23/08/2566

Ep7 ผู้ถูกสร้างโต้แย้งพระผู้สร้างได้หรือ

ผู้เชื่อที่ยินดีดำเนินตามทางพระเจ้า ตามพระประสงค์จะเกิดผลมาก มีชีวิตที่ทรงพลัง อีกทางคือต่อสู้ดื้อดึงกับพระองค์ต่อไป แต่เขาจะชนะพระผู้สร้างเขาขึ้นมาได้หรือ

ที่ผ่านมาโยบพูดย้ำหลายรอบว่าเขาไม่ได้รับความยุติธรรม (ที่ต้องสูญเสียสิ่งต่างๆ ต้องทนทุกข์สาหัสทั้งร่างกายจิตใจ ทั้งๆ ที่เขาดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม ไม่คิดว่าตนทำบาป) อยากได้คำชี้แจงจากพระเจ้า เอลีฮูตอบด้วยหลักศาสนศาสตร์ว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่ามนุษย์ ไม่มีใครสามารถโต้แย้งพระองค์ 

โยบ.33:12-13 

12 "ดูเถิด ในเรื่องนี้ท่านไม่ยุติธรรมเลย ข้าพเจ้าจะตอบท่าน พระเจ้าใหญ่ยิ่งกว่ามนุษย์

“But I tell you, in this you are not right, for God is greater than any mortal.

13 ทำไมท่านจึงโต้แย้งกับพระองค์ ว่า "พระองค์จะไม่ทรงตอบถ้อยคำของเขาเลย"

มนุษย์คิดเองว่าเขาดี เขาถูก เขายิ่งใหญ่ เป็นความคิดของคนบาป ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง จริงๆ แล้วเขาเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ต้องตาย เป็นอีกคนในหลายพันหลายหมื่นล้านคนที่เกิดและต้องตาย พระเจ้านี่แหละกำหนดให้เป็นเช่นนั้น (ข้อ 12 ดู NIV- any mortal มนุษย์คือสิ่งที่ต้องตาย)

อธิบายขยายความ : ผู้สร้างย่อมมีอำนาจเหนือผู้ถูกสร้าง ผู้สร้างเป็นผู้กำหนด ผู้ถูกสร้างได้แค่ดำเนินตามที่กำหนด เปรียบเหมือนช่างปั้นผู้ปั้นภาชนะแต่ละชิ้นให้มีลักษณะตามที่ช่างปั้นต้องการ เกิดเป็นภาชนะที่แตกต่าง ใหญ่เล็กสวยงามแตกต่าง ประโยชน์ใช้สอยแตกต่าง ตั้งวางในสถานที่แตกต่าง

อสย.64:8 ข้าแต่พระเจ้า แต่พระองค์ยังทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นดินเหนียว และพระองค์ทรงเป็นช่างปั้น ข้าพระองค์ทุกคนเป็นผลพระหัตถกิจของพระองค์

พระเจ้าสร้างแต่ละคนให้แตกต่าง ให้เป็นอย่างที่เป็น ใครจะโต้แย้งพระองค์ได้ สิ่งที่มนุษย์ทำได้คือสร้างตัว (ชำระตัว) ให้เหมาะแก่การใช้งานตามที่ผู้สร้างต้องการ

2ทธ.2:20-21

20 ในบ้านใหญ่หลังหนึ่งๆ มิได้มีแต่ภาชนะทองและเงินเท่านั้น แต่มีภาชนะไม้และภาชนะดินด้วย บ้างก็เพื่อศิลปะ และบ้างก็สามัญ

21 ถ้าผู้ใดชำระตัวให้พ้นจากสิ่งที่ไม่มีค่า เขาก็จะเป็นภาชนะที่มีค่า ซึ่งชำระให้บริสุทธิ์แล้ว เหมาะที่เจ้าของเรือนจะใช้ให้เป็นประโยชน์ พร้อมกับการดีทุกอย่าง

รม.9:20-23

20 แต่ว่าท่านคือใคร คือมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นเอง ท่านจะโต้ตอบกับพระเจ้าได้อย่างไร สิ่งซึ่งถูกปั้นจะกล่าวแก่ผู้ปั้นได้หรือว่า "ทำไมท่านจึงปั้นข้าพเจ้าอย่างนี้"

