คำถามก่อนเรียน:
1)
ท่านเคยเห็นรูปภาพหรือรูปวาดพระเยซูหรือไม่
รูปที่เห็นมีหน้าตาอย่างไร
2)
ท่านมั่นใจได้อย่างไรว่ามีพระเจ้าจริง ไม่ใช่แค่คำสอนในพระคัมภีร์
หรือที่คนอื่นเล่าให้ฟัง
คำถาม: หน้าตาพระเจ้าเป็นอย่างไร
หลายคนเคยเห็นรูปพระเยซูผมสีทอง
ควรเข้าใจว่าภาพดังกล่าวมาจากจินตนาการ ไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริง
ความจริงแล้ว
พระคัมภีร์ไม่ได้ระบุใบหน้าหรือหน้าตาของพระเจ้าพระบิดาและพระเยซูเลย
ถ้าตอบตามความรู้ฝ่ายโลก คนอิสราเอลปัจจุบันมีผมสีดำ
เช่นเดียวกับคนอาหรับกับอียิปต์ในแถบนั้น
ถ้าถามว่าพระเจ้าพระบิดาบนสวรรค์มีหน้าตาอย่างไร
คำตอบคือ พระเจ้าเป็นพระวิญญาณ พระเยซูได้เสด็จมาเป็นมนุษย์ช่วงระยะหนึ่ง
พระเยซูสำแดงพระเจ้ารวมทั้งหน้าตา
1. พระเจ้าเป็นพระวิญญาณ
พระคัมภีร์อธิบายว่า
พระเจ้าเป็นพระวิญญาณ (ไม่ใช่กายอย่างมนุษย์)
พระเยซูตรัสในยน.4:24 “พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ”
ยน.4:24 พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ
และผู้ที่นมัสการพระองค์ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง"
God is spirit, and
his worshipers must worship in the Spirit and in truth.”
รากศัพท์คำว่า “วิญญาณ”
หรือ “spirit” ในยน.4:24 คือ πνεῦμα
(อ่านว่า pnyoo'-mah) หรือ ‘pneuma-นิวมา’ เป็นภาษากรีก หมายถึง ลม (wind) ลมหายใจ (breath) วิญญาณหรือจิตวิญญาณ (spirit)
และเล็งถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์
มีใช้ในหลายที่ เช่น
เล็งถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์
มธ.1:20 แต่เมื่อโยเซฟยังคิดในเรื่องนี้อยู่
ก็มีทูตองค์หนึ่งของพระเป็นเจ้า มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันว่า "โยเซฟบุตรดาวิด
อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของเจ้าเลย
เพราะว่าผู้ซึ่งปฏิสนธิ์ในครรภ์ของเธอเป็นโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์
But after he had
considered this, an angel of the Lord appeared to him in a dream and said,
“Joseph son of David, do not be afraid to take Mary home as your wife, because
what is conceived in her is from the Holy Spirit.
คำว่า “วิญญาณ” หรือ Spirit
ในมธ.1:20 คือ ‘pneuma-นิวมา’ เมื่อเติมคำว่า Holy จึงแปลไทยเป็น “พระวิญญาณบริสุทธิ์”
มธ.3:11
เราให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยน้ำ แสดงว่ากลับใจใหม่ก็จริง
แต่พระองค์ผู้จะมาภายหลังเรา ทรงมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่าเราอีก
ซึ่งเราไม่คู่ควรแม้จะถอดฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้เจ้าทั้งหลาย
รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ
มธ.3:16
ครั้นพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้ว ในทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ
และท้องฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ได้ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าดุจนกพิราบ
ลงมาสถิตอยู่บนพระองค์
ดังนั้น แต่แรกเริ่มพระเจ้ามีลักษณะเป็นพระวิญญาณ
พระเยซูขณะสำแดงเป็นมนุษย์ มีพระฉายอย่างพระเจ้า
ยน.14:9 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "ฟีลิปเอ๋ย
เราได