11/10/2568

อาดัมมีรูปร่างหน้าตาเหมือนพระเจ้าหรือไม่

พระเจ้าให้ความสำคัญลักษณะชีวิตมากกว่ารูปร่างหน้าตา เพราะชีวิตนิรันดร์บริสุทธิ์ ปราศจากบาป ส่วนในโลกนี้ให้คริสเตียนเป็นตัวพระคริสต์ สำแดงพระสิริ

คำถามก่อนเรียน:

            1) ท่านเคยเห็นรูปภาพหรือรูปปั้นอาดัมเอวาหรือไม่ รูปที่เห็นมีหน้าตาอย่างไร

            2) ท่านคิดว่าหน้าตาอาดัมเอวาก่อนและหลังล้มในบาป เหมือนหรือต่างกันอย่างไร

 

            มีผู้ตั้งคำถามว่า อาดัมกับเอวามีใบหน้างดงามอย่างพระเจ้าหรือไม่ โดยอ้างอิงปฐก.1:27 "ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์" (his own image)

            คำตอบของคำถามนี้ นำสู่ความเข้าใจเรื่องสำคัญ สามารถไล่เลียงดังนี้ ...

1. ความหมายตามรากศัพท์

            พระเจ้าตั้งใจสร้างมนุษย์ (อาดัม) ให้เป็นอย่างที่เป็น “ตามพระฉายาของพระองค์” (his own image)

ปฐก.1:27 พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง

So God created mankind in his own image, in the image of God he created them; male and female he created them.

พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง (ฉบับปี 2011)

1คร.11:7 ผู้ชายไม่สมควรคลุมศีรษะเพราะว่าผู้ชายเป็นพระฉายาและพระรัศมีของพระเจ้า ส่วนผู้หญิงนั้นเป็นรัศมีของผู้ชาย

A man ought not to cover his head, since he is the image and glory of God; but woman is the glory of man.

            ทั้งปฐก.1:27 กับ1คร.11:7 ต่างระบุว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์ตามพระฉายาของพระองค์ ปฐก.1:27 เป็นภาษาฮีบรู ส่วน1คร.11:7เป็นภาษากรีก

           1) ความหมายตามรากศัพท์ภาษาฮีบรู

            รากศัพท์คำว่า “ฉายา” ใน ปฐก.1:27 คือ צֶלֶם (อ่านว่า tseh'-lem) หมายถึง ภาพ รูป พระฉายา (images, image) เหมือน คล้ายคลึง เป็นอย่าง (likenesses)

            คำนี้ใช้ในหลายที่ เช่น คำว่า “ฉายา” “รูป” ใน ปฐก.5:3 1ซมอ.6:11 อสค.7:20

ปฐก.5:3 เมื่ออาดัมอยู่มาได้ร้อยสามสิบปี จึงมีบุตรชายคนหนึ่งตามอย่างตามฉายาของเขาชื่อเสท

1ซมอ.6:11 และเขาก็วางหีบแห่งพระเจ้าไว้บนเกวียนพร้อมกับหีบหนูทองคำและรูปฝีของเขา

อสค.7:20 ความโอ่อ่าของสิ่งเหล่านั้น เขาใช้เพื่อเกียรติจอมปลอมเขาใช้สร้างรูปเคารพอันลามก และสิ่งน่าสะอิดสะเอียนของเขา เพราะฉะนั้นเราจะกระทำสิ่งเหล่านั้นให้เป็นสิ่งที่มลทินแก่เขา

            คำว่าฉายาถ้าใช้ในความหมาย “รูป” จะเหมือนในด้านรูปร่างหน้าตาเท่านั้น แต่เนื่องจากมนุษย์มีร่างกายจิตใจ (ไม่ใช่แค่รูปวาดหรือรูปปั้น) อาดัมจึงมีทั้งกายใจจิตตามอย่างพระองค์ ดังจะเห็นว่าอาดัมมีสติปัญญา เช่น สามารถตั้งชื่อสัตว์ต่างๆ มีอำนาจปกครอง ทรงประทานทั้งสติปัญญากับสิทธิอำนาจ และมีจิตวิญญาณอย่างพระเจ้า

