บทเรียน 5 ความสุขของคนอธรรมสั้นไม่ยั่งยืน

            พระธรรมตอนนี้เป็นอีกครั้งที่บรรยายผลของความบาป ชีวิตมนุษย์ที่มักวนเวียนอยู่กับบาป

คำถามก่อนเรียน :

            1) เล่าประสบการณ์ของท่านหรือคนอื่นที่ชีวิตมีทั้งสุขและทุกข์
            2) ลองเทียบความสุขความทุกข์ของวัยต่างๆ เช่น วัยเด็ก หนุ่มสาว วัยชรา

            อ่าน โยบ.20:4-19

1. ความสุขของคนอธรรมสั้นไม่ยั่งยืน

โยบ.20:4-7
4 ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มา ตั้งแต่มนุษย์ถูกวางไว้บนแผ่นดินโลก ท่านไม่ทราบหรือว่า
5 เสียงไชโยของคนอธรรมนั้นสั้น และความชื่นบานของคนที่ไม่นับถือพระเจ้านั้นเป็นแต่ครู่เดียว
6 แม้ความสูงของเขาเด่นขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์ และศีรษะของเขาไปถึงหมู่เมฆ

            1.1 ย่างก้าวชีวิตคนอธรรม

            1.1.1 ช่วงชีวิตที่พอทนได้

            มนุษย์ต้องการความสุข แสวงหาความสุขความสำเร็จ เรื่องเศร้าคือความสุขกับความสำเร็จของคนไม่เชื่อพระเจ้าเป็นแค่เวลาสั้นๆ พวกเขาประสบความสำเร็จมากบ้างน้อยบ้าง ล้มเหลวมากบ้างน้อยบ้าง พบความทุกข์สารพัดรูปแบบ พวกเขาพยายามขจัดทุกข์ เร่งหาความสุขทดแทนความทุกข์ ในช่วงหนึ่งอาจสามารถทำได้ แต่ยังมีสุขสลับทุกข์ บางคนค่อนข้างสุข บางคนค่อนข้างทุกข์หรือพอทนได้

            1.1.2 ช่วงชีวิตที่ทุกข์มากขึ้น

            เมื่อเวลายาวนานออกไป อายุมากขึ้น ถึงจุดหนึ่งจะพบว่ามีทุกข์มากกว่าสุขแม้พยายามใช้สารพัดวิธีหาความสุข เห็นชัดว่าชีวิตในยามนั้นต้องทนทุกข์บ่อย บางคนทุกข์จากงาน จากครอบครัว จากเศรษฐกิจ สุขภาพ หรือหลายอย่างพร้อมกัน บางคนพยายามหาทางแก้ใหม่ที่ไม่เคยลอง บางคนได้แต่ปลงชีวิต ยอมรับสภาพ

            1.1.3 ลงเอยด้วยความตาย

โยบ.20:7-11
7 เขาจะพินาศเป็นนิตย์อย่างอุจจาระของเขาเอง บรรดาคนที่เคยเห็นเขา จะพูดว่า "เขาอยู่ที่ไหน"
he will perish forever, like his own dung; those who have seen him will say, ‘Where is he?’
8 เขาจะบินไปเสียเหมือนความฝันและจะไม่มีใครพบอีก เขาจะถูกไล่ไปเสียอย่างนิมิต ในกลางคืน
9 นัยน์ตาซึ่งได้เห็นเขาจะไม่เห็นเขาอีก หรือที่ของเขาจะไม่เห็นเขาอีกเลย
10 ลูกหลานของเขาจะเสาะหาความช่วยเหลือจากคนยากจนและมือของเขาจะคืนทรัพย์สมบัติของเขา
11 กระดูกของเขาเต็มไปด้วยเรี่ยวแรงของคนหนุ่มแต่เรี่ยวแรงนั้นจะนอนลงกับเขาในผงคลีดิน

            ช่วงท้ายของชีวิตมีทุกข์มากกว่าสุข เห็นเค้าลางความตายและลงเอยด้วยความตายจริงๆ ที่หนีไม่พ้น

