ความรอด
ได้อยู่กับพระเจ้านิรันดร์ ไม่ต้องรับโทษในบึงไฟนรก
เป็นเป้าหมายหลักของคริสเตียนทุกคน เป็นพระคุณความรักที่พระเยซูมอบให้
แต่เพียงการรับเชื่อ
พูดด้วยปากว่าเชื่อพระเยซูทำเพียงเท่านี้แล้วจะได้รับความรอดแน่นอนแล้วใช่ไหม หลังเชื่อพระเจ้าแล้วจะทำตัวอย่างไรก็ได้
จะทำบาปเหมือนคนทั่วไปอย่างสบายใจได้ใช่ไหม
เพราะคิดว่าพระเจ้าล้างบาปให้หมดสิ้นแล้ว
รม.10:9-10
9 คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า
พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า
พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด
10 ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม
และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด
ทรงกำกับควบคุม-ให้คุณให้โทษ:
โยบ.36:30-31
30 ดูเถิด
พระองค์ทรงกระจายฟ้าแลบออกไปรอบพระองค์และคลุมก้นของทะเล
31 เพราะพระองค์ทรงพิพากษาชนชาติทั้งหลายด้วยสิ่งนี้
พระองค์ประทานอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์
พระธรรมโยบข้อนี้ย้ำพระเจ้าทรงพิพากษาชนชาติทั้งหลาย
ทรงควบคุมกำกับ-ให้คุณให้โทษ
อธิบายขยายความ: พระเจ้ามีแผนการที่ดีแก่มนุษย์ แต่เมื่ออาดัมเอวาทำบาปต้องรับผลของบาป
ทุกคนอยู่ภายใต้กฎข้อนี้
คริสเตียนผู้เชื่อทุกคนจะรับผลตามที่เขากระทำ
หลายอย่างจะรับในขณะมีชีวิตอยู่ในโลก
ใครหว่านสิ่งใดเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น
(กท.6:7-8, สดด.62:11-12)
มีข้อพระคัมภีร์มากมายที่พูดถึงผลของการเชื่อฟังกับไม่เชื่อฟัง
ดังนั้นจึงไม่ใช่เชื่อพระเจ้าแล้วจะทำตัวอย่างไรก็ได้ เพราะต้องรับผลจากบาป
ผลเสียขั้นสุดท้ายคือไม่ได้รับความรอด
ท้ายที่สุดอาจไม่ได้รับความรอด:
คริสเตียนที่ไม่พยายามดำเนินชีวิตกับพระเจ้า
ท้ายที่สุดอาจไม่ได้รับความรอด เพราะรักษาไว้ไม่ได้
ไม่ผ่านการทดสอบทดลอง (เคยผ่านมาแล้วหลายครั้ง ผ่านมาแล้วหลายปี
แต่สุดท้ายจะมีครั้งหนึ่งที่ไม่ผ่านและอาจหลุดจากทางพระเจ้า)
สดด.11:4 พระเจ้าทรงสถิตในพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์พระที่นั่งของพระเจ้าอยู่บนฟ้าสวรรค์
พระเนตรของพระองค์มองและทดสอบลูกหลานของมนุษย์
ความเข้าใจที่ถูกต้องคือแม้พระเยซูรักคนทั้งโลกปรารถนาให้ทุกคนได้รับความรอด
แต่พระองค์ไม่เคยสัญญาว่าทุกคนจะได้รับความรอด
ดังนั้น จึงไม่ใช่แค่รับเชื่อพระเจ้าแล้วจะรอดแน่นอน
การรับเชื่อเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ในพระคริสต์
การใช้พระคัมภีร์ต้องใช้ทั้งเล่ม
ไม่อ้างเพียงข้อใดข้อหนึ่ง คำสอนพระเจ้าคือทั้งเล่ม
พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นตราประทับ:
คริสเตียนแท้จะได้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นตราประทับ
เป็นมัดจำว่าคนนี้เป็นคนของพระเจ้าเที่ยงแท้
อฟ.1:12-14
พูดถึงความรอด (12) กับผู้ “ได้รับการผนึกตราไว้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
(13) เป็นมัดจำ (14)
อฟ.1:12-14
12 เราทั้งหลายผู้ได้หวังใจในพระคริสต์ก่อนได้รับกำหนด
และรับการแต่งตั้งให้เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่พระสิริของพระองค์
in order that we, who were the first to put our hope in
Christ, might be for the praise of his glory.
13 ในพระองค์นั้น ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน
เมื่อท่านได้ฟังสัจวาทะ คือข่าวประเสริฐเรื่องความรอดของท่าน และได้วางใจในพระองค์
ได้รับการผนึกตราไว้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์แห่งพระสัญญา
And you also were included in Christ when you heard the
message of truth, the gospel of your salvation. When you believed, you were
marked in him with a seal, the promised Holy Spirit,
14 เป็นมัดจำของการรับมรดกของเรา
จนกว่าเราจะได้รับเป็นกรรมสิทธิ์ เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่พระสิริของพระองค์
who is a deposit guaranteeing our inheritance until the
redemption of those who are God’s possession—to the praise of his glory.
ตัวอย่าง เปาโลพูดถึงที่ท่านเป็นอัครทูต ได้รับสิทธิอำนาจจากพระเจ้า
ผู้รับการเจิม มีพระวิญญาณสถิตอยู่ด้วย เป็นตราประทับและมัดจำ
2คร.1:21-22
21 ผู้ซึ่งทรงตั้งเรากับท่านทั้งหลายไว้ในพระคริสต์
และได้ทรงเจิมเราไว้นั้นก็คือพระเจ้า
22 และพระองค์ทรงประทับตราเรา
และประทานพระวิญญาณไว้ในใจของเราเป็นมัดจำด้วย
ผู้ใดเป็นคนของพระเจ้าผู้นั้นพระองค์ประทับตราไว้ ทรงสถิตกับเขา
(พระวิญญาณสถิตอยู่)
คริสเตียนที่ใกล้ชิดพระเจ้าจะมั่นใจในความรอด
พวกเขาจะรู้ตัว พระองค์จะเปิดเผยและชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ
คำถาม:
วันนี้ท่านสัมผัสการทรงสถิตมากน้อยแค่ไหน มากขึ้นหรือลดลง
คนที่มั่นใจในความรอดจะมั่นใจในพระเจ้า
ใครมีหูจงฟัง
---------------------