Ep20 มั่นใจได้อย่างไรว่าได้รับความรอด

การรับเชื่อและเชื่อว่าพระเยซูไถ่บาปเป็นเพียงจุดเริ่ม พระวิญญาณบริสุทธิ์จะให้ความมั่นใจว่าผู้นั้นได้รับความรอด วิญญาณบริสุทธิ์เป็นตราประทับ


            ความรอด ได้อยู่กับพระเจ้านิรันดร์ ไม่ต้องรับโทษในบึงไฟนรก เป็นเป้าหมายหลักของคริสเตียนทุกคน เป็นพระคุณความรักที่พระเยซูมอบให้ แต่เพียงการรับเชื่อ พูดด้วยปากว่าเชื่อพระเยซูทำเพียงเท่านี้แล้วจะได้รับความรอดแน่นอนแล้วใช่ไหม หลังเชื่อพระเจ้าแล้วจะทำตัวอย่างไรก็ได้ จะทำบาปเหมือนคนทั่วไปอย่างสบายใจได้ใช่ไหม เพราะคิดว่าพระเจ้าล้างบาปให้หมดสิ้นแล้ว  

รม.10:9-10

9 คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด

10 ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด

ทรงกำกับควบคุม-ให้คุณให้โทษ:

โยบ.36:30-31

30 ดูเถิด พระองค์ทรงกระจายฟ้าแลบออกไปรอบพระองค์และคลุมก้นของทะเล

31 เพราะพระองค์ทรงพิพากษาชนชาติทั้งหลายด้วยสิ่งนี้ พระองค์ประทานอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์

            พระธรรมโยบข้อนี้ย้ำพระเจ้าทรงพิพากษาชนชาติทั้งหลาย ทรงควบคุมกำกับ-ให้คุณให้โทษ

          อธิบายขยายความ: พระเจ้ามีแผนการที่ดีแก่มนุษย์ แต่เมื่ออาดัมเอวาทำบาปต้องรับผลของบาป ทุกคนอยู่ภายใต้กฎข้อนี้

            คริสเตียนผู้เชื่อทุกคนจะรับผลตามที่เขากระทำ หลายอย่างจะรับในขณะมีชีวิตอยู่ในโลก

            ใครหว่านสิ่งใดเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น (กท.6:7-8, สดด.62:11-12)

            มีข้อพระคัมภีร์มากมายที่พูดถึงผลของการเชื่อฟังกับไม่เชื่อฟัง ดังนั้นจึงไม่ใช่เชื่อพระเจ้าแล้วจะทำตัวอย่างไรก็ได้ เพราะต้องรับผลจากบาป ผลเสียขั้นสุดท้ายคือไม่ได้รับความรอด

ท้ายที่สุดอาจไม่ได้รับความรอด:

            คริสเตียนที่ไม่พยายามดำเนินชีวิตกับพระเจ้า ท้ายที่สุดอาจไม่ได้รับความรอด เพราะรักษาไว้ไม่ได้ ไม่ผ่านการทดสอบทดลอง (เคยผ่านมาแล้วหลายครั้ง ผ่านมาแล้วหลายปี แต่สุดท้ายจะมีครั้งหนึ่งที่ไม่ผ่านและอาจหลุดจากทางพระเจ้า)

สดด.11:4 พระเจ้าทรงสถิตในพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์พระที่นั่งของพระเจ้าอยู่บนฟ้าสวรรค์ พระเนตรของพระองค์มองและทดสอบลูกหลานของมนุษย์

            ความเข้าใจที่ถูกต้องคือแม้พระเยซูรักคนทั้งโลกปรารถนาให้ทุกคนได้รับความรอด แต่พระองค์ไม่เคยสัญญาว่าทุกคนจะได้รับความรอด

            คนไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้าชีวิตตกอยู่ในการทดลองและทำบาปอยู่เสมอ ความเชื่อความศรัทธาต่อพระเจ้าอาจลดน้อยถอยลง ท้ายที่สุด (ไม่ว่าจะกินเวลากี่เดือนกี่ปี) จะมีวันหนึ่งที่ต้องตัดสินใจว่าจะมีพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียวหรือไม่ (บางคนทิ้งทางพระเจ้าหลังเชื่อมาแล้ว 10 20 ปีก็มี)

            ดังนั้น จึงไม่ใช่แค่รับเชื่อพระเจ้าแล้วจะรอดแน่นอน การรับเชื่อเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ในพระคริสต์

            การใช้พระคัมภีร์ต้องใช้ทั้งเล่ม ไม่อ้างเพียงข้อใดข้อหนึ่ง คำสอนพระเจ้าคือทั้งเล่ม

            ผู้ที่เชื่อพระเจ้าหลายปีจะพบความจริงว่าพี่น้องคริสเตียนที่เชื่อพระเจ้าในช่วงเวลาใกล้เคียงเขานับวันจะเหลือน้อยลงทุกที คนเชื่อจริงสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าจริง และรักษาสภาพเช่นนี้ไว้ได้เท่านั้นที่จะผ่านการทดสอบทดลอง พระองค์แสวงหาคนเช่นนี้

พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นตราประทับ:

            คริสเตียนแท้จะได้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นตราประทับ เป็นมัดจำว่าคนนี้เป็นคนของพระเจ้าเที่ยงแท้

            อฟ.1:12-14 พูดถึงความรอด (12) กับผู้ “ได้รับการผนึกตราไว้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์” (13) เป็นมัดจำ (14)

อฟ.1:12-14

12 เราทั้งหลายผู้ได้หวังใจในพระคริสต์ก่อนได้รับกำหนด และรับการแต่งตั้งให้เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่พระสิริของพระองค์

in order that we, who were the first to put our hope in Christ, might be for the praise of his glory.

13 ในพระองค์นั้น ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ฟังสัจวาทะ คือข่าวประเสริฐเรื่องความรอดของท่าน และได้วางใจในพระองค์ ได้รับการผนึกตราไว้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์แห่งพระสัญญา

And you also were included in Christ when you heard the message of truth, the gospel of your salvation. When you believed, you were marked in him with a seal, the promised Holy Spirit,

14 เป็นมัดจำของการรับมรดกของเรา จนกว่าเราจะได้รับเป็นกรรมสิทธิ์ เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่พระสิริของพระองค์

who is a deposit guaranteeing our inheritance until the redemption of those who are God’s possession—to the praise of his glory.

            ตัวอย่าง เปาโลพูดถึงที่ท่านเป็นอัครทูต ได้รับสิทธิอำนาจจากพระเจ้า ผู้รับการเจิม มีพระวิญญาณสถิตอยู่ด้วย เป็นตราประทับและมัดจำ

2คร.1:21-22

21 ผู้ซึ่งทรงตั้งเรากับท่านทั้งหลายไว้ในพระคริสต์ และได้ทรงเจิมเราไว้นั้นก็คือพระเจ้า

22 และพระองค์ทรงประทับตราเรา และประทานพระวิญญาณไว้ในใจของเราเป็นมัดจำด้วย

            ผู้ใดเป็นคนของพระเจ้าผู้นั้นพระองค์ประทับตราไว้ ทรงสถิตกับเขา (พระวิญญาณสถิตอยู่)

            คริสเตียนที่ใกล้ชิดพระเจ้าจะมั่นใจในความรอด พวกเขาจะรู้ตัว พระองค์จะเปิดเผยและชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ

            คำถาม: วันนี้ท่านสัมผัสการทรงสถิตมากน้อยแค่ไหน มากขึ้นหรือลดลง

            คนที่มั่นใจในความรอดจะมั่นใจในพระเจ้า 

            ใครมีหูจงฟัง

---------------------