            การเทียบความตายเป็นอุจจาระเพราะเมื่อตายแล้ว ร่างกายกลายเป็นศพที่เน่าเปื่อย เน่าเหม็น น่ารังเกียจ ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ สิ่งไร้ค่าที่จะถูกทิ้ง

          ไม่เพียงตายแล้วกลายเป็นศพที่ต้องถูกกำจัด ตามความเชื่อคริสเตียนพวกเขารอวันพินาศ ความพินาศสำคัญที่สุดคือความพินาศฝ่ายวิญญาณ ถูกตัดขาดจากพระเจ้านิรันดร์ (ข้อ 7-พินาศเป็นนิตย์ (perish forever))

สภษ.24:19-20
19 เจ้าอย่ากระวนกระวายเพราะคนกระทำบาป และอย่ามีใจริษยาคนชั่วร้าย
20 เพราะคนชั่วไม่มีอนาคต ประทีปของคนชั่วร้ายจะถูกดับเสีย

            ดังนั้น หากจะช่วยคน การช่วยเหลือแท้ต้องเป็นความช่วยเหลือฝ่ายวิญญาณ ให้ได้รับความรอด พระเยซูจึงตั้งมหาบัญชาแก่สาวกว่า

มธ.28:18-20
18 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า "ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว
19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์
20 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค"

            อย่างไรก็ตาม พระเจ้าสอนเรื่องการช่วยคนทางร่างกาย จิตใจด้วย

ยก.1:27 ธัมมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินต่อพระพักตร์พระเจ้าและพระบิดานั้น คือการเยี่ยมเยียนเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก
Religion that God our Father accepts as pure and faultless is this: to look after orphans and widows in their distress and to keep oneself from being polluted by the world.
ฉธบ.24:17-19
17 "ท่านทั้งหลายอย่าให้เสียความยุติธรรม ซึ่งควรได้แก่คนต่างด้าวหรือควรได้แก่ลูกกำพร้าและอย่ารับเสื้อผ้าของหญิงม่ายไว้เป็นประกัน
18 แต่ท่านพึงจำไว้ว่า ท่านเคยเป็นทาสอยู่ในอียิปต์ และพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านไถ่ท่านออกจากที่นั่น เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงบัญชาท่านให้กระทำเช่นนี้
19 "เมื่อท่านเกี่ยวข้าวในนาของท่าน และลืมฟ่อนข้าวไว้ในนาฟ่อนหนึ่ง อย่ากลับไปเอามาเลย ให้เป็นของคนต่างด้าว ลูกกำพร้าและแม่ม่าย เพื่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านจะอวยพระพรแก่กิจการทั้งหลายแห่งมือของท่าน

            หลักการที่พระเจ้าให้ไว้คืออย่ากดขี่คนอื่น มีใจเมตตาช่วยเหลือผู้ขัดสน ผู้ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้

2. การทำบาปจะทำร้ายตัวเขาเอง 

 โยบ.20:12-19
12 "แม้ว่าความอธรรมจะหวานอยู่ในปากของเขา แม้เขาซ่อนไว้ใต้ลิ้นของเขา
13 แม้เขาไม่อยากจะปล่อย และอมไว้ในปากของเขา
14 อาหารของเขายังเปลี่ยนในท้องของเขา เหมือนพิษของงูเห่าในตัวเขา
15 เขากลืนทรัพย์สมบัติลงไป แต่จะอาเจียนมันออกมาอีก พระเจ้าทรงเหวี่ยงมันออกมาจากท้องของเขา
16 เขาจะดูดพิษของงูเห่า ลิ้นของงูปากกะบะจะฆ่าเขา
17 เขาจะไม่มองชมลำน้ำ คือลำธารที่มีน้ำผึ้งและนมข้นไหลอยู่
18 เขาจะคืนผลงานของเขา และจะไม่กลืนกินเสีย เขาจะไม่ได้ความชื่นบานเลย จากกำไรแห่งการค้าของเขา
19 เพราะเขาได้ขยี้และทอดทิ้งคนจน เขาได้ชิงบ้านซึ่งเขาไม่ได้สร้าง