            การที่พระเจ้าใส่จิตวิญญาณเข้าไปในมนุษย์ เป็นอีกส่วนที่ทำให้อาดัมเป็นสิ่งทรงสร้างตามพระฉายามากที่สุด

           2) ความหมายตามรากศัพท์ภาษากรีก

            รากศัพท์คำว่า “ฉายา” ใน 1คร.11:7 คือ εκών (อ่านว่า i-kone') หมายถึง ภาพเหมือนหรือรูปเหมือน (a likeness) รูปปั้นหรือภาพด้านข้าง (statue, profile) ตัวแทนหรือความคล้ายคลึง (representation, resemblance)

            รากศัพท์ภาษากรีกของคำว่า “ฉายา” ไม่ใช่ความเหมือนทางกายภาพเสมอไป อาจเหมือนหรือคล้ายทางด้านแนวคิดหรือลักษณะชีวิต ดังเช่นลูกเสือคล้ายพ่อเสือ (ลูกเสือคล้ายพ่อเสือทั้งรูปร่างหน้าตาและวิถีชีวิต)

            คำนี้ใช้ในหลายที่ เช่น คำว่า “รูป” ใน ลก.20:24 “รูปจำลอง” ในวว.13:14 “พระฉายหรือพระฉายา” ใน รม.8:29

ลก.20:24 "จงให้เราดูเงินตราเหรียญหนึ่งเถิด รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร" เขาทูลตอบว่า "ของซีซาร์"

วว.13:14 มันล่อลวงคนทั้งหลายที่อยู่ในโลกด้วยหมายสำคัญนั้น ซึ่งทรงยอมให้มันกระทำต่อหน้าสัตว์ร้ายตัวเดิมนั้น และมันสั่งให้คนทั้งหลายที่แผ่นดินโลก สร้างรูปจำลองให้แก่สัตว์ร้ายที่ถูกฟันด้วยดาบ แต่ยังไม่ตายนั้น

Because of the signs it was given power to perform on behalf of the first beast, it deceived the inhabitants of the earth. It ordered them to set up an image in honor of the beast who was wounded by the sword and yet lived.

            สรุป ตามรากศัพท์ฮีบรูกับกรีก คำว่า “ฉายา” หมายถึง ภาพเหมือน การมีรูปลักษณ์ภายนอก คุณสมบัติ แนวทางชีวิตตรงกันหรือคล้ายคลึงกัน เมื่อพูดถึงคนที่มีทั้งกายใจจิต พระเจ้าสร้างมนุษย์ (อาดัม) ตามแบบพระองค์ (เหมือนพระองค์) ดังเช่นลูกเสือกับพ่อเสือ ลูกเสือมีกริยาท่าทางและจิตใจตามอย่างพ่อ อีกทั้งมีจิตวิญญาณด้วย


(ตัวอย่างภาพอาดัมเอวาในจิตนาการ)

2. พระเจ้าเป็นพระวิญญาณ

            พระคัมภีร์สอนว่า พระเจ้าเป็นพระวิญญาณ (ไม่ใช่กายอย่างมนุษย์)

            พระเยซูตรัสในยน.4:24 พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ” (God is spirit)

ยน.4:24 พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง"

God is spirit, and his worshipers must worship in the Spirit and in truth.”