21 ส่วนช่างปั้นหม้อ ไม่มีสิทธิที่จะเอาดินก้อนเดียวกัน มาปั้นเป็นภาชนะที่สวยงามอันหนึ่ง และภาชนะใช้สอยอันหนึ่งหรือ

22 แล้วถ้าโดยทรงประสงค์จะสำแดงการลงพระอาชญา และทรงให้ฤทธิ์เดชของพระองค์ปรากฏ พระเจ้าได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ช้านานต่อผู้เหล่านั้น ที่เป็นภาชนะอันสมควรแก่พระอาชญา ซึ่งเตรียมไว้สำหรับความพินาศ

23 เพื่อจะได้ทรงสำแดงพระสิริอันอุดมของพระองค์ แก่บรรดาผู้ที่เป็นภาชนะแห่งพระเมตตา ซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมไว้ก่อนให้สมกับศักดิ์ศรี

พระเจ้าเป็นเจ้าชีวิตตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้กำหนดวันเกิดวันตายของมนุษย์ 

สิ่งที่ต้องตายจะโต้แย้งหรือสู้กับพระผู้สร้างได้หรือ โยบจึงผิดตั้งแต่ต้นที่คิดสู้คดีกับพระองค์ (โยบคิดว่าตนไม่ผิด เหตุร้ายที่เกิดกับตนมาจากความผิดพลาดบางอย่าง ขอให้พระเจ้าพิจารณา) เป็นความคิดไร้สาระตั้งแต่ต้นที่ผู้ถูกสร้างกล่าวโทษหรือสงสัยผู้สร้างเขาขึ้นมา เพราะทำไม่ได้และเป็นไปไม่ได้เลย

พระธรรมโยบบทที่ 33 ได้นำเสนอศาสนศาสตร์เรื่องพระเจ้า ความสัมพันธ์พื้นฐานระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ ผ่านการถกเถียงใช้ตรรกะและลงเอยว่าพระองค์คือพระผู้สร้าง ทรงสิทธิอำนาจสูงสุด มนุษย์ทุกคนอยู่ใต้อำนาจพระองค์ไม่ว่าเขายินดีหรือไม่ ยอมรับหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นกับน้ำพระทัยพระองค์ นี่คือพระเจ้าผู้ทรงสิทธิอำนาจสูงสุดเหนือสรรพสิ่ง

ผู้เชื่อที่ยินดีดำเนินตามทางพระเจ้า ตามพระประสงค์จะเกิดผลมาก มีชีวิตที่ทรงพลัง อีกทางคือต่อสู้ดื้อดึงกับพระองค์ต่อไป แต่เขาจะชนะพระผู้สร้างเขาขึ้นมาได้หรือ

ขอพระองค์เมตตาด้วยเถิด

-------------------------


14/08/2566

Ep6 ทำมาหากินด้วยความชอบธรรม

การทำงานหาเลี้ยงชีพเป็นพื้นฐานชีวิตทุกคน ขอเพียงทำงานสุจริต ไม่ทำบาป พระเจ้าจะอวยพรให้คริสเตียนมีมากเกินพอ

            คริสเตียนบางคนเมื่อพูดถึงการเป็นคนชอบธรรมจะนึกถึงการประกาศข่าวประเสริฐ การสร้างสาวก การรับใช้พระเจ้าในคริสตจักร ความจริงแล้วการทำงานสุจริต การทำงานใดๆ อย่างสุจริตเป็นพื้นฐานชีวิตบริสุทธิ์ชอบธรรมของคริสเตียนทุกคน

โยบ. 31:38-40

38 "ถ้าที่ดินของข้าร้องกล่าวโทษข้า และร่องไถในนั้นร้องไห้ด้วยกัน

39 ถ้าข้ากินผลิตผลของมันด้วยมิได้เสียเงิน และกระทำให้เจ้าของที่ดินเดิมนั้นเสียชีวิต

