14/09/2567

Ep21 เลือกถูกชีวิตเปลี่ยนเลือกผิดพังแน่นอน

เพียงแค่ตัดสินใจเลือก ผลลัพธ์รออยู่แล้ว อย่าหลงเลย เลือกถูกชีวิตเปลี่ยน เลือกผิดพังแน่นอน ขอพระเจ้าเมตตาเถิด

โยบ.36:11-12

11 ถ้าเขาทั้งหลายเชื่อฟังและปรนนิบัติพระองค์ เขาจะอยู่ครบอายุของเขาด้วยความเจริญรุ่งเรือง และอยู่ครบปีของเขาด้วยความสุขใจ

If they obey and serve him, they will spend the rest of their days in prosperity and their years in contentment.

12 แต่ถ้าเขาทั้งหลายไม่เชื่อฟัง เขาทั้งหลายจะพินาศด้วยดาบ และตายโดยปราศจากความรู้

But if they do not listen, they will perish by the sword and die without knowledge.

            ไม่ว่าจะกลับใจเชื่อฟังหรือไม่ ทั้ง 2 ทางมีผลลัพธ์ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว

1. เลือกกลับใจ (11)

            พวกที่เลือกกลับใจ ติดตามปรนนิบัติพระองค์ (เชื่อฟังรับใช้พระเจ้า) พระองค์จะดูแลเขาทั้งชีวิต เป็นพระสัญญาที่มอบแก่คนของพระองค์

            “เขาจะอยู่ครบอายุของเขาด้วยความเจริญรุ่งเรือง และอยู่ครบปีของเขาด้วยความสุขใจ”

            โยบ.36:11พูดคล้ายโยบ.21:13

โยบ.21:13 ตลอดวันเวลาของเขา เขาก็เจริญ และเขาลงไปที่แดนคนตายในพริบตาเดียว

They spend their years in prosperity and go down to the grave in peace.

            รากศัพท์คำว่า “ความสุขใจ” หรือ “in contentment” (NIV) ในข้อ 11 คือ נָעִים  (อ่าน naw-eem') หมายถึง การพิพากษา ความสุขใจ ความชื่นใจ

            ใช้ในหลายที่ เช่น 

สภษ.22:18 เพราะถ้าเจ้ารักษาถ้อยคำและความรู้นั้นไว้ในตัวเจ้า และพร้อมที่จะพูดคำเหล่านั้นเสมอ มันจะเป็นความชื่นใจแก่เจ้า

            พระพรเหล่านี้เป็นพระสัญญา ผู้เชื่อทุกคนที่ปฏิบัติตามจะได้รับ

            สำคัญยิ่งกว่าความสุขทางกายกับใจคือความอิ่มเอมฝ่ายวิญญาณ วิญญาณจิตที่สัมผัสพระคุณความรักอย่างลึกซึ้ง ใกล้ชิดพระองค์

            ผู้ที่พบความอิ่มเอมฝ่ายวิญญาณ พระเจ้าทรงรักเขา พระองค์กับเขาผูกพันกัน

            คนที่ชีวิตเปลี่ยนจริงจะยิ่งสัมผัสพระเจ้ามากขึ้น


2. เลือกไม่เชื่อฟัง (12)

            ไม่เชื่อฟังคือไม่ฟังคำเตือน ไม่ขอกลับใจ ผลคือถูกทำลาย “พินาศด้วยดาบ”

            “พินาศด้วยดาบ” คือโดนทำลายด้วยสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อันตรายต่อชีวิต ไม่จำต้องเป็นหอกดาบเสมอไป

            คำว่า “ความรู้” ในวลี ตายโดยปราศจากความรู้หมายถึงความรู้ในทางพระเจ้า เขาไม่รู้หรือเข้าใจผิด หรือเข้าใจที่สมองแต่ไม่ลงลึกในวิญญาณจิต

          พึงตระหนักว่าการเป็นคริสเตียนไม่ใช่แค่ปากพูดว่าตัวเองเป็นคริสเตียน หรือคิดว่าตัวเองเชื่อพระเจ้า แต่ภายในไม่เปลี่ยนด้วยฤทธิ์พระคุณ

          เปลี่ยนด้วยฤทธิ์พระคุณ (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

            เป็นเหตุผลว่าทำไมบางคนเป็นคนดี มาโบสถ์ประจำ ถวายตัวรับใช้พระเจ้า อาจเป็นคริสเตียนที่นับถือศาสนาคริสต์ เป็นอีกรูปแบบของคริสเตียนผู้นับถือศาสนา