            โยบ.20:4-11 บรรยายสรุปรวบยอดชี้ความทุกข์ของคนอธรรม โยบ.20:12-19 ขยายความเพิ่มเติม ดังนี้

            2.1 คนบาปกระหายทำบาป (12)

“ความอธรรมจะหวานอยู่ในปากของเขา”

            พระวจนะตอนนี้บรรยายคนบาปที่กระหายทำบาป ชอบธรรมบาป ทำบาปเป็นปกติ คิดว่าทำได้ ตั้งใจทำ พยายามหาประโยชน์จากการนี้     

            อธิบายขยายความ : เริ่มต้นคนเรามีจิตสำนึกรู้ผิดชอบจากการทรงสร้างที่ยังเหลืออยู่ หรืออาจมาจากการศึกษา การอบรมบ่มนิสัยให้เป็นคนดี แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาทำบาปและบาปมากขึ้น ความบาปที่ก่อทดแทนจิตสำนึกผิดชอบทีละน้อย มีความคิดเหตุผล “ขอเลือก” ทำบาป จากมีใจฟ้องผิดกลายเป็นใจชอบทำบาป คิดว่าทำบาปแล้วไม่เสียอะไร หรือมีได้มากกว่าเสีย

            ขั้นต่อมา เขาเรียนรู้วิธีทำบาปอย่างชาญฉลาด ทำบาปด้วยแผน (ชั่ว) ซับซ้อน เห็นความสำเร็จจากแผนของตน ในขั้นนี้ใจของเขาคือใจบาปชั่ว วนเวียนคิดแต่เรื่องชั่วร้าย บางครั้งทำความดีบ้างแต่เพื่อสร้างภาพลักษณ์ กลบเกลื่อนความชั่วร้ายของเขา สนุกกับการทำบาป ชีวิตจมอยู่ในความบาปเช้าเย็น

สดด.36:1-4
1 การละเมิดพูดกับคนอธรรม ล้วงลึกเข้าไปในใจของเขา เขาไม่เห็นจะต้องกลัวพระเจ้า
2 เพราะเขาป้อยอตนเองในสายตาของตน ว่า ไม่มีผู้ใดพบและเกลียดชังความบาปผิดของเขา
3 ถ้อยคำจากปากของเขาก็ชั่วร้ายและหลอกลวง เขาหยุดที่จะประพฤติอย่างฉลาดและกระทำความดี
4 เขาปองความชั่วร้ายเมื่อเขาอยู่บนที่นอนของเขา เขาวางตัวในทางที่ไม่ดี เขามิได้เกลียดชังความชั่ว

            2.2 ถึงเวลาคนบาปได้รับโทษ (14)

            พระเจ้าควบคุมทุกสิ่ง มีเวลาสำหรับทุกอย่าง ถึงจุดหนึ่งพระองค์จะเริ่มลงโทษตามน้ำพระทัยอย่างหนัก อาจแสดงผ่านกฎหมายบ้านเมือง ความสัมพันธ์กับคน หน้าที่การงาน สุขภาพ ฯลฯ ขึ้นกับพระองค์

            สิ่งที่เขามี สะสมมา เสรีภาพ ที่คิดว่าเป็นของดีเคยให้ความสุขกลายเป็นโทษ

“อาหารของเขายังเปลี่ยนในท้องของเขา เหมือนพิษของงูเห่าในตัวเขา”

            2.2.1 พระเจ้าลงโทษหรือการลงโทษมาจากพระเจ้า (15)

            ความทุกข์ของเขามาจากพระเจ้า พระองค์เป็นผู้ลงโทษ

            ความทุกข์ต่างๆ ระบบเศรษฐกิจ กิจการมีปัญหา เป็นคนคิดมากซึมเศร้า ปัญหาสุขภาพ บางคนอาจตีความด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ การบริหารจัดการของรัฐบาลหรือความสามารถของตนเอง ในความเชื่อคริสเตียน พระเจ้าควบคุมทุกสิ่ง กำกับให้ระบบโลกความเป็นไปของสรรพสิ่งเป็นไปตามที่พระองค์ต้องการ

