ควรทำอะไรแทนการคิดว่าทำไมเกิดมาจน

การใช้เวลาแสวงหาพระเจ้า ติดตามพระองค์ ก่อประโยชน์มหาศาล ดีกว่าการนั่งคิดเรื่องไร้สาระว่าทำไมเกิดมาจน เผชิญเหตุร้าย ฯลฯ

โยบ.35:1-7

1 เอลีฮูพูดต่อไปว่า

2 "ท่านคิดว่า นี่ยุติธรรมหรือ ท่านพูดหรือว่า "ความชอบธรรมของข้าพเจ้ายิ่งกว่าของพระเจ้า"

3 ที่ท่านถามว่า "ข้าพเจ้าจะได้ประโยชน์อะไร ข้าพเจ้าจะดีอะไรขึ้นกว่าข้าพเจ้าทำบาป"

4 ข้าพเจ้าจะตอบท่าน กับมิตรสหายของท่านด้วย

5 จงมองดูท้องฟ้าเถิด ดูเมฆซึ่งอยู่สูงกว่าท่าน

6 ถ้าท่านทำบาป ท่านจะได้อะไรที่กระทบกระเทือนพระองค์ ถ้าการทรยศของท่านทวีขึ้น ท่านทำอะไรแก่พระองค์

7 ถ้าท่านเป็นคนชอบธรรม ท่านถวายอะไรแก่พระองค์หรือพระองค์ทรงรับอะไรจากมือของท่าน

            บริบทตอนนี้ โยบผู้พยายามดำเนินชีวิตอย่างสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ กำลังเผชิญเหตุร้ายแรง สูญเสียลูกหลานทรัพย์สมบัติ และตัวเองเจ็บป่วยหนัก โยบที่พระเจ้าอวยพรมาตลอด สงสัยว่าทำไมจึงเกิดเหตุร้ายเช่นนี้กับตัวเอง ทุกข์ใจยิ่งนัก

โยบ.30:16-17

16 "บัดนี้จิตใจของข้าก็ละลายไปด้วยความเศร้าสลด วันแห่งความทุกข์ใจยึดตัวข้าไว้

17 กลางคืนกระดูกข้าผุไป และความเจ็บปวดที่แทะข้านั้นไม่หยุดพักเลย

โยบ.30:31 เพราะฉะนั้นเสียงพิณเขาคู่ของข้า กลายเป็นเสียงโหยไห้ และเสียงปี่ของข้ากลายเป็นเสียงของผู้ที่ร้องไห้

            เอลีฮูเป็นเพื่อนโยบคนที่ 4 อธิบายชี้แจงด้วยศาสนศาสตร์ตอกย้ำความเป็นพระเจ้าว่าทรงอยู่เหนือสรรพสิ่ง เหนือความบาปความดีของมนุษย์ ไม่ว่าคนจะทำบาปหรือทำดีล้วนไม่มีผลต่อพระองค์ ทรงเป็นพระเจ้าเป็นนิจไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องไร้สาระที่ใครคนหนึ่งจะกล่าวหากล่าวโทษพระองค์ (โยบ.35:2-3) เพราะไม่มีผลใดๆ ต่อพระเจ้าแต่อาจมีผลต่อผู้กล่าวโทษพระองค์

            การที่พระเจ้าอยู่เหนือความบาปความดีของมนุษย์เป็นหลักฐานหนึ่งบ่งชี้ว่าทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ ที่แม้กระทั่งความบาปความดีใดๆ หรือโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ล้วนไม่มีผล ไม่ส่งผลต่อพระองค์ได้เลย ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลงนิรันดร์

          อธิบายขยายความ: ดังที่ได้อธิบายแล้วว่าเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ถ้าใครหนึ่งคนคิดว่าพระเจ้าไม่ยุติธรรม ไม่เสมอภาค เช่น เกิดมาจน ตัวเตี้ย ผอมเกิน เจ็บป่วยรุนแรง เผชิญเหตุร้าย ฯลฯ เหล่านี้มนุษย์กำลังพิจารณาตัดสินด้วยความคิดตัวเอง ตามมาตรฐานโลก (ไม่ใช่มาตรฐานพระเจ้า) สิ่งที่ผู้เชื่อควรทำคือดำเนินชีวิตด้วยความเชื่ออย่างสัตย์ซื่อ เที่ยงตรงต่อพระเจ้า นี่คือสิ่งดีที่สุดที่มนุษย์ทำได้ (แม้ไม่เข้าใจว่าทำไมเกิดมาจน เผชิญเหตุร้าย ฯลฯ) ดีกว่ากล่าวโทษพระเจ้า (ไม่ว่าจะด้วยเรื่องใดๆ ก็ตาม) เพราะการกล่าวโทษกล่าวหาใดๆ ไม่มีผลต่อพระองค์เลย เป็นการเสียเวลา ไร้สาระ หาประโยชน์อันใดมิได้ ทั้งอาจเป็นผลเสียต่อผู้พูด

            หรือบางคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องเจ็บป่วยและเสียชีวิต พาลกล่าวโทษพระเจ้าว่าทรงทำให้ทุกข์ทรมาน บางคนคิดไกลถึงขั้นว่าทรงพอพระทัยที่เห็นมนุษย์เจ็บปวด ฯลฯ ข้อนี้ไร้สาระเช่นกัน ไม่ว่ามนุษย์จะเข้าใจหรือไม่ พระองค์ยังทรงเป็นพระเจ้าผู้ครอบครองสรรพสิ่งอยู่ดี ทรงสิทธิอำนาจสูงสุดไม่เปลี่ยนแปลง

            ผู้มีปัญญาจะไม่เสียเวลากับความคิดไร้สาระ แต่จงแสวงพระเจ้า เรียนรู้จักพระองค์ พยายามพัฒนาความเชื่อ ดำเนินชีวิตโดยมีพระองค์เคียงข้าง นั่นแหละดีที่สุด

สดด.23:4 แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์ คทาและธารพระกรของพระองค์เล้าโลมข้าพระองค์

Even though I walk through the darkest valley, I will fear no evil, for you are with me; your rod and your staff, they comfort me.

อสย.55:3 เอียงหูของเจ้า และมาหาเรา จงฟัง เพื่อจิตวิญญาณของเจ้าจะมีชีวิต และเราจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับเจ้า อนุสนธิ์ ความรักอันมั่นคงแน่นอนของเราต่อดาวิด

Give ear and come to me; listen, that you may live. I will make an everlasting covenant with you, my faithful love promised to David.

อสย.55:6 "จงแสวงหาพระเจ้า เมื่อจะพบพระองค์ได้ จงทูลพระองค์ ขณะพระองค์ทรงอยู่ใกล้

Seek the LORD while he may be found; call on him while he is near.

            การใช้เวลาแสวงหาพระเจ้า ติดตามพระองค์ ก่อประโยชน์มหาศาล ดีกว่าการนั่งคิดเรื่องไร้สาระว่าทำไมเกิดมาจน เผชิญเหตุร้าย ฯลฯ

            การแสวงหาพระเจ้าคือหลักการพื้นฐานที่พระเจ้าให้ไว้เพื่อมีชีวิตทรงพลัง

มธ.6:33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้

-----------------------