            รากศัพท์คำว่า “วิญญาณ” หรือ “spirit” ในยน.4:24 คือ πνεῦμα (อ่านว่า pnyoo'-mah) หรือ ‘pneuma-นิวมา’ เป็นภาษากรีก หมายถึง ลม (wind) ลมหายใจ (breath) วิญญาณหรือจิตวิญญาณ (spirit) และเล็งถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์

            2.1 พระเจ้าพระบิดาไม่มีรูปร่างหน้าตา

            การที่พระเจ้าเป็นพระวิญญาณจึงปราศจากสสาร (ไม่มีเนื้อหนัง อวัยวะ) ไม่มีรูปร่างหน้าตา

            อธิบายขยายความ: พระเจ้าพระวิญญาณไม่สามารถมองเห็นด้วยตา แสงไม่สามารถกระทบวิญญาณแล้วสะท้อนสู่ตาจนเห็นเป็นภาพ ส่วนภาพที่เห็นร่างวิญญาณในหนังสือหรือสื่อต่างๆ นั้น เป็นจินตนาการสร้างรูปวิญญาณเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น

            อย่างไรก็ตาม บางครั้งพระวิญญาณบริสุทธิ์สำแดงผ่านสัญลักษณ์ที่มนุษย์มองเห็นด้วยตา เช่น เห็นเป็นรูปนกพิราบกับเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้น

           1) นกพิราบ

มธ.3:16 ครั้นพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้ว ในทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และท้องฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ได้ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าดุจนกพิราบ ลงมาสถิตอยู่บนพระองค์

As soon as Jesus was baptized, he went up out of the water. At that moment heaven was opened, and he saw the Spirit of God descending like a dove and alighting on him.

            ขณะที่พระเยซูรับบัพติศมาพระองค์ได้ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าดุจนกพิราบพระคัมภีร์ไม่ได้ชี้ว่าพระวิญญาณเหมือนนกพิราบตัวหนึ่ง แต่ “สำแดงให้เห็นดุจ...” เพื่อให้เข้าถึง เข้าใจง่ายขึ้น

           2) เปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้น

            ก่อนพระเยซูเสด็จขึ้นสวรรค์ได้สั่งให้สาวกรอคอยพระผู้ช่วยที่จะเสด็จมา

กจ.1:8-9

8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก"

9 เมื่อพระองค์ตรัสเช่นนั้นแล้ว พระเจ้าก็ทรงรับพระองค์ขึ้นไปต่อหน้าต่อตาเขา และมีเมฆคลุมพระองค์ให้พ้นสายตาของเขา

            เมื่อถึงเทศกาลเพ็นเทคศเต พวกสาวกได้รวมตัวในห้อง และรับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์

กจ.2:1-3

1 เมื่อวันเทศกาลเพ็นเทคศเตมาถึง จำพวกศิษย์จึงรวมอยู่ในที่แห่งเดียวกัน

2 ในทันใดนั้นมีเสียงมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุกล้าสั่นก้องทั่วตึกที่เขานั่งอยู่นั้น

3 มีเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฏแก่เขากระจายอยู่บนเขาสิ้นทุกคน

They saw what seemed to be tongues of fire that separated and came to rest on each of them.

และพวกเขาเห็นบางสิ่งที่คล้ายเปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้นแผ่กระจายอยู่บนตัวพวกเขาทุกคน (ฉบับ 2011)

            ครั้งนั้นพระวิญญาณสำแดงเป็น “เปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้น/บางสิ่งที่คล้ายเปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้น” (what seemed to be tongues of fire) พระวิญญาณไม่ใช่เปลวไฟและไม่ใช่ลิ้น ทรงสำแดงให้เห็นเช่นนั้นเพื่อให้สาวกเข้าใจว่าพระวิญญาณสำแดงตน พวกเขาได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์

           2.2 สัมผัสพระเจ้าสัมผัสพระวิญญาณ

            ปัจจุบัน พระเจ้าประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เป็นพระผู้ช่วยแก่แต่ละคน คริสเตียนทุกคนสามารถสัมผัสพระเจ้า เชื่อมต่อสัมพันธ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพระองค์จะสำแดงให้เข้าใจเข้าถึงความจริง

