บทเรียน 3 ผลการเป็นคนชอบธรรมไม่ทำบาป จากโยบบทที่ 11

หากการเป็นคนชอบธรรมไม่ทำบาปยากลำบาก คริสเตียนที่จมอยู่ในความบาปอาจสนุกชั่วคราว แต่ความบาปจะไล่ล่าและหนีไม่พ้นแน่นอน แท้จริงแล้วคนชอบธรรมจะรับผลดีมากมายขณะอยู่ในโลก  

คริสเตียนบางคนคิดว่าการเป็นคนชอบธรรมยากลำบาก ขัดเคืองใจ หวังแค่ความรอดไม่หวังรางวัลบนสวรรค์ คนเหล่าเข้าใจผิดมหันต์ โยบบทที่ 11 อธิบายผลการเป็นคนชอบธรรมไม่ทำบาปที่ตรงข้ามกับการจมอยู่ในความบาป

คำถามก่อนเรียน :

1) ท่านเคยเห็นคนที่เหน็ดเหนื่อยเบื่อหน่ายกับการเป็นคริสเตียนหรือไม่ พยายามดำเนินชีวิตอย่างสัตย์ซื่อเที่ยงตรงต่อพระเจ้า หลีกเลี่ยงบาป

2) ท่านคิดว่าการเป็นคริสเตียนจะได้รับการอวยพรขณะอยู่ในโลกอย่างไร

อ่าน โยบ บทที่ 11

บริบท :

ที่ผ่านมาโยบพยายามแย้งว่าเขาไม่รู้ว่าตนทำบาปอะไรแต่ต้องสูญเสียสิ่งต่างๆ ทุกข์ยากยิ่งนัก โศฟาร์เพื่อนโยบจึงแย้งว่าพระเจ้าไม่เป็นฝ่ายผิดแน่นอน โดยให้เหตุผลว่า 

1. มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจสติปัญญาของพระเจ้าได้ทั้งหมด

โยบ.11:7-8

7 "ท่านจะหยั่งรู้สภาพของพระเจ้าได้หรือ ท่านหยั่งรู้องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้หมดหรือ

8 นั่นสูงกว่าฟ้าสวรรค์ ท่านจะทำอะไรได้ ลึกกว่าแดนคนตาย ท่านจะทราบอะไรได้

2. ทรงสิทธิอำนาจ

โยบ.11:10 ถ้าพระองค์ทรงผ่านไป และทรงคุมขัง และทรงเรียกมาพิพากษา ใครจะขัดขวางพระองค์ได้

3. ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม

ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม ไม่มีใครหลอกพระองค์ได้

โยบ.11:11 เพราะพระองค์ทรงทราบคนไร้ค่า เมื่อพระองค์ทรงเห็นความบาปผิด พระองค์จะไม่ทรงพิจารณาหรือ

Surely he recognizes deceivers; and when he sees evil, does he not take note?

ผลการเป็นคนชอบธรรม ไม่ทำบาป :

โยบ.11:14-15

14 ถ้าความบาปชั่วอยู่ในมือของท่าน ทิ้งเสียให้ไกล และอย่าให้ความอธรรมอาศัยอยู่ในเต็นท์ของท่าน

15 แล้วแน่ละ ท่านจะเงยหน้าขึ้นโดยปราศจากตำหนิท่านจะปลอดภัย และไม่ต้องกลัว

then, free of fault, you will lift up your face; you will stand firm and without fear.

1. ปราศจากใจฟ้องผิด กล้าเผชิญหน้าความจริง 
2. มั่นคงปลอดภัย ทั้งยามตื่นยามหลับ
3. ไม่หวดกลัววิตกกังวล
4. ลืมความทุกข์ยากที่ผ่านมา ไม่วนเวียนในความทรงจำเลวร้าย

โยบ.11:16 ท่านจะลืมความทุกข์ยากของท่าน ท่านจะจดจำได้เหมือนน้ำที่ได้ไหลผ่านพ้นไป

5. ชีวิตสดใสรุ่งโรจน์เรื่อยไป

โยบ.11:17 แล้วชีวิตของท่านจะสุกใสยิ่งกว่าเวลาเที่ยงวันแม้จะมีความมืดก็จะเหมือนเวลาเช้า

Life will be brighter than noonday, and darkness will become like morning.