            อย่างไรก็ตาม บางครั้งเพื่อแผนการที่ดีของพระองค์ ดังโยบที่ทนทุกข์แม้เขาไม่ผิด

            การพิพากษาลงโทษไม่ได้เกิดในวันพิพากษาเท่านั้น พระองค์ลงโทษได้ทุกเวลา

สดด.75:5-7
5 อย่ายกหัวของเจ้าขึ้นให้สูง หรือพูดจาอย่างยโส"
6 เพราะการยกขึ้นนั้นมิได้มาจากทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก และมิใช่มาจากถิ่นทุรกันดาร
7 แต่เป็นพระเจ้าผู้ทรงกระทำการพิพากษา ทรงให้คนหนึ่งลง และทรงยกอีกคนหนึ่งขึ้น

            2.2.2 ความตายหรือความพินาศนิรันดร์ (16-19)

            พระธรรมช่วงนี้พูดถึงความตายที่ไม่สามารถหวนกลับสู่โลกอีกแล้ว (ชาติหน้าไม่มี) ไม่สามารถชื่นชมหรือรับประโยชน์จากผลงานความสำเร็จที่สร้างมา เพราะบาปชั่วที่เขาได้ทำ

โยบ.20:16-19
16 เขาจะดูดพิษของงูเห่า ลิ้นของงูปากกะบะจะฆ่าเขา
17 เขาจะไม่มองชมลำน้ำ คือลำธารที่มีน้ำผึ้งและนมข้นไหลอยู่
18 เขาจะคืนผลงานของเขา และจะไม่กลืนกินเสีย เขาจะไม่ได้ความชื่นบานเลย จากกำไรแห่งการค้าของเขา
19 เพราะเขาได้ขยี้และทอดทิ้งคนจน เขาได้ชิงบ้านซึ่งเขาไม่ได้สร้าง

            ในทางตรงข้ามพระเยซูให้ชีวิต คือให้ชีวิตใหม่ ดำเนินในความชอบธรรม จิตวิญญาณฟื้นฟู เป็นบุตรพระเจ้าตั้งแต่วันที่เชื่อศรัทธาพระองค์จนถึงนิรันดร์

            ผู้ที่เชื่อพระเจ้าและยึดความเชื่อจะมีสันติสุข มีความชื่นชมยินดี

รม.5:1-2 
1 เหตุฉะนั้น เมื่อเราได้เป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้วเราจึงมีสันติสุขในพระเจ้า ทางพระเยซูคริสตเจ้าของเรา
Therefore, since we have been justified through faith, we have peace with God through our Lord Jesus Christ,
2 โดยทางพระองค์เราจึงได้เข้าในร่มพระคุณที่เรายืนอยู่และเรา ชื่นชมยินดีในความไว้วางใจว่าจะได้มีส่วนในพระสิริของพระเจ้า

            พระองค์จะเป็นสันติสุขของผู้เชื่อตลอดไป เริ่มจากวันนี้ที่เชื่อว่าพระเยซูคริสต์ได้ตายไถ่บาปเราแล้วที่ไม้กางเขน ขอรับพระคุณความรอดนี้ ใช้ชีวิตใหม่อย่างที่พระวจนะสอนไว้