            พระวิญญาณสถิตในเรา

1คร.3:16-17

16 ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในท่าน

17 ถ้าผู้ใดทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายผู้นั้น เพราะวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ และท่านทั้งหลายเป็นวิหารนั้น

            เราอยู่ในพระองค์และพระองค์ทรงสถิตอยู่ในเรา เพราะพระองค์ได้ทรงโปรดประทานพระวิญญาณของพระองค์เองแก่เรา”

1ยน.4:12-15

12 ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระเจ้า ถ้าเราทั้งหลายรักซึ่งกันและกัน พระเจ้าก็ทรงสถิตอยู่ในเราทั้งหลาย และความรักของพระองค์ก็สมบูรณ์อยู่ในเรา

13 ดังนี้แหละเราทั้งหลายจึงรู้ว่า เราอยู่ในพระองค์และพระองค์ทรงสถิตอยู่ในเรา เพราะพระองค์ได้ทรงโปรดประทานพระวิญญาณของพระองค์เองแก่เรา

14 และเราทั้งหลายได้เห็นและเป็นพยานว่า พระบิดาได้ทรงใช้พระบุตรมาเป็นผู้ช่วยมนุษย์โลกให้รอด

15 ผู้ใดยอมรับว่า พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าก็จะทรงสถิตอยู่ในคนนั้น และคนนั้นอยู่ในพระเจ้า

            พระองค์จะสำแดงให้เข้าใจความจริง

ยน.16:13 เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงจะเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ แต่พระองค์จะตรัส สิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน และพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นที่จะเกิดขึ้น

But when he, the Spirit of truth, comes, he will guide you into all the truth. He will not speak on his own; he will speak only what he hears, and he will tell you what is yet to come.

            “ที่จริงพระองค์มิทรงอยู่ห่างไกลจากเราทุกคนเลย”

กจ.17:26-28

26 พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์ทุกชาติ สืบสายโลหิตอันเดียวกันให้อยู่ทั่วพิภพโลก และได้ทรงกำหนดเวลาและเขตแดนให้เขาอยู่

27 เพื่อเขาจะได้แสวงหาพระเจ้าและมุ่งหวังจะคลำหาให้พบพระองค์ ที่จริงพระองค์มิทรงอยู่ห่างไกลจากเราทุกคนเลย

God did this so that they would seek him and perhaps reach out for him and find him, though he is not far from any one of us.

28 ด้วยว่า “เรามีชีวิต และไหวตัว และเป็นอยู่ในพระองค์” ตามที่กวีบางคนในพวกท่านได้กล่าวว่า “แท้จริงเราทั้งหลายเป็นเชื้อสายของพระองค์”

            คริสเตียนสามารถสัมผัสพระเจ้าหลากหลายรูปแบบ ขึ้นกับการสำแดง การรับรู้ การตีความสิ่งที่เกิดขึ้น

            ยกตัวอย่าง ผู้แต่งสดด.90:14 มีประสบการณ์อิ่มด้วยรักในยามเช้า

สดด.90:14 ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายอิ่มในเวลาเช้าด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้เปรมปรีดิ์และยินดีตลอดวันเวลาของข้าพระองค์

Satisfy us in the morning with your unfailing love, that we may sing for joy and be glad all our days.

            ผู้แต่งสดด.90:14 มีประสบการณ์อิ่มด้วยรักในยามเช้า จึงอธิษฐานทูลขออีก และรู้ว่าผลของการอิ่มด้วยรักทุกเช้าคือ “เปรมปรีดิ์และยินดี” ตลอดชีวิต การอิ่มด้วยรักคือการสัมผัสพระเจ้ารูปแบบหนึ่ง

            คำถาม: เช้านี้ท่านได้อิ่มด้วยความรักมั่นคงของพระองค์หรือยัง

               2.3 พระเยซูมีพระฉาย/พระฉายาอย่างพระเจ้า

            แต่แรกเริ่มพระเจ้ามีลักษณะเป็นพระวิญญาณ พระเยซูขณะสำแดงเป็นมนุษย์ มีพระฉาย/พระฉายาอย่างพระเจ้า