40 ก็ขอให้มีต้นกระชับงอกแทนข้าวสาลี และหญ้าสาบแร้งแทนข้าวบารลี" จบถ้อยคำของโยบ

            โยบ. 31:38-40 พูดถึงการทำเกษตร การทำงานเลี้ยงชีพในฐานะเกษตรกรด้วยความยุติธรรม ด้วยความชอบธรรม ไม่โกงใคร ไม่มีสิ่งใดสามารถฟ้องร้องกล่าวโทษท่านได้

            การทำงานหาเลี้ยงชีพเป็นงานที่ทุกคนต้องทำ เป็นพื้นฐานชีวิตทุกคน โยบในข้อสุดท้ายของบทนี้จบลงด้วยการพูดเรื่องนี้อย่างรวบย่อว่าท่านทำอย่างถูกต้องชอบธรรม ยินดีให้ทุกคนหรือสิ่งใดกล่าวโทษและยินดีรับโทษจากพระเจ้าหากท่านทำผิด

            การที่ท่านเป็นคนมั่งมี ชื่อเสียงเลื่องลือจึงตั้งอยู่บนความชอบธรรมของพระเจ้า ไม่ได้กระทำผิดบาปเลย เป็นหลักพื้นฐานที่โยบยึดถือตลอดเวลา

            อธิบายขยายความ : คนที่ยึดถือความบริสุทธิ์ชอบธรรมแท้จะยึดถือสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่อยากทำบาป ไม่อยากทำผิดใดๆ เลย ตระหนักว่าพระเจ้าทรงเฝ้ามอง เขาจะต้องรับผลดีหรือผลเสียจากความคิดการกระทำของตน ไม่มีเรื่องใดรอดพ้นสายพระเนตร (ข้อ 40) และด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้รับการอวยพรมากมาย

ฉธบ.28:1-5

1 "ถ้าท่านทั้งหลายเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน และระวังที่จะกระทำตามพระบัญญัติของพระองค์ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านจะทรงตั้งท่านไว้ให้สูงกว่าบรรดาประชาชาติทั้งหลายทั่วโลก

2 พระพรเหล่านี้จะตามมาทันท่าน ถ้าท่านทั้งหลายฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน

3 ท่านทั้งหลายจะรับพระพรในเมือง ท่านทั้งหลายจะรับพระพรในทุ่งนา

4 พงศ์พันธุ์ของตัวท่านเอง ผลแห่งพื้นดินของท่านและพันธุ์แห่งสัตว์ของท่านจะรับพระพร คือฝูงวัวของท่านที่เพิ่มขึ้น ฝูงแกะของท่านที่เพิ่มลูกขึ้น

5 กระจาดของท่าน และรางนวดแป้งของท่านจะรับพระพร

            พระพรที่เอ่ยถึงในฉธบ.28:1-5 คือพระพรที่ได้รับขณะอยู่ในโลกนี้

            น้ำพระทัยคืออวยพรคริสเตียนที่ทำงานสุจริต ไม่ทำบาป เขาจะมีมากเกินพอ

อฟ.4:28 คนที่เคยขโมยก็อย่าขโมยอีก แต่จงใช้มือทำงานที่ดีดีกว่า เพื่อจะได้มีอะไรๆ แจกให้แก่คนที่ขัดสน

Anyone who has been stealing must steal no longer, but must work, doing something useful with their own hands, that they may have something to share with those in need.

            สรุป แค่ทำงานสุจริต ทำอย่างสุจริต ไม่คดโกง ไม่เอารัดเอาเปรียบ แค่นี้จะได้พระพรมากมาย ใครหว่านสิ่งใดย่อมเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น พระเจ้ายุติธรรม เขาจะมีสันติสุข กินอิ่มนอนหลับ พระเจ้าคอยปกป้องให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง

กท.6:7-8

7 อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น

8 ผู้ที่หว่านในย่านเนื้อหนังของตน ก็จะเกี่ยวเก็บความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่ผู้ที่หว่านในย่านพระวิญญาณ ก็จะเกี่ยวเก็บชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น

