บทเรียน 10 ผู้เชื่อที่นับถือศาสนาคริสต์กับคริสเตียนที่รู้จักผูกพันพระคริสต์
พระเยซูจึงกล่าวโทษพวกเขาว่า “พระบิดาของเราก็ดี ท่านทั้งหลายไม่รู้จัก” และสอนว่า “จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน”
เกริ่นนำ:
การเชื่อพระเจ้าเป็นคริสเตียนไม่ใช่การเปลี่ยนศาสนา ไม่ใช่การนับถือศาสนา
แต่เป็นการเชื่อศรัทธาพระเยซูว่าทรงเป็นพระเจ้า มีความผูกพันใกล้ชิดพระองค์
ยน.15:4-7 พระเยซูสอนว่า
“จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน”
4 จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน
แขนงจะออกผลเองไม่ได้ นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้
นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น
5 เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง
ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก
เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย
6 ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา
ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยวแห้งไป และถูกเก็บเอาไปเผาไฟ
7 ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา
และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น
คนเข้าสนิทจะพบพระเจ้า
สัมผัสพระองค์ เกิดผลมากมาย ตรงกันข้ามคือถูกทำลาย “ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา
ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง”
คำถามก่อนเรียน
:
1)
ท่านเชื่อพระเจ้ามาแล้วกี่ปี
2)
คิดว่าคริสเตียนที่นับถือศาสนาคริสต์มีลักษณะอย่างไร
อ่าน
โยบ.37:14-18
โยบ.37:14-18
14 "ท่านโยบเจ้าข้า ขอฟังข้อนี้
จงนิ่งพิจารณาการกระทำอันอัศจรรย์ของพระเจ้า
“Listen to this, Job; stop and consider God’s wonders.
15 ท่านทราบหรือว่าพระเจ้าทรงกำชับมันอย่างไร
และกระทำให้ฟ้าแลบแห่งเมฆของพระองค์มีแสง
16 ท่านทราบถึงการทรงตัวของเมฆหรือ
เป็นพระราชกิจอันประหลาดของพระองค์ผู้สมบูรณ์ในความรู้
17 ตัวท่าน ผู้ที่เสื้อผ้าของตนร้อน
เมื่อแผ่นดินโลกซบเซาเพราะลมทิศใต้
18 ท่านแผ่ฟ้าออกไปอย่างพระองค์ได้หรือ
ให้แข็งอย่างคันฉ่องหลอม
คริสเตียนผู้เชื่อไม่สามารถเข้าถึงความรู้ความเข้าใจทั้งหมด
กระนั้นยังต้องเอาใจใส่ศึกษาพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์
เรียนรู้ว่าพระเจ้าคิดอ่านอย่างไร วิธีการของพระองค์ พระประสงค์ต่อโลก
ต่อชุมชนผู้เชื่อและต่อตัวท่านเองคืออย่างไร เพื่อดำเนินชีวิตอย่างผู้มีความเข้าใจ
(มากขึ้น) สามารถทำอย่างถูกต้องที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
อธิบายขยายความ: พวกฟาริสี ธรรมาจารย์ (คนที่พระเยซูกล่าวโทษ)
น่าจะเข้าใจและรู้จักพระเจ้า แต่พวกเขาไม่รู้จริง