6. รู้สึกได้ว่าอนาคตมั่นคง มีความหวัง

โยบ.11:18 และท่านจะรู้สึกปลอดภัย เพราะมีความหวัง เออ ท่านจะตรวจตราดู และนอนพักอย่างปลอดภัย

You will be secure, because there is hope; you will look about you and take your rest in safety.

7. ให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของคนมากมาย

โยบ.11:19 ท่านจะนอนลง และไม่มีใครทำให้ท่านกลัว เออ คนเป็นอันมากจะมาวอนขอความช่วยเหลือจากท่าน

8. ไม่ต้องรับโทษในวันพิพากษา ได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไป 

คนอธรรมหนีไม่พ้นโทษของเขา ไม่มีใครช่วยได้ ความหวังคนอธรรมไม่สำเร็จ เป็นความหวังที่รอวันล้มเหลว ต้องผิดหวัง

โยบ.11:20 แต่ตาของคนอธรรมจะมืดมัว หนทางที่รอดพ้นจะอันตรธานไปจากเขา และความหวังของเขาก็คือ ความตายนั่นเอง"

But the eyes of the wicked will fail, and escape will elude them; their hope will become a dying gasp.”

ตรงข้ามกับคนอธรรม คนชอบธรรมมีอนาคตแน่นอน 

ได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไป เริ่มตั้งแต่วันนี้ที่เชื่อติดสนิทพระองค์ (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

สภษ.23:18 มีอนาคตแน่นอนทีเดียว และความหวังของเจ้าจะมิได้ถูกตัดออก

รม.5:1-2

1 เหตุฉะนั้น เมื่อเราได้เป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้วเราจึง {หรือ ให้เรา} มีสันติสุขในพระเจ้า ทางพระเยซูคริสตเจ้าของเรา

Therefore, since we have been justified through faith, we have peace with God through our Lord Jesus Christ,

2 โดยทางพระองค์เราจึงได้เข้าในร่มพระคุณที่เรายืนอยู่และเรา {หรือ ให้เรา} ชื่นชมยินดีในความไว้วางใจ ว่าจะได้มีส่วนในพระสิริของพระเจ้า

อฟ.2:12-17

12 จงระลึกว่า ครั้งนั้นท่านทั้งหลายเป็นคนอยู่นอกพระคริสต์ ขาดจากการเป็นพลเมืองอิสราเอล และไม่มีส่วนในบรรดาพันธสัญญาซึ่งทรงสัญญาไว้นั้น ไม่มีที่หวัง และอยู่ในโลกปราศจากพระเจ้า

13 แต่บัดนี้ในพระเยซูคริสต์ท่านทั้งหลายซึ่งเมื่อก่อนอยู่ไกล ได้เข้ามาใกล้โดยพระโลหิตของพระคริสต์

14 เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นสันติสุขของเรา เป็นผู้ทรงกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทรงรื้อกำแพงที่กั้นระหว่างสองฝ่ายลง

15 คือการเป็นปฏิปักษ์กัน โดยในเนื้อหนังของพระองค์ ได้ทรงให้ธรรมบัญญัติอันประกอบด้วยบทบัญญัติและกฎหมายต่างๆ นั้นเป็นโมฆะ เพื่อจะกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นคนใหม่คนเดียวในพระองค์ เช่นนั้นแหละ จึงทรงกระทำให้เกิดสันติสุข

16 และเพื่อจะทรงกระทำให้ทั้งสองพวกคืนดีกับพระเจ้า เป็นกายเดียวโดยกางเขน ซึ่งเป็นการทำให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อกันหมดสิ้นไป

17 และพระองค์ได้เสด็จมาประกาศสันติสุขแก่ท่านที่อยู่ไกล และประกาศสันติสุขแก่คนที่อยู่ใกล้

สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนิรันดร์คือความสมบูรณ์ ความบริบูรณ์

ข้อแนะนำเพิ่มเติม : 

1. เพราะพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่

คริสเตียนไม่เพียงเชื่อศรัทธาศาสดาเยซู  (ถ้าจะพูดอย่างนั้น) และพยายามยึดถือปฏิบัติคำสอนของท่านเท่านั้น ถ้าทำเท่านี้จะเป็นคริสเตียนที่นับถือศาสนาคริสต์ 

พระเจ้าพระเยซูทรงพระชนม์อยู่ คริสเตียนนมัสการพระองค์ที่รับฟังคำสรรเสริญ ตอบคำอธิษฐาน สามารถสัมผัสความรัก (อากาเป้) สันติสุขที่พระองค์มอบให้โดยตรง 