อฟ.2:12-17
12 จงระลึกว่า ครั้งนั้นท่านทั้งหลายเป็นคนอยู่นอกพระคริสต์ ขาดจากการเป็นพลเมืองอิสราเอล และไม่มีส่วนในบรรดาพันธสัญญาซึ่งทรงสัญญาไว้นั้น ไม่มีที่หวัง และอยู่ในโลกปราศจากพระเจ้า
13 แต่บัดนี้ในพระเยซูคริสต์ท่านทั้งหลายซึ่งเมื่อก่อนอยู่ไกล ได้เข้ามาใกล้โดยพระโลหิตของพระคริสต์
14 เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นสันติสุขของเรา เป็นผู้ทรงกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทรงรื้อกำแพงที่กั้นระหว่างสองฝ่ายลง
15 คือการเป็นปฏิปักษ์กัน โดยในเนื้อหนังของพระองค์ ได้ทรงให้ธรรมบัญญัติอันประกอบด้วยบทบัญญัติและกฎหมายต่างๆ นั้นเป็นโมฆะ เพื่อจะกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นคนใหม่คนเดียวในพระองค์ เช่นนั้นแหละ จึงทรงกระทำให้เกิดสันติสุข
16 และเพื่อจะทรงกระทำให้ทั้งสองพวกคืนดีกับพระเจ้า เป็นกายเดียวโดยกางเขน ซึ่งเป็นการทำให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อกันหมดสิ้นไป
17 และพระองค์ได้เสด็จมาประกาศสันติสุขแก่ท่านที่อยู่ไกล และประกาศสันติสุขแก่คนที่อยู่ใกล้

ความสำคัญของการมีใจบริสุทธิ์ :

            ในที่นี้นำเสนอบางประการดังนี้

          1. ความรอด

            ในทางนิตินัยพระเจ้าได้ชำระคริสเตียนให้บริสุทธิ์แล้ว ได้รับความรอด รวมถึงมีใจบริสุทธิ์

            ส่วนในทางพฤตินัย การมีใจบริสุทธิ์เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ผู้เชื่อตอบสนองพระคุณความรัก ตอบสนองพระวจนะ เติบโตฝ่ายวิญญาณที่ต้องใช้เวลา บางคนเร็วบางคนช้า บางทีขึ้นๆ ลงๆ

          2. ใจกำหนดความคิด พฤติกรรม และทางออก

            สิ่งที่ออกจากปากก็ออกมาจากใจ

มธ.15:16-19
16 ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบว่า "ท่านทั้งหลายยังไม่เข้าใจด้วยหรือ
17 ท่านยังไม่เห็นหรือว่า สิ่งใดๆซึ่งเข้าไปในปากก็ลงไปในท้อง แล้วก็ถ่ายออกลงส้วมไป
18 แต่สิ่งที่ออกจากปากก็ออกมาจากใจ สิ่งนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน
19 ความคิดชั่วร้าย การฆ่าคน การผิดผัวผิดเมีย การล่วงประเวณี การลักขโมย การเป็นพยานเท็จ การใส่ร้าย ก็ออกมาจากใจ

            ถ้าใจคิดเรื่องบาป คิดชั่วร้าย เรื่องอธรรม ไม่บริสุทธิ์ เหล่านี้จะส่งผลต่อระบบความคิดและพฤติกรรมผู้นั้น ไม่ว่าเขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม

            บางคนคิดว่าต้องแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวให้มากที่สุด คนแบบนี้พยายามคิดหาทางกอบโกยเอาเปรียบผู้อื่นเสมอ จะเห็นว่าโลกมีผู้กดขี่มากมายและคนอีกมากมายกว่านั้นจึงถูกกดขี่ เป็นบาปชั่วที่ปรากฎในโลกตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน บ้างเกิดสงคราม สังคมทาส บางคนกลายเป็นสินค้าราคาถูกที่ซื้อขายได้ หรือยินดีปล่อยตัวปล่อยใจประพฤติตัวเป็นของราคาถูก ซื้อขายเปลี่ยนมือง่ายๆ

            บางคนคิดว่าต้องหาความสุขทุกเวลา แม้เขายากจนช่องทางหาความสุขมีน้อย แต่ยังพยายามดิ้นรนหาความสุขใส่ตัวเท่าที่ทำได้ เช่น หาความบันเทิงเท่าที่ทำได้ ดูหนัง ฟังเพลง คบเพื่อน สมัยนี้ทำได้ง่ายมากผ่านสื่อโซเชียล บางคนพยายามหลบงานความรับผิดชอบเพื่อเสพความบันเทิงเหล่านี้ พวกเขาตั้งใจหาความบันเทิงเท่าที่เทำได้ (เขายากจน ด้อยโอกาส) มักคิดว่าทำเช่นนี้มีความสุข อย่างน้อยให้พอหัวเราะได้ ได้ผ่อนคลายสบายใจในเวลาสั้นๆ แม้ต้องเสียงาน ไม่รับผิดชอบงานเต็มที่ แต่มักจะทำให้ชีวิตเสียหายหนักมากกว่าเดิม จมอยู่ในความทุกข์แบบดิ้นไม่หลุด