-----------------------

05/08/2566

Ep5 พ้นทุกข์ด้วยการช่วยผู้อื่นให้เป็นสุข

             คนมากมายกำลังทุกข์ยาก มีสารพัดปัญหาให้ขบคิด จิตใจว้าวุ่นไม่เป็นสุข มองไปทางไหนมีแต่ปัญหา ที่ผ่านมาพยายามหาทางออกแล้วแต่ยังไม่พบทางแก้ที่ดี ยังแก้ไม่ได้จริง บางครั้งการแก้ปัญหาหนึ่งกลับเป็นต้นเหตุให้เกิดอีกปัญหา วนเวียนอยู่อย่างนี้

โยบ. 31:16-23

โยบ. 31:16-17

16 "ถ้าข้าได้หน่วงเหนี่ยวสิ่งใดๆที่คนยากจนอยากได้ หรือได้กระทำให้นัยน์ตาของหญิงม่ายมองเสียเปล่า

17 หรือข้ารับประทานอาหารของข้าแต่ลำพัง และคนกำพร้าไม่ได้ร่วมรับประทานอาหารนั้นด้วย

            พระคัมภีร์ตอนนี้ให้ความสำคัญกลุ่มคนด้อยโอกาส เช่น คนยากจน หญิงม่าย ขอทาน (ชายขัดสนไม่มีผ้าคลุมกาย) คนกำพร้า

            คนมักมีความต้องการ คิดว่ามีไม่พอ อยากได้อีก (ทั้งๆ ที่มีเพียงพอแล้ว) พระธรรมตอนนี้สอนให้มุ่งช่วยเหลือคนด้อยโอกาส คนขาดแคลนจริงๆ ช่วยเหลือตรงจุดที่ขาดแคลน

            คนบาปสนใจแต่ผลประโยชน์ตนเอง ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองถึงขั้นทำร้ายบีบบังคับผู้อื่น แต่พระเจ้าสอนให้ทำตรงข้าม คือรักตัวเองเพื่อผู้อื่น ยิ่งรักตัวเองมากยิ่งต้องทำประโยชน์แก่คนอื่นมาก

            “พระเจ้าสอนให้รักตัวเองเพื่อผู้อื่น” (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

            การทำเช่นนี้คือการละทิ้งบาปอยู่ในวิถีคนชอบธรรม กำลังยึดคำสอน เป็นรูปธรรมของคนที่ติดตามพระเจ้า รักษาความบริสุทธิ์

            ถ้าอยากจะทิ้งบาป ไม่อยากทำบาปแก้ด้วยการมุ่งทำความดี ดำเนินชีวิตชอบธรรม แทนที่จะสนใจเรื่องบาปให้สนใจความบริสุทธิ์ชอบธรรม ตั้งใจคิดและเดินตามทางนี้อยู่เสมอ รับการเสริมสร้าง อยู่ในชุมชนผู้เชื่อ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะคอยนำทาง

            หลักศาสนศาสตร์ตอนนี้คือ ความบาปเป็นต้นตอปัญหาความทุกข์ยากทุกเรื่องของเรา คริสเตียนบริสุทธิ์ชอบธรรมในทางนิตินัย แต่หากต้องการรับผลดีจากพระคุณความรักเต็มที่ ชีวิตต้องเปลี่ยน เป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้นทุกวัน สำแดงพระฉายพระเจ้า

มธ.6:25, 32-34

25 "เหตุฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ

32 เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้

33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้

34 "เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้คงมีการกระวนกระวายสำหรับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว

            เป็นเรื่องแปลกถ้าคริสเตียนบอกว่ารักพระเจ้าแต่ไม่รักคนอื่น บอกว่ารับใช้พระเจ้ามากมายแต่ละเลยไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของผู้อื่น โดยเฉพาะคนด้อยโอกาส คนขาดแคลน

-----------------------

บทความแนะนำ

วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ (3) :มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง

การเป็นคริสเตียนคือกลับมาคืนดีกับพระเจ้า ความสัมพันธ์ที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง “ถ้าการสรรเสริญนมัสการไม่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง เช่นนั้นก็บาป...