

อาจแบ่งนิมิตเป็น 3 ระดับ คือ นิมิตพระเจ้า (มหาบัญชากับปฐมบัญชา) นิมิตคริสตจักร และนิมิตการทรงเรียกที่เจาะจงกับตัวเอง จะสอดคล้องสนับสนุนทั้ง 3 ระดับตามแผนการณ์พระเจ้า

3.2 คนมีนิมิตจะเป็นจะอิ่มเอมใจมีสันติสุข 

สันติสุขขั้นสูงสุดจะเกิดเมื่อผู้เชื่อดำเนินชีวิตตามการทรงเรียกที่เจาะจงต่อเขา เพราะพระเจ้าสร้างแต่ละคนอย่างเจาะจง มีเป้าหมายเจาะจง ปฐมบัญชากับมหาบัญชาเป็นนิมิตกรอบกว้างแต่ไม่ระบุการทรงเรียกเจาะจง

เป็นสันติสุขที่พระเยซูประทานให้โดยตรง

ยน.14:27 เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย

ผู้ไม่ทำตามนิมิตการทรงเรียกส่วนตัวจะรู้สึกว่าชีวิตขาดบางสิ่งบางอย่างอยู่เสมอ แม้ทุ่มเทรับใช้ก็ยังรู้สึกขาด เพราะพระวิญญาณกำลังเร้าใจให้แสวงหาและทำตามการทรงเรียก (พระเจ้ากำลังนำให้เข้าเป้ามากสุด เกิดความขัดแย้งระหว่างเนื้อหนังกับพระวิญญาณ)

3.3 รางวัลนิรันดร์

ฟป.3:14 ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ

I press on toward the goal to win the prize for which God has called me heavenward in Christ Jesus.

ไม่เป็นคริสเตียนที่ชกลม “เรากระทำเพื่อจะได้มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย”

1 คร.9:24-26

24 ท่านไม่รู้หรือว่าคนเหล่านั้นที่วิ่งแข่งกันก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รับรางวัลมีคนเดียว เหตุฉะนั้นจงวิ่งเพื่อชิงรางวัลให้ได้

25 ฝ่ายนักกีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบ เขากระทำอย่างนั้นเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ซึ่งร่วงโรยได้ แต่เรากระทำเพื่อจะได้มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย

26 ส่วนข้าพเจ้าวิ่งแข่งโดยมีเป้าหมาย ข้าพเจ้ามิได้ต่อสู้อย่างนักมวยที่ชกลม

อย่าเป็นคริสเตียนที่แค่ดูดี (อย่าดำเนินชีวิตแค่ให้รายงานมนุษย์ได้ ไม่ถูกตำหนิ หวังเพียงช่วยกลบเกลื่อนใจฟ้องผิด) ไม่มีใครสมบูรณ์ พระเจ้าดูที่ท่าทีความตั้งใจ

คำถามหลังคำสอน :

1) จากบทเรียนตอนนี้ พระเจ้าสอนให้มีมุมองต่อชีวิตอย่างไร

2) จงสำรวจตัวเอง วันนี้ท่านทำสิ่งต่างๆ มากมายเพื่อใครหรือเพื่ออะไรกันแน่ ...

------------------


11/04/2566

บทเรียน 1 ควรทำอย่างไรหากต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่

ควรทำอย่างไรหากประสบเหตุต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ พระเจ้ามีคำตอบ สามารถกอบกู้ฟื้นฟู แม้เริ่มต้นจะเล็กน้อย ตอนปลายจะยิ่งใหญ่มาก

หากวันหนึ่งพบว่าต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลธุรกิจล้มเหลว ปัญหาครอบครัว สอบตกซ้ำชั้น เริ่มอาชีพใหม่ บาดเจ็บพิการ ฯลฯ 

คำแนะนำสั้นๆ ของบิลดัดตระกูลชูอาห์ง่ายและมีประโยชน์มากหากต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ ดังนี้

อ่านโยบ.8:3-7

คำถามก่อนเรียน :

1) ท่านเคยพบคนที่ต้องเริ่มชีวิตใหม่หลังประสบเกตุการณ์ร้ายแรงหรือไม่ อย่างไร พวกเขาตอบสนองอย่างไร