ให้ความสำคัญพิธีกรรมโดยไม่เข้าถึงเหตุผลจุดประสงค์ของพิธีกรรมเหล่านั้น
จึงเน้นประกอบศาสนกิจ ทั้งยังสอนผิด (เพราะไม่เข้าใจจริง บิดเบือนคำสอน)
ไม่แสวงหาพระเจ้าจริงๆ
มธ.23:13-15
13 "วิบัติแก่เจ้า
พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด
เพราะพวกเจ้าปิดประตูแผ่นดินสวรรค์ไว้จากมนุษย์ พวกเจ้าเองก็ไม่เข้าไป
และเมื่อคนอื่นจะเข้าไป พวกเจ้าก็ขัดขวางไว้
14 "วิบัติแก่เจ้าพวกธรรมาจารย์
และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยพวกเจ้าริบเอาเรือนของหญิงม่าย
และแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาว เพราะฉะนั้นพวกเจ้าจะต้องมีโทษมากยิ่งขึ้น"
15 "วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด
ด้วยพวกเจ้าเที่ยวไปตามทางทะเลและทางบกทั่วไป เพื่อจะได้แม้แต่คนเดียวเข้าจารีต
เมื่อได้แล้ว ก็ทำให้เขาถึงนรกยิ่งกว่าเจ้าเองถึงสองเท่า
คริสเตียนที่นับถือศาสนาคริสต์กับคริสเตียนที่รู้จักผูกพันพระคริสต์:
เมื่อพระเยซูเสด็จมาในโลก
สภาพที่ปรากฏชัดคืออิสราเอลมุ่งยึดถือธรรมบัญญัติอย่างผิดๆ ประกอบพิธีกรรมโดยไม่เข้าถึงความหมาย
คำสอนถูกบิดเบือน ไม่แสวงหาพระเจ้าจริง พระเยซูกล่าวโทษพวกธรรมาจารย์กับฟาริสีอย่างรุนแรง
อิสราเอลในสมัยนั้นเป็นพวกนับถือศาสนามากกว่ารู้จักพระเจ้า
ขาดความผูกพันใกล้ชิดพระองค์
พระเยซูกล่าวโทษในมัทธิว23
มธ.23:1-3,
23
1 ครั้งนั้น
พระเยซูตรัสกับประชาชนและพวกสาวกของพระองค์ว่า
2 "พวกธรรมาจารย์กับพวกฟาริสีนั่งบนที่นั่งของโมเสส
3
เหตุฉะนั้น ทุกสิ่งซึ่งเขาสั่งสอนพวกท่าน จงถือประพฤติตาม
เว้นแต่การประพฤติของเขาอย่าได้ทำตามเลย เพราะเขาเป็นแต่ผู้สั่งสอน
แต่เขาเองหาทำตามไม่
23 "วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด
ด้วยพวกเจ้าถวายทศางค์ ของสะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า
ส่วนข้อสำคัญแห่งธรรมบัญญัติคือความยุติธรรมความเมตตา ความเชื่อนั้นได้ละเลยเสีย
การถวายทศางค์พวกเจ้าก็ควรปฏิบัติ แต่ไม่ควรละเลยข้อสำคัญนั้นด้วย
ประเด็นที่สำคัญมากคือพระเยซูกล่าวโทษพวกเขาว่าไม่รู้จักพระเจ้า
ไม่รู้จักพระเยโฮวาห์จริง เป็นพวกนับถือศาสนา
ยน.8:13-19
ยน.8:19
เหตุฉะนั้นเขาจึงทูลพระองค์ว่า "พระบิดาของท่านอยู่ที่ไหน"
พระเยซูตรัสตอบว่า "ตัวเราก็ดี พระบิดาของเราก็ดี ท่านทั้งหลายไม่รู้จัก
ถ้าท่านรู้จักเรา ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย"
อธิบายขยายความ: ธรรมาจารย์กับฟาริสีศึกษาพระคัมภีร์มาก สามารถท่องข้อพระคัมภีร์
ประกอบพิธีกรรม ถวายเครื่องบูชาเป็นประจำ แต่ไม่เข้าถึงพระองค์ (พระเยโฮวาห์)
รู้จักพระเจ้าตามคำสอนธรรมบัญญัติเท่านั้น (ทั้งยังสอนผิดบางเรื่อง)
พระเยซูจึงกล่าวโทษพวกเขาว่า “พระบิดาของเราก็ดี ท่านทั้งหลายไม่รู้จัก”