ในที่นี้นำเสนอบางข้อ ดังนี้

1.1 ทรงฟังและตอบคำอธิษฐาน

คริสเตียนแท้ทุกคนจะมีประสบการณ์การตอบคำอธิษฐานอย่างเจาะจง มักเป็นประสบการณ์สัมผัสพระเจ้าแรกๆ (รู้ว่าพระองค์มีจริง)

การอธิษฐานเป็นเรื่องที่ทำตลอดชีวิต หนึ่งในวิธีพัฒนาความใกล้ชิดผูกพันธ์ สัมผัสได้ว่าทรงพระชนม์อยู่

1.2 สัมผัสความรัก สันติสุข ได้กำลังจากพระองค์ 

พระเจ้าเป็นความรักเป็นสันติสุข ไม่แปลกหากผู้เชื่อสัมผัสสิ่งเหล่านี้ เช่นเดียวกับที่พระองค์โกรธ ตีสอนด้วยความรัก (ความรักไม่ใช่การตามใจ เป็นการช่วยให้เขาบริสุทธิ์)

คส.3:15 และจงให้สันติสุขของพระคริสต์ครองจิตใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านไว้ให้เป็นกายเดียวด้วย เพื่อสันติสุขนั้น และท่านจงมีใจกตัญญู

Let the peace of Christ rule in your hearts, since as members of one body you were called to peace. And be thankful.

1.3 ได้รับพระพรขณะอยู่ในโลก

ไม่แปลกที่คริสเตียนได้รับการอวยพร ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การงาน การเงิน สุขภาพ ครอบครัว เหล่านี้เป็นปัจจัยพื้นฐานการดำเนินชีวิต พระองค์รู้ว่าพวกเขาจำต้องมี จึงอวยพรให้มีมากพอ หรือบางครั้งเกินพอเพื่อแจกจ่าย เพื่อทำการงานที่ยิ่งใหญ่ถวายเกียรติพระเจ้า

มธ.6:25, 32-33

25 "เหตุฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ

32 เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้

33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้

1.4 ทรงนำชีวิต

ไม่ว่าผู้เชื่อจะเข้าใจหรือไม่ พระเจ้าควบคุมโลกและทรงนำชีวิตทุกคน เหตุนี้จึงไม่มีความบังเอิญ 

โยบ.9:24  แผ่นดินโลกนี้ทรงมอบไว้ในมือของคนอธรรม พระองค์ทรงปิดหน้าบรรดาผู้วินิจฉัยโลก ถ้าไม่ใช่พระองค์ แล้วใครเล่า

When a land falls into the hands of the wicked, he blindfolds its judges. If it is not he, then who is it?

โยบ.12:23-25

23 พระองค์ทรงกระทำประชาชาติให้ใหญ่โต และพระองค์ทรงทำลายเสีย พระองค์ทรงขยายบรรดาประชาชาติ และทรงนำเขาทั้งหลายไปเป็นเชลย

24 พระองค์ทรงนำความเข้าใจไปเสียจากหัวหน้าชาวโลก และทรงกระทำให้เขาพเนจรไปในถิ่นทุรกันดารซึ่งไม่มีหนทาง

25 เขาทั้งหลายคลำอยู่ในความมืด ปราศจากความสว่างและพระองค์ทรงทำให้เขาโซเซอย่างคนเมา

คริสเตียนสามารถขอการทรงนำอย่างเจาะจงและหวังให้ผู้เชื่อขอการทรงนำด้วย เป็นการที่คริสเตียนแสดงเจตจำนงขอดำเนินชีวิตตามแผนการณ์พระเจ้า เป็นประสบการณ์ที่คริสเตียนมีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระผู้ช่วย พระองค์จะเปิดเผยแผนการณ์

พระเยซูสอนสาวกหลายเรื่องรวมการไถ่ที่ไม้กางเขน ตอนแรกสาวกไม่เข้าใจทั้งหมด จึงทรงเอ่ยถึงวิญญาณบริสุทธิ์ว่าจะสอนให้เข้าใจทุกสิ่ง เข้าถึงแผนการณ์น้ำพระทัยที่ระองค์จะนำพวกเขาในอนาคต