2) คิดว่าบิลดัดแนะนำอย่างไร

บริบท : 

โยบพยายามดำเนินชีวิตในความชอบธรรมยำเกรงพระเจ้า พระองค์อวยพรอย่างมากมาย 

โยบ.1:1-3

1 มีชายคนหนึ่งในแผ่นดินอูส ชื่อโยบ ชายคนนั้นเป็นคนดีรอบคอบและเที่ยงธรรม เป็นผู้เกรงกลัวพระเจ้าและหันเสียจากความชั่วร้าย

2 ท่านมีบุตรชายเจ็ดคนและบุตรหญิงสามคน

3 ส่วนสัตว์เลี้ยงของท่าน มีแกะเจ็ดพันตัว อูฐสามพันตัว วัวห้าร้อยคู่ และลาตัวเมียห้าร้อยตัว และท่านมีคนใช้มากมาย ดังนั้นชายผู้นี้จึงใหญ่โตที่สุดในบรรดาชาวตะวันออก

ซาตานพูดกับพระเจ้าว่าที่โยบยำเกรงพระเจ้าเพราะหวังและได้รับการอวยพร พระองค์จึงอนุญาตให้ซาตานกระทำการต่างๆ นานาเพื่อทดสอบโยบว่ายำเกรงพระเจ้าหรือแค่หวังพระพร

โยบ.1:9-12

9 แล้วซาตานทูลตอบพระเจ้าว่า "โยบยำเกรงพระเจ้าเปล่าๆหรือ

10 พระองค์มิได้ทรงกั้นรั้วรอบตัวเขา และครัวเรือนของเขา และทุกสิ่งที่เขามีอยู่เสียทุกด้านหรือ พระองค์ได้ทรงอำนวยพระพรงานน้ำมือของเขา และฝูงสัตว์ของเขาได้ทวีขึ้นในแผ่นดิน

11 แต่ขอยื่นพระหัตถ์เถิด และแตะต้องสิ่งของทั้งสิ้นที่เขามีอยู่ และเขาจะแช่งพระองค์ต่อพระพักตร์พระองค์"

12 และพระเจ้าตรัสกับซาตานว่า "ดูเถิด บรรดาสิ่งที่เขามีอยู่ก็อยู่ในอำนาจของเจ้า เพียงแต่อย่ายื่นมือแตะต้องตัวเขาเท่านั้น" ซาตานจึงออกไปจากพระพักตร์ของพระเจ้า

ในเวลาสั้นๆ เขาสูญเสียทุกอย่างที่มี

สรุป เหตุที่โยบสูญเสียทุกอย่างเพราะพระเจ้าอนุญาตให้ซาตานลงมือจัดการโยบ

บิลดัดตระกูลชูอาห์มาเยี่ยมและแนะนำ ดังนี้

คำแนะนำของบิลดัดตระกูลชูอาห์ :

1. มั่นใจว่าพิพากษาถูกต้อง เพราะทรงยุติธรรม

ย้ำพระเจ้าพิพากษาถูกต้อง เพราะทรงยุติธรรม

โยบ.8:3 พระเจ้าทรงผันแปรความยุติธรรมหรือ หรือ องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ผันแปรความชอบธรรมหรือ

Does God pervert justice? Does the Almighty pervert what is right?

คริสเตียนเชื่อว่าพระเจ้าควบคุมทุกสิ่ง ตั้งแต่ที่เขาเกิด เหตุผลเป้าหมายการมีชีวิต จนถึงกำหนดวันตาย การเสียชีวิต คริสเตียนที่ฝากชีวิตไว้กับพระองค์จึงวางใจและดำเนินตามนิมิตการทรงเรียกไม่ว่าวันนั้นเป็นวันใด ต้องเผชิญสิ่งใดและเป็นเช่นนี้จนสิ้นลมหายใจ

ยรม.1:4-5

4 พระวจนะของพระเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

5 "เราได้รู้จักเจ้า ก่อนที่เราได้ก่อร่างตัวเจ้าที่ในครรภ์ และก่อนที่เจ้าคลอดจากครรภ์เราก็ได้กำหนดตัวเจ้าไว้ เราได้แต่งตั้งเจ้าเป็นผู้เผยพระวจนะให้แก่บรรดาประชาชาติ"