ยน.14:9 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "ฟีลิปเอ๋ย เราได้อยู่กับท่านนานถึงเพียงนี้และท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือ ผู้ที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา ท่านจะพูดได้อย่างไรอีกว่า "ขอสำแดงพระบิดาให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเห็น"

            การที่พระเยซูมีพระฉาย/พระฉายาอย่างพระเจ้า จึงเน้นความหมายเชิงพระลักษณะ สิทธิอำนาจ (ทรงเป็นพระเจ้า) ไม่เน้นความหมายเชิงหน้าตาหรือร่างกาย เพราะพระเจ้าพระบิดาไม่มีรูปร่างหน้าตา ชีวิตพระเยซูสะท้อนพระลักษณะ เช่น เปี่ยมด้วยความรักเมตตา ทรงสิทธิอำนาจ บริสุทธิ์ ชอบธรรม

3. อาดัมมีรูปร่างหน้าตาเหมือนพระเจ้าหรือไม่

            จากความเข้าใจข้างต้น การที่ "ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์" จึงเน้นหรือให้ความสำคัญเรื่องลักษณะชีวิต ทัศนคติ ค่านิยม สติปัญญาแบบพระเจ้า เช่น ยึดมั่นความบริสุทธิ์ชอบธรรม มีความรัก (อากาเป้) รู้จักบทบาทหน้าที่ (อาดัมดูแลสวน ปกครองโลก)

            ไม่เน้นความหมายด้านรูปร่างหน้าตา (อาดัมมีรูปร่างหน้าตา ส่วนพระเจ้าที่อยู่ในสวนเอเดนเป็นพระวิญญาณ ไม่มีรูปร่างหน้าตา)

            สรุป อาดัมตามพระฉายาหมายถึงมีลักษณะชีวิตเหมือนพระเจ้า พระคัมภีร์ไม่ให้ความสำคัญเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก พูดได้แต่ว่าอาดัมถูกสร้างขึ้นอย่างดี

4. คริสเตียนผู้สำแดงพระคริสต์

รม.8:28-29

28 เรารู้ว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์

29 เพราะว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่พระองค์ได้ทรงทราบอยู่แล้ว ผู้นั้นพระองค์ได้ทรงตั้งไว้ให้เป็นตามลักษณะพระฉาย แห่งพระบุตรของพระองค์ เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพวกพี่น้องเป็นอันมาก

For those God foreknew he also predestined to be conformed to the image of his Son, that he might be the firstborn among many brothers and sisters.

เพราะว่าทุกคนที่พระองค์ได้ทรงเลือกไว้แล้ว พระองค์ทรงกำหนดไว้ก่อนให้เป็นตามพระฉายาแห่งพระบุตรของพระองค์ เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพี่น้องจำนวนมาก (ฉบับปี 2011)

            อธิบายขยายความ: พระธรรมโรม 8 ตั้งใจสอนคริสเตียนว่า “เป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์” (รม.8:17)

รม.8:17 และถ้าเราทั้งหลายเป็นบุตรแล้ว เราก็เป็นทายาท คือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ เมื่อเราทั้งหลายทนทุกข์ทรมานด้วยกันกับพระองค์นั้น ก็เพื่อเราทั้งหลายจะได้ศักดิ์ศรีด้วยกันกับพระองค์ด้วย

          รม.8:29 อธิบายชัดว่าพระเจ้าตั้งใจสร้างคริสเตียน “ตามพระฉายาแห่งพระบุตร” ที่หมายถึงลักษณะชีวิตของพระเยซูมากกว่ารูปร่างหน้าตา

            คริสเตียนดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเยซูคริสต์ รับการเปลี่ยนแปลงเป็นเหมือนพระองค์ “เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพวกพี่น้องเป็นอันมาก” นี่คือความหมายของ “ตามลักษณะพระฉาย แห่งพระบุตรของพระองค์”