ถ้าพวกเขารู้จักพระเยโฮวาห์จริงจะรู้จักพระเยซูด้วย เพราะคือพระเจ้าองค์เดียวกัน
ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถรู้ว่าพระเยซูเป็นพระเมสสิยาห์
(พระผู้ช่วยให้รอด) พวกเขาพลาดสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต ทั้งๆ
ที่คนอิสราเอลสมัยนั้นรอคอยพระเมสสิยาห์ แต่เมื่อทรงเสด็จมาอยู่ตรงหน้ากลับปฏิเสธ
พวกเขาไม่เข้าถึงพระเจ้าจึงไม่อาจรู้พระราชกิจอันอัศจรรย์
จึงเป็นหลักการสำคัญเรื่องคริสเตียนที่นับถือศาสนาคริสต์กับคริสเตียนที่รู้จักผูกพันพระคริสต์
ยุคปัจจุบัน
คริสเตียนบางคนรู้จักพระเจ้าเพียงผิวเผิน ไม่สนใจศึกษาพระวจนะ
บางคนคิดว่าตัวเองรู้มากแต่ความจริงรู้น้อย เข้าใจผิดมาก
เป็นคริสเตียนที่นับถือศาสนาคริสต์มากกว่ามุ่งสัมพันธ์สนิทกับพระคริสต์
คำถาม: การมุ่งสัมพันธ์สนิทพระเจ้าจะละเลยคำสอนอื่นหรือไม่
ตอบ: คนที่ติดสนิทได้ต้องมีชีวิตบริสุทธ์
อันหมายถึงผู้นั้นต้องดำเนินชีวิตในความชอบธรรม (ปฏิบัติตามคำสอนต่างๆ)
ดำเนินตามนิมิตการทรงเรียก หากไม่เป็นเช่นนี้คือพลาดเป้าหรือบาปนั่นเอง
ชีวิตของเขาจะสำแดงพระลักษณะมากขึ้นๆ
(สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์มากขึ้นหรือบริสุทธิ์มากขึ้น)
พระวิญญาณจะนำชีวิตและช่วยเหลือให้สำเร็จตามนิมิตการทรงเรียก
เป็นตัวแทนพระองค์ในโลก
การแสวงหาพระเจ้าส่วนตัวเป็นเรื่องสำคัญ
พระเยซูทำพระราชกิจมากโดยไม่ละเลยที่จะแสวงหาพระบิดาเป็นการส่วนตัว
ลก.5:1-16
ลก.5:16 แต่พระองค์เสด็จออกไปในที่เปลี่ยวและทรงอธิษฐาน
1ปต.2:1-5
1 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงละความชั่วทั้งปวง
การอุบายต่างๆ ความไม่จริงใจ ความริษยา และคำพูดส่อเสียดทั้งหลาย
2 เช่นเดียวกับทารกแรกเกิด
จงปรารถนาน้ำนมฝ่ายวิญญาณอันบริสุทธิ์
เพื่อโดยน้ำนมนั้นจะทำให้ท่านทั้งหลายเจริญขึ้นสู่ความรอด
3
เพราะท่านได้ลิ้มรสพระกรุณาคุณขององค์พระผู้เป็นเจ้า
4 จงมาหาพระองค์ คือพระศิลาที่ทรงชีวิต
ซึ่งมนุษย์ได้ปฏิเสธไม่ยอมรับแล้ว
แต่ว่าตามพระดำริของพระเจ้านั้นเป็นศิลาที่ทรงเลือกไว้ และทรงค่าอันประเสริฐ
5 และท่านทั้งหลายก็เสมือนศิลาที่มีชีวิต
ที่กำลังก่อขึ้นเป็นพระนิเวศฝ่ายพระวิญญาณ เป็นปุโรหิตบริสุทธิ์
เพื่อถวายสักการบูชาฝ่ายวิญญาณ ที่ชอบพระทัยของพระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสต์
you also, like living stones, are being built into a
spiritual house to be a holy priesthood, offering
spiritual sacrifices acceptable to God through Jesus Christ.
คำถามหลังคำสอน :
1) แบ่งปันประโยชน์ที่ได้จากการแสวงหาพระเจ้าส่วนตัวของท่าน
2) แบ่งปันความตั้งใจ วิธีในชีวิตประจำวันเพื่อแสวงหาพระเจ้าส่วนตัว
----------------