1.1 รากศัพท์คำว่า “พระเจ้า” กับ "องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์"

1.1.1 รากศัพท์คำว่า “พระเจ้า”

รากศัพท์คำว่า “พระเจ้า” ในข้อนี้คือ אֵל (อ่านว่า ale) มีความหมายว่า พระเจ้าหรือพระเจ้าในรูปพหูพจน์ (God, in pl. gods)

พบใช้ในหมวดเบญจบรรณหลายที่ เช่น

ปฐก.14:18 เมลคีเซเดคผู้เป็นทั้งกษัตริย์เมืองซาเลม และปุโรหิตของพระเจ้าผู้สูงสุด ก็นำขนมปังกับเหล้าองุ่นมาให้

ปฐก.35:11 พระเจ้าตรัสแก่เขาว่า "เราเป็นพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เจ้าจงเกิดผู้คนทวีมากขึ้น ประชาชาติหนึ่งและหลายประพระเจ้าทรงเป็นผู้พิทักษ์ ผู้ออกรบแทนข้าพเจ้าพระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้ข้าพเจ้ารอด อพย.15:2 พระองค์นี่แหละเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ ทรงเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะยกย่องสรรเสริญพระองค์ชาชาติจะเกิดมาจากเจ้า กษัตริย์หลายองค์จะออกมาจากเจ้า

“The LORD is my strength and my defense; he has become my salvation. He is my God, and I will praise him, my father’s God, and I will exalt him.

รากศัพท์คำว่า “พระเจ้า” (จากประโยค He is my God) ในข้อนี้คือ אֵל (อ่านว่า ale)

1.1.2 รากศัพท์คำว่า “องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์”

รากศัพท์คำว่า “องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์” ในข้อนี้คือ שַׁדַּי (อ่านว่า shad-dah'-ee) สรุปความหมายว่า ผู้ทรงอํานาจ (Almighty)

พบใช้ในหลายที่ เช่น

ปฐก.17:1 เมื่ออายุอับรามได้เก้าสิบเก้าปี พระเจ้าทรงปรากฏแก่อับรามและตรัสแก่ท่านว่า "เราเป็นพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ จงดำเนินอยู่ต่อหน้าเราและเป็นคนดีพร้อม

อพย.6:3 เราปรากฏแก่อับราฮัม แก่อิสอัค และแก่ยาโคบด้วยนามว่าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ แต่เรามิได้สำแดงให้เขารู้จักเราในนามพระเยโฮวาห์

กดว.24:4 คำพยากรณ์ของผู้ที่ได้ยินพระวจนะของพระเจ้าผู้เห็นนิมิตขององค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ได้ล้มลง แต่ตาไม่มีสิ่งใดบัง

นรธ.1:21 เมื่อฉันจากเมืองนี้ไป ฉันมีทุกอย่างครบบริบูรณ์ พระเจ้าทรงพาฉันกลับมาตัวเปล่า เมื่อพระเจ้าทรงให้ฉันทุกข์ใจดังนี้ และองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ให้ฉันต้องประสบเหตุร้ายเช่นนี้ จะเรียกฉันว่านาโอมีทำไมเล่า"

2. คำแนะนำบิลดัดที่มอบให้โยบ

โยบ.8:5-7

5 ถ้าท่านจะหมั่นแสวงหาพระเจ้า และวิงวอนต่อองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

But if you will seek God earnestly and plead with the Almighty,

6 ถ้าท่านบริสุทธิ์และเที่ยงธรรม แน่ละ แล้วพระองค์จะทรงตื่นขึ้นเพื่อท่าน และทรงคืนที่อาศัยแห่งความชอบธรรมให้