            คริสเตียนจึงต่างจากคนอิสราเอลที่เชื่อพระเจ้าและยึดถือพันธสัญญาเดิม แต่ดำเนินตามพันธสัญญาใหม่ เป็นคริสเตียนผู้สำแดงพระเยซูคริสต์

5. ประดับกายด้วยพระสิริ

            พระเจ้าให้ความสำคัญลักษณะชีวิต มากกว่าความสวยงามตามค่านิยมโลก

            ทรงต้องการให้ผู้เชื่อสำแดงพระสิริด้วยชีวิตที่เปลี่ยนเป็นเหมือนพระคริสต์ (รม.13:14ก)

รม.13:13-14

13 เราจงประพฤติตัวให้เหมาะสมกับเวลากลางวัน มิใช่เลี้ยงเสพสุราเมามาย มิใช่หยาบโลนลามก มิใช่วิวาทริษยากัน

14 แต่ท่านจงประดับกายด้วยพระเยซูคริสตเจ้า และอย่าจัดเตรียมอะไรไว้บำรุงบำเรอตัณหาของเนื้อหนัง

1ปต.3:3-4

3 การประดับกายของท่านนั้น อย่าให้เป็นการประดับภายนอก ด้วยการถักผม ประดับด้วยเครื่องทองคำและนุ่งห่มเสื้อผ้าสวยงาม

4 แต่จงให้เป็นการประดับภายในจิตใจ แต่งด้วยเครื่องประดับซึ่งไม่รู้เสื่อมสลาย คือด้วยจิตใจที่สงบและสุภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่งในสายพระเนตรพระเจ้า

            พระสิริของพระเจ้าจึงต่างจากชื่อเสียงเกียรติยศฝ่ายโลก การประดับกายของคนทั่วไป คริสเตียนสำแดงพระสิริด้วยชีวิตที่เปลี่ยนแปลงตามแบบพระคริสต์

6. กลับสู่ความไพบูลย์

            สำหรับผู้เชื่อทั้งหลาย พระเจ้าต้องการให้คริสเตียนเติบโตจนถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ คือกลับสู่สภาพสมบูรณ์นั่นเอง

อฟ.4:13-14

13 จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์

14 เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง

            มนุษย์คนบาปสูญเสียพระสิริ พระเจ้าต้องการให้ผู้เชื่อกลับสู่สภาพเดิม อันหมายถึงสู่ลักษณะชีวิตอย่างพระเจ้าอีกครั้ง (อฟ.4:13-14) เป็นผู้บริสุทธิ์ ปราศจากบาป

            ทรงย้ำเรื่องลักษณะชีวิตมากกว่ารูปร่างหน้าตา เพราะชีวิตนิรันดร์คือชีวิตบริสุทธิ์ ปราศจากบาป

            พระองค์บริสุทธิ์

------------------

คำถามหลังคำสอน:

            1) จำเป็นหรือไม่ หากจะแสดงภาพพระเจ้าที่มีรูปร่างหน้าตา ในเมื่อพระเจ้าเป็นพระวิญญาณ ไม่มีรูปร่างหน้าตา จงอภิปรายข้อดี-ข้อเสีย

            2) แบ่งปันวิธีที่ช่วยให้คริสเตียนสำแดงพระสิริมากขึ้น ให้คนทั้งหลายเห็นมากขึ้น  

------------------------

บทความแนะนำ

อาดัมมีรูปร่างหน้าตาเหมือนพระเจ้าหรือไม่

พระเจ้าให้ความสำคัญลักษณะชีวิตมากกว่ารูปร่างหน้าตา เพราะชีวิตนิรันดร์บริสุทธิ์ ปราศจากบาป ส่วนในโลกนี้ให้คริสเตียนเป็นตัวพระคริสต์ สำแดงพระส...