            นักเรียนนักศึกษาบางคนเลือกขอได้สนุก เสพความบันเทิง ใจไม่จดจ่อการเรียน ไม่ตั้งใจทำการบ้าน ไม่ตั้งใจเตรียมสอบ พวกเขาอาจสนุกชั่วคราวแต่ต้องทุกข์หนักระยะยาว ผลการเรียนไม่ดี มีความรู้น้อย การศึกษาต่ำ จึงสมัครงานหรือทำงานได้ไม่กี่อย่าง มักเป็นงานรายได้น้อย ตามมาด้วยต้องใช้ชีวิตอย่างคนรายได้ต่ำ อยู่ในสังคมคนด้อยโอกาส ถูกตีค่าว่าต่ำต้อยด้อยค่า

            หลายคนมีหนี้สินตั้งแต่อายุไม่มาก ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย (ไม่สามารถอดทนเก็บออม เอาเงินไปซื้อความสุขเล็กๆ น้อยๆ) มีชีวิตที่ต้องดิ้นรนหาเงินใช้หนี้ โอกาสที่จะถีบตัวสู่ฐานะที่สูงขึ้น มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจึงน้อยมาก คนเหล่านี้เข้าสู่วงจร “โง่ จน เจ็บ” หาทางออกไม่ได้ ต้องหาความสุขความบันเทิงเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่ทำได้ซึ่งไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์จริง

            คนเหล่านี้ทั้งหมดเสพ “ความบันเทิงโลกที่อยู่ใต้อิทธิพลบาป” ความบาปบางอย่างแสดงตัวชัด บางอย่างแอบแฝง ยิ่งเสพจะยิ่งติดอยู่ในอิทธิพลบาปและได้รับผลบาปเหล่านั้นมากขึ้นทุกที (เสพสื่อบาปทำให้อยากทำบาป ห่างไกลความบริสุทธิ์) จึงไม่เห็นทางออกหรือคิดว่าที่ทำเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว (ยิ่งเสพความบันเทิงโลกยิ่งถูกผูกมัดด้วยบาป หาทางออกไม่เจอ รับผลบาปมากขึ้นๆ)

            หากอธิบายแบบคริสเตียน นี่คือผลแห่งความบาป การทำบาปซ้อนบาป หาทางออกไม่ได้ ได้แต่ทำบาปเพิ่มขึ้นอีก (เร่งเสพความบันเทิงให้หนักขึ้นอีก ดื่มเหล้า เที่ยวกลางคืนเท่าที่จะทำได้) อยู่ใต้อำนาจมารซาตาน ถูกผูกมัดด้วยบาป

            ทั้งหมดนี้เพราะโลกอยู่ในอิทธิพลบาป ทุกคนบาปตั้งแต่กำเนิด เมื่อโตขึ้นก็ทำบาปซ้อนบาป ติดในบ่วงความบาปมากขึ้นจนยากจะออกได้ พวกเขาบางคนไม่คิดด้วยซ้ำว่ากำลังตกอยู่ในบ่วงแร้วความบาป หรือตอบตัวเองด้วยความคิดอื่นๆ เช่นเป็นกรรมเก่า