7  ถึงแม้การเริ่มต้นชีวิตของท่านจะเล็กน้อย แต่ต่อไปปลายๆจะใหญ่โตมากยิ่ง

2.1 แสวงหาพระเจ้า

2.2 อธิษฐานวิงวอน

2.3 ดำเนินชีวิตบริสุทธิ์และเที่ยงธรรม

ผลคือ พระองค์จะกอบกู้ฟื้นฟู แม้เริ่มต้นจะเล็กน้อย ตอนปลายจะยิ่งใหญ่มาก

สิ่งที่เกินกำลังมนุษย์ ไม่เกินกำลัง “พระเจ้า” เป็นเวลาขององค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เป็นโอกาสผู้เชื่อใกล้ชิดพระองค์ยิ่งกว่าเดิม 


คำถามหลังคำสอน :

1) คำแนะนำของบิลดัดทำง่ายหรือยาก ต้องพัฒนาด้านใด

2) อธิษฐานเผื่อคนที่ท่านรู้จักหรือตัวท่านเอง ขอให้พระวจนะข้อนี้เป็นจริงในชีวิตของข้าพระองค์ เอเมน

--------------------------


บทเรียนไบเบิล

“บันทึกไบเบิล” (Bible Note) ไม่ใช่ตำรา เป็นการศึกษาพระคัมภีร์ในเชิงศาสนศาสตร์ ตามความรู้ความเข้าใจและการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้อ่านแต่ละคนอาจมีความเข้าใจที่แตกต่างออกไป

เป้าหมาย: ช่วยให้เข้าใจศาสนศาสตร์ หลักข้อเชื่อสำคัญอย่างลึกซึ้ง ตรงประเด็น สามารถต่อยอด และนำไปประยุกต์ใช้

    ข้อแนะนำ: 

    1. อ่านและพยายามทำความเข้าใจพระวจนะตอนนั้นๆ ด้วยตัวเองก่อน 
    2. บันทึกส่วนที่สำคัญหรืออะไรก็ตามที่อยากจดบันทึกไว้ อาจเป็นคำถามหรือความเข้าใจบางอย่าง
    3. อธิษฐานกับพระเจ้าขณะศึกษา 
    4. ใช้เนื้อหาบทเรียนนี้เป็นตัวอย่างคำอธิบายประกอบความเข้าใจส่วนตัว
    5. สามารถใช้เครื่องมือศึกษาพระคัมภีร์อื่นๆ
    6. ให้จดข้อสรุป ความเข้าใจสำคัญๆ ในแต่ละตอน

สามารถเลือกอ่านบทที่ต้องการ โดยไม่ต้องอ่านตั้งแต่บทที่ 1 



บทเรียน 18

พระเจ้าผู้สร้างและควบคุมสรรพสิ่ง

พระองค์กำกับควบคุมสรรพสิ่งแม้กระทั่งชีวิตของทุกคน การยอมรับพระเจ้า เชื่อวางใจพระองค์จึงสำคัญมาก โยบและผู้เชื่อศรัทธาทั้งหลายต้องยึดความจริงนี้ให้มั่น ไม่สงสัย

https://www.positive4thailand.com/2025/05/Lesson-18-elohim.html.html

บทเรียน 17 

พระเยโฮวาห์ผู้ดำรงอยู่นิรันดร์

นามพระเจ้าบ่งบอกว่าทรงดำรงอยู่นิรันดร์ เป็นจุดเริ่มของสรรพสิ่ง ทรงยิ่งใหญ่สูงสุด ถ้าปราศจากพระองค์จะไร้ซึ่งสรรพสิ่ง การดำรงอยู่ของพระองค์กับสรรพสิ่งเป็นของคู่กัน

บทเรียน 16

พระเจ้ายิ่งใหญ่เหนือสรรพสิ่ง

จงรู้เถิดว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่เหนือสรรพสิ่ง ทรงกำกับควบคุมโลกตลอดเวลา ควบคุมชีวิตทุกคน จงยำเกรงพระเจ้า

https://www.positive4thailand.com/2025/02/Lesson-16-GOD-is-great.html

บทเรียน 15

พระเจ้าผู้ทรงพิพากษา

พระเจ้ายุติธรรม ทุกคนได้รับผลจากสิ่งที่ทำและพระองค์พร้อมเข้าช่วยเหลือผู้ร้องทูล พระเจ้าผู้พิพากษากับความยุติธรรมเป็นเรื่องเดียวกัน 