ยน.15:26 แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว

1.4.1 จะทางกว้างหรือทางแคบพระองค์ทรงอยู่ด้วย

บางครั้งอาจเผชิญปัญหาอุปสรรค ไปต่อยาก สับสนไม่มั่นใจ แต่นี่แหละเป็นโอกาสที่ผู้เชื่อจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

1.4.2 ทรงนำชีวิตจนลมหายใจสุดท้าย 

คริสเตียนตระหนักว่าพระองค์ดูแลชีวิตตั้งแต่เกิดจนวันตาย สรรเสริญพระเจ้า

โยบ.1:21 ท่านว่า "ข้าพเจ้ามาจากครรภ์มารดาของข้าพเจ้าตัวเปล่า และข้าพเจ้าจะกลับไปตัวเปล่า พระเจ้าประทาน และพระเจ้าทรงเอาไปเสียสาธุการแด่พระนามพระเจ้า"

ตัวอย่าง พระเจ้าต่ออายุขัยเฮเซคียาห์

2พกษ.20:5-6

5 "จงกลับไปบอกเฮเซคียาห์เจ้านายแห่งประชากรของเราว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของเจ้า ตรัสดังนี้ว่า เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว เราได้เห็นน้ำตาของเจ้าแล้ว ดูเถิด เราจะรักษาเจ้าในวันที่สามเจ้าจะเข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้า

6 และเราจะเพิ่มชีวิตของเจ้าอีกสิบห้าปีเราจะช่วยกู้เจ้า และเมืองนี้จากมือของพระราชาแห่งอัสซีเรีย และป้องกันเมืองนี้ไว้ เพื่อเห็นแก่เราเอง และเพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา"

ทั้งหมดที่นำเสนอเกิดขึ้นเพราะพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่ เมื่อเป็นคริสเตียนระยะหนึ่ง (ยกเว้นพวกที่เป็นคริสเตียนแต่ปาก) ผู้นั้นจะตอบตัวเองได้ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่

คำถาม วันนี้ท่านมั่นใจหรือยังว่า “พระองค์ทรงพระชนม์อยู่”

2. “จงแสวงหาพระเจ้า”

การทรงฟังและตอบคำอธิษฐาน สัมผัสความรัก สันติสุข ได้กำลังจากพระองค์ ฯลฯ ดังกล่าวข้างต้นทั้งหมดเป็นเพราะพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่ เป็นหลักข้อเชื่อที่สำคัญยิ่งยวด ถ้าพระองค์ไม่ทรงมีอยู่จริง การเป็นคริสเตียนก็ไร้ค่า 

พระเจ้าต้องการให้ผู้เชื่อสัมผัสเข้าถึงการทรงพระชนม์อยู่ ให้หลักการพื้นฐานว่า “จงแสวงหาพระเจ้า”

2.1 ข้อสรุปคำสอนพระเจ้าตั้งแต่แรกเริ่ม 

ฉธบ.11:22 เพราะถ้าท่านระวังที่จะกระทำตามบัญญัติทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่าน คือรักพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ดำเนินในทางทั้งสิ้นของพระองค์ และติดสนิทอยู่กับพระองค์แล้ว

For if you are careful to observe this entire commandment I am giving you, loving the LORD, your God, following his ways exactly, and holding fast to him,

อธิบายขยายความ : ฉธบ.11:22 เริ่มต้นด้วยการพูดว่า “กระทำตามบัญญัติทั้งปวง” บัญญัติที่สอนผ่านโมเสสมีมากมายปรากฏในพระธรรมหมวดเบญจบรรณ ฉธบ.11:22 (โมเสส) สรุปคำสอนพระเจ้าตั้งแต่แรกเริ่ม (สรุปคำสอนในหมวดเบญจบรรณ) ไว้ 3 ข้อคือ 1) รักพระเจ้าของเจ้า 2) ดำเนินชีวิตตามแบบของพระองค์อย่างเที่ยงตรง 3) ติดสนิทกับพระองค์ ทั้งนี้ทั้ง 3 ข้อแยกจากกันไม่ได้ 

ทั้ง 3 ข้อแยกจากกันไม่ได้ (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

สังเกตว่าข้อสรุปคำสอนเรียงลำดับอย่างดี เริ่มจากเชื่อศรัทธาก่อน ตามมาด้วยดำเนินชีวิตตามคำสอน (พยายามดำเนินชีวิตบริสุทธิ์ชอบธรรม) ลงท้ายด้วยติดสนิทกับพระองค์ 