            ส่วนผู้ที่เปลี่ยนด้วยพระคุณความรักนั้น “ยิ่งเปลี่ยนยิ่งเข้าใจชีวิตใหม่” ยิ่งสัมผัสพระเจ้าลึกซึ้ง (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

            พระเจ้ากำหนดผลลัพธ์ไว้แล้ว

            เลือกถูกชีวิตเปลี่ยน เลือกผิดพังแน่นอน ขอพระเจ้าเมตตาเถิด

---------------------

02/09/2567

Ep20 มั่นใจได้อย่างไรว่าได้รับความรอด

การรับเชื่อและเชื่อว่าพระเยซูไถ่บาปเป็นเพียงจุดเริ่ม พระวิญญาณบริสุทธิ์จะให้ความมั่นใจว่าผู้นั้นได้รับความรอด วิญญาณบริสุทธิ์เป็นตราประทับ


            ความรอด ได้อยู่กับพระเจ้านิรันดร์ ไม่ต้องรับโทษในบึงไฟนรก เป็นเป้าหมายหลักของคริสเตียนทุกคน เป็นพระคุณความรักที่พระเยซูมอบให้ แต่เพียงการรับเชื่อ พูดด้วยปากว่าเชื่อพระเยซูทำเพียงเท่านี้แล้วจะได้รับความรอดแน่นอนแล้วใช่ไหม หลังเชื่อพระเจ้าแล้วจะทำตัวอย่างไรก็ได้ จะทำบาปเหมือนคนทั่วไปอย่างสบายใจได้ใช่ไหม เพราะคิดว่าพระเจ้าล้างบาปให้หมดสิ้นแล้ว  

รม.10:9-10

9 คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด

10 ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด

ทรงกำกับควบคุม-ให้คุณให้โทษ:

โยบ.36:30-31

30 ดูเถิด พระองค์ทรงกระจายฟ้าแลบออกไปรอบพระองค์และคลุมก้นของทะเล

31 เพราะพระองค์ทรงพิพากษาชนชาติทั้งหลายด้วยสิ่งนี้ พระองค์ประทานอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์

            พระธรรมโยบข้อนี้ย้ำพระเจ้าทรงพิพากษาชนชาติทั้งหลาย ทรงควบคุมกำกับ-ให้คุณให้โทษ

          อธิบายขยายความ: พระเจ้ามีแผนการที่ดีแก่มนุษย์ แต่เมื่ออาดัมเอวาทำบาปต้องรับผลของบาป ทุกคนอยู่ภายใต้กฎข้อนี้

            คริสเตียนผู้เชื่อทุกคนจะรับผลตามที่เขากระทำ หลายอย่างจะรับในขณะมีชีวิตอยู่ในโลก

            ใครหว่านสิ่งใดเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น (กท.6:7-8, สดด.62:11-12)

            มีข้อพระคัมภีร์มากมายที่พูดถึงผลของการเชื่อฟังกับไม่เชื่อฟัง ดังนั้นจึงไม่ใช่เชื่อพระเจ้าแล้วจะทำตัวอย่างไรก็ได้ เพราะต้องรับผลจากบาป ผลเสียขั้นสุดท้ายคือไม่ได้รับความรอด

ท้ายที่สุดอาจไม่ได้รับความรอด:

            คริสเตียนที่ไม่พยายามดำเนินชีวิตกับพระเจ้า ท้ายที่สุดอาจไม่ได้รับความรอด เพราะรักษาไว้ไม่ได้ ไม่ผ่านการทดสอบทดลอง (เคยผ่านมาแล้วหลายครั้ง ผ่านมาแล้วหลายปี แต่สุดท้ายจะมีครั้งหนึ่งที่ไม่ผ่านและอาจหลุดจากทางพระเจ้า)

สดด.11:4 พระเจ้าทรงสถิตในพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์พระที่นั่งของพระเจ้าอยู่บนฟ้าสวรรค์ พระเนตรของพระองค์มองและทดสอบลูกหลานของมนุษย์

            ความเข้าใจที่ถูกต้องคือแม้พระเยซูรักคนทั้งโลกปรารถนาให้ทุกคนได้รับความรอด แต่พระองค์ไม่เคยสัญญาว่าทุกคนจะได้รับความรอด

            คนไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้าชีวิตตกอยู่ในการทดลองและทำบาปอยู่เสมอ ความเชื่อความศรัทธาต่อพระเจ้าอาจลดน้อยถอยลง ท้ายที่สุด (ไม่ว่าจะกินเวลากี่เดือนกี่ปี) จะมีวันหนึ่งที่ต้องตัดสินใจว่าจะมีพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียวหรือไม่ (บางคนทิ้งทางพระเจ้าหลังเชื่อมาแล้ว 10 20 ปีก็มี)

            ดังนั้น จึงไม่ใช่แค่รับเชื่อพระเจ้าแล้วจะรอดแน่นอน การรับเชื่อเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ในพระคริสต์

            การใช้พระคัมภีร์ต้องใช้ทั้งเล่ม ไม่อ้างเพียงข้อใดข้อหนึ่ง คำสอนพระเจ้าคือทั้งเล่ม

            ผู้ที่เชื่อพระเจ้าหลายปีจะพบความจริงว่าพี่น้องคริสเตียนที่เชื่อพระเจ้าในช่วงเวลาใกล้เคียงเขานับวันจะเหลือน้อยลงทุกที คนเชื่อจริงสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าจริง และรักษาสภาพเช่นนี้ไว้ได้เท่านั้นที่จะผ่านการทดสอบทดลอง พระองค์แสวงหาคนเช่นนี้

พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นตราประทับ:

            คริสเตียนแท้จะได้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นตราประทับ เป็นมัดจำว่าคนนี้เป็นคนของพระเจ้าเที่ยงแท้

            อฟ.1:12-14 พูดถึงความรอด (12) กับผู้ “ได้รับการผนึกตราไว้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์” (13) เป็นมัดจำ (14)

อฟ.1:12-14

12 เราทั้งหลายผู้ได้หวังใจในพระคริสต์ก่อนได้รับกำหนด และรับการแต่งตั้งให้เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่พระสิริของพระองค์

in order that we, who were the first to put our hope in Christ, might be for the praise of his glory.

13 ในพระองค์นั้น ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ฟังสัจวาทะ คือข่าวประเสริฐเรื่องความรอดของท่าน และได้วางใจในพระองค์ ได้รับการผนึกตราไว้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์แห่งพระสัญญา

And you also were included in Christ when you heard the message of truth, the gospel of your salvation. When you believed, you were marked in him with a seal, the promised Holy Spirit,

14 เป็นมัดจำของการรับมรดกของเรา จนกว่าเราจะได้รับเป็นกรรมสิทธิ์ เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่พระสิริของพระองค์

who is a deposit guaranteeing our inheritance until the redemption of those who are God’s possession—to the praise of his glory.

            ตัวอย่าง เปาโลพูดถึงที่ท่านเป็นอัครทูต ได้รับสิทธิอำนาจจากพระเจ้า ผู้รับการเจิม มีพระวิญญาณสถิตอยู่ด้วย เป็นตราประทับและมัดจำ

2คร.1:21-22

21 ผู้ซึ่งทรงตั้งเรากับท่านทั้งหลายไว้ในพระคริสต์ และได้ทรงเจิมเราไว้นั้นก็คือพระเจ้า

22 และพระองค์ทรงประทับตราเรา และประทานพระวิญญาณไว้ในใจของเราเป็นมัดจำด้วย

            ผู้ใดเป็นคนของพระเจ้าผู้นั้นพระองค์ประทับตราไว้ ทรงสถิตกับเขา (พระวิญญาณสถิตอยู่)

            คริสเตียนที่ใกล้ชิดพระเจ้าจะมั่นใจในความรอด พวกเขาจะรู้ตัว พระองค์จะเปิดเผยและชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ

            คำถาม: วันนี้ท่านสัมผัสการทรงสถิตมากน้อยแค่ไหน มากขึ้นหรือลดลง

            คนที่มั่นใจในความรอดจะมั่นใจในพระเจ้า 

            ใครมีหูจงฟัง

---------------------

บทความแนะนำ

วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ (3) :มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง

การเป็นคริสเตียนคือกลับมาคืนดีกับพระเจ้า ความสัมพันธ์ที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง “ถ้าการสรรเสริญนมัสการไม่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง เช่นนั้นก็บาป...