https://www.positive4thailand.com/2024/10/Lesson-15-God-will-judge.html

บทเรียน 14

มนุษย์ที่ขาดพระเจ้าเป็นอย่างไร

โยบบทที่ 35 อธิบายลักษณะมนุษย์กับผู้เชื่อที่ขาดพระเจ้า คนที่ขาดหรือห่างไกลพระองค์ต้องรับผลอย่างไร ย้ำเตือนผลของบาป

https://www.positive4thailand.com/2024/06/Lesson-14-you-do-not-see-him.html

บทเรียน 13 

ผู้เชื่อผู้มีปัญญาของพระเจ้าจากโยบบทที่ 34

มนุษย์เห็นคุณค่าของปัญญา หลายคนทุ่มเทแสวงหาความรู้สติปัญญา โยบบทที่ 34 สอนหลักการอย่างไรจึงเรียกว่าผู้เชื่อผู้มีปัญญาของพระเจ้า

บทเรียน 12

คนในสมัยพระคัมภีร์เดิมได้รับความรอดผ่านความเชื่อ

คนในสมัยพระคัมภีร์เดิมได้รับความรอดผ่านความเชื่อ คือเชื่อว่าพระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้า แสดงออกด้วยการดำเนินชีวิตตามธรรมบัญญัติ เป็นเครื่องแสดงว่าเขาเชื่อพระเจ้า พยายามทำตามคำสั่งคำสอน

https://www.positive4thailand.com/2023/11/Lesson-12-Through-Faith.html

บทเรียน 11 

หลักความสำเร็จของผู้เชื่อจากสภษ.16:1-3

ทุกคนต้องการความสำเร็จ แต่ความสำเร็จที่ว่าคือการทำบาปหรือทำตามน้ำพระทัย พระเจ้าให้หลักการว่า จงติดสนิทดำเนินไปกับพระเจ้าตลอดเวลา

บทเรียน 10

ผู้เชื่อที่นับถือศาสนาคริสต์กับคริสเตียนที่รู้จักผูกพันพระคริสต์

พระเยซูจึงกล่าวโทษพวกเขาว่า “พระบิดาของเราก็ดี ท่านทั้งหลายไม่รู้จัก” และสอนว่า “จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน”

https://www.positive4thailand.com/2025/01/Religion-Christianity.html

บทเรียน 9

การสร้างมนุษย์และการช่วยกู้ของพระเจ้าจากโยบ.33

มนุษย์เกิดมาทำไม ควรทำอย่างไร อย่างไรเรียกว่าชีวิตที่ดีมีสันติสุข คำตอบมีอยู่ในพระเจ้า พระธรรมโยบ บทที่ 33 ได้ให้คำตอบแล้ว

https://www.positive4thailand.com/2024/02/Lesson-9-JOB-33.html

บทเรียน 8

วิถีรักษาความบริสุทธิ์ชอบธรรมจากโยบ 31

โยบ.1:8 และพระเจ้าตรัสกับซาตานว่า "เจ้าได้ไตร่ตรองดูโยบผู้รับใช้ของเราหรือไม่ ว่าในแผ่นดินโลกไม่มีใครเหมือนเขา เป็นคนดีรอบคอบและเที่ยงธรรม เกรงกลัวพระเจ้าและหันเสียจากความชั่วร้าย"

https://www.positive4thailand.com/2023/10/How-to-Maintain-Righteousness.html

บทเรียน 7

แบบอย่างชีวิตเกลือและแสงสว่างของโยบ

ยิ่งอากาเป้ตัวเองจะยิ่งอากาเป้ผู้อื่น และยิ่งสำแดง “ชีวิตแห่งเกลือและแสงสว่าง” โยบเป็นแบบอย่าง พระเจ้าใช้ท่านอย่างมาก

https://www.positive4thailand.com/2023/07/Lesson-7-salt-and-light-of-Job.html

บทเรียน 6

ทำไมความยำเกรงพระเจ้าคือพระปัญญา

ความยำเกรงพระเจ้าเป็นพระปัญญาที่จะนำผู้ที่พระองค์เลือกสรรให้ได้รับความรอด รับการทรงนำตลอดชีวิตของเขา เป็นตัวแทนพระองค์ในโลกนี้

https://www.positive4thailand.com/2023/06/Lesson-6-Why-fear-of-God-is-wisdom.html