สังเกตอีกว่าไม่ใช่แค่ท่องจำปฏิบัติคำสอนแต่ต้องใกล้ชิดสนิทสนมพระเจ้าด้วย พระองค์ทรงพระชนม์อยู่และ “สั่ง” ใหทำเช่นนั้น (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

คริสเตียนบางคนเชื่อศรัทธาพระเจ้า พยายามยึดถือปฏิบัติคำสอน ทุ่มเทรับใช้ แต่ขาดใกล้ชิดติดสนิทกับพระองค์ พระเจ้าของเขาจึงเหมือนตายแล้ว 

บัญญัติ 10 ประการ 3 ข้อแรกพูดถึงความสัมพันธ์กับพระเจ้า ย้ำว่ามีพระเจ้าองค์เดียว นมัสการ ติดสนิทผูกพันกับพระเจ้าเท่านั้น

ฉธบ.5:6-10

6 "เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ได้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ออกจากแดนทาส

7 "อย่ามีพระเจ้าอื่นนอกเหนือจากเรา

8 "อย่าทำรูปเคารพสำหรับตนเป็นรูปสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือซึ่งมีอยู่ที่แผ่นดินเบื้องล่าง หรือซึ่งมีอยู่ในน้ำใต้แผ่นดิน

9 อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น ด้วยเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าหวงแหน ให้โทษบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้ที่ชังเรากระทั่งสามชั่วสี่ชั่วอายุ

10 แต่แสดงความรักมั่นคงต่อคนที่รักเราและปฏิบัติตามบัญญัติของเรากระทั่งพันชั่วอายุ

ยน.15:4-7 พระเยซูกล่าวย้ำเรื่องนี้อีก “จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน” 

4 จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้ นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น

5 เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย

6 ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยวแห้งไป และถูกเก็บเอาไปเผาไฟ

7 ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น

คนเข้าสนิทจะพบพระเจ้า สัมผัสพระองค์ เกิดผลมากมาย ตรงกันข้ามคือถูกทำลาย “ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง”

“ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง”

ใครมีหูจงฟัง

สดด.1:1-6

2.2 พันธสัญญาการอวยพรอันเนื่องจากการปฏิบัติตามข้อสรุปคำสอน

พระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติที่ต่อจากนี้ (ต่อจากฉธบ.11:22) เป็นพันธสัญญาการอวยพรอันเนื่องจากการปฏิบัติตามข้อสรุปคำสอน

ฉธบ.11:23-25

23 พระเจ้าจะทรงขับไล่บรรดาประชาชาติเหล่านี้ให้ออกไปพ้นหน้าท่านทั้งหลาย แล้วท่านจะเข้ายึดแผ่นดินของประชาชาติที่ใหญ่กว่าและมีกำลังมากกว่าท่าน

24 ฝ่าเท้าของท่านทั้งหลายจะเหยียบลงที่ใด ที่นั่นจะเป็นของท่าน อาณาเขตของท่านจะเริ่มจากถิ่นทุรกันดารไปจนถึงเลบานอน และจากแม่น้ำ คือแม่น้ำยูเฟรติสไปจนถึงทะเลตะวันตก

25 จะไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านท่านได้ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านจะทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายเป็นที่เกรงขามและตกใจกลัวของแผ่นดินที่ท่านทั้งหลายจะเหยียบย่ำไปตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับท่าน

ฉธบ.11:23-25 บรรยายพระพรอันเนื่องจากการปฏิบัติตามคำสอน สัมพันธ์กับบริบทของชนชาติอิสราเอลสมัยนั้น นั่นคือโมเสสนำพวกเขาเข้าคานาอัน เพื่อให้ชนชาติอิสราเอลอาศัยอยู่ที่นั่น เป็นนิมิตการทรงเรียกที่เจาะจงต่อชนชาติอิสราเอลสมัยนั้น

ผลของการทำครบทั้ง 3 ข้อคือบรรลุนิมิตการทรงเรียก (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

คำถามหลังคำสอน :

1) ตามความคิดท่าน การเป็นคนชอบธรรมไม่ทำบาป คุ้มค่าหรือไม่ จงอธิบาย

2) ท่านอยากใกล้ชิดติดสนิทพระเจ้ามากกว่าเดิมหรือไม่ อย่างไร

------------------