            เรื่องน่าเศร้าคือหลายคนอยู่ในครอบครัวที่อยู่ใต้ความบาปอยู่แล้ว อธิบายแบบเข้าใจง่ายคือ เพราะพ่อแม่จนความรู้ต่ำ เป็นหนี้เป็นสิน มีชีวิตบาป เด็กที่เกิดในครอบครับนี้จึงอยู่ในความบาปเต็มที่ ได้รับผลจากครอบครัวบาปตั้งแต่เกิด โตขึ้นไม่ต่างจากพ่อแม่หรือเลวร้ายกว่า ดังที่พระคัมภีร์สอนว่าความรักเยือกเย็นลง ทุกคนต้องรับผลจากความรักที่เยือกเย็นลงนี้ทั้งทางตรงทางอ้อม

มธ.24:12-14
12 ความรักของคนส่วนมากจะเยือกเย็นลง เพราะความอธรรมแผ่กว้างออกไป
13 แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุดผู้นั้นจะรอด
14 ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า จะได้ประกาศไปทั่วโลก ให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง

            บางคนอาจคิดได้ว่าใช้ชีวิตผิดทาง แสวงหาทางออกเท่าที่เจอ ชีวิตบางคนดีขึ้น แต่ไม่ใช่หนทางสู่ความรอด ได้แค่ชีวิตดีขึ้น ทุกข์น้อยลง มีความสงบมากขึ้น

            ทางออกคือรับการไถ่บาปจากพระเยซู พระองค์ช่วยปลดปล่อยจากอำนาจมืด ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ มีชีวิตแห่งความบริสุทธิ์ แน่ละชีวิตแห่งความบริสุทธิ์ในทางพฤตินัยจะค่อยๆ ปรากฏ ขึ้นกับการตอบสนองของแต่ละคน ชีวิตเปลี่ยน พระเจ้าจะคอยช่วยเหลือให้ผ่านสถานการณ์ต่างๆ แม้ยังไม่เติบโตฝ่ายวิญญาณเต็มที่ ยังทำถูกๆ ผิดๆ ชีวิตคริสเตียนเป็นกระบวนการต้องใช้เวลาและเรื่องราวต่างๆ ที่พบเจอช่วยสร้างชีวิตใหม่ ไม่ว่าท่านพบเจอสิ่งใดขอเพียงตั้งใจจริงพระองค์จะพาท่านเดินจนถึงนิรันดร์

            คือกระบวนการชำระให้บริสุทธิ์ทั้งทางนิตินัยกับพฤตินัย-สำแดงปรากฎให้ทุกคนได้เห็นได้สัมผัส

พระเยซูพร้อมช่วยคนบาป :

            ไม่ว่าจะทำบาปมากหรือน้อย ทุกคนล้วนเป็นคนบาป ไม่สามารถหนีพ้นผลของบาป มีแต่พระเยซูคริสต์เท่านั้นที่ช่วยได้
           ไม่ว่าวันนี้ท่านจะทุกข์เพียงไร ซึมเศร้า อยากร้องไห้ พระองค์ยินดีซับน้ำตาให้เสมอ
            หากตรอมใจ ความรักถูกทรยศ โดนทอดทิ้งซ้ำซาก จงรู้เถิดว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าแห่งความรัก
            หากคนอื่นชี้หน้าว่าท่านต่ำต้อย ไร้ค่า ไม่คู่ควรสิ่งดี พระเยซูผู้นี้ได้ตายที่ไม้กางเขนเพื่อท่านแล้ว
            หากอ้างว้าง ชีวิตเหมือนขาดบางอย่างที่สำคัญ พระเยซูจะช่วยเติมเต็ม ทำให้ชีวิตครบบริบูรณ์
            หากท่านหมดจนหนทาง ไม่มีที่ไป ไม่รู้จะไปทางใด จงมาหาพระเยซูผู้จะนำทางท่านตลอดไป
            จงมาหาพระองค์ที่คริสตจักรเถิด แล้วท่านจะได้ชีวิตใหม่ในฐานะบุตรพระเจ้าผู้สูงสุด

คำถามหลังคำสอน :

            1) โยบ บทที่ 20 สอนว่าควรเป็นคนอธรรมหรือไม่ เพราะเหตุใด
            2) หากจะช่วยคน ควรช่วยด้วยการให้ทรัพย์สินเงินทอง หรือควรให้เขารู้จักพระเจ้า

---------------------------