บทเรียน 5

ความสุขของคนอธรรมสั้นไม่ยั่งยืน

พระเยซูพร้อมช่วยคนบาป :

            ไม่ว่าจะทำบาปมากหรือน้อย ทุกคนล้วนเป็นคนบาป ไม่สามารถหนีพ้นผลของบาป มีแต่พระเยซูคริสต์เท่านั้นที่ช่วยได้

            ไม่ว่าวันนี้ท่านจะทุกข์เพียงไร ซึมเศร้า อยากร้องไห้ พระองค์ยินดีซับน้ำตาให้เสมอ

            หากตรอมใจ ความรักถูกทรยศ โดนทอดทิ้งซ้ำซาก จงรู้เถิดว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าแห่งความรัก

            หากคนอื่นชี้หน้าว่าท่านต่ำต้อย ไร้ค่า ไม่คู่ควรสิ่งดี พระเยซูผู้นี้ได้ตายที่ไม้กางเขนเพื่อท่านแล้ว

            หากอ้างว้าง ชีวิตเหมือนขาดบางอย่างที่สำคัญ พระเยซูจะช่วยเติมเต็ม ทำให้ชีวิตครบบริบูรณ์

            หากท่านหมดจนหนทาง ไม่มีที่ไป ไม่รู้จะไปทางใด จงมาหาพระเยซูผู้จะนำทางท่านตลอดไป

            จงมาหาพระองค์ที่คริสตจักรเถิด แล้วท่านจะได้ชีวิตใหม่ในฐานะบุตรพระเจ้าผู้สูงสุด

https://www.positive4thailand.com/2023/05/Lesson-5-evil-man-not-sustainable.html

บทเรียน 4

จริงหรือคนไม่มีพระเจ้ามีความสุขแท้

บางคนร่ำรวยมีชื่อเสียง สังคมนับถือว่าประสบความสำเร็จ หลายครั้งเห็นพวกเขามีความสุข คำถามคือจริงๆ แล้วพวกเขามีความสุข มีสันติสุขจริงหรือ อะไรเป็นต้นเหตุความทุกข์ 

https://www.positive4thailand.com/2023/05/Lesson-4-True-or-not-unbelievers-are-happy.html

บทเรียน 3 

ผลการเป็นคนชอบธรรมไม่ทำบาป จากโยบบทที่ 11

หากการเป็นคนชอบธรรมไม่ทำบาปยากลำบาก คริสเตียนที่จมอยู่ในความบาปอาจสนุกชั่วคราว แต่ความบาปจะไล่ล่าและหนีไม่พ้นแน่นอน แท้จริงแล้วคนชอบธรรมจะรับผลดีมากมายขณะอยู่ในโลก  

https://www.positive4thailand.com/2023/04/Result-of-being-righteous-Job-11.html

บทเรียน 2 

ควรทำอย่างไรแทนการโทษชีวิต

พระเจ้าสอนและเปลี่ยนมุมมองต่อชีวิต จงยึดมั่นพระองค์เสมอ หวังให้ใกล้ชิดติดสนิท เพราะโลกเป็นแค่บ้านชั่วคราว

https://www.positive4thailand.com/2023/04/What-should-I-do-instead-of-punishing-life.html

บทเรียน 1

ควรทำอย่างไรหากต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่

ควรทำอย่างไรหากประสบเหตุต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ พระเจ้ามีคำตอบ สามารถกอบกู้ฟื้นฟู แม้เริ่มต้นจะเล็กน้อย ตอนปลายจะยิ่งใหญ่มาก
https://www.positive4thailand.com/2023/04/Lesson-1-How-to-begin-new-life.html




บทความแนะนำ

วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ (3) :มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง

การเป็นคริสเตียนคือกลับมาคืนดีกับพระเจ้า ความสัมพันธ์ที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง “ถ้าการสรรเสริญนมัสการไม่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง เช่นนั้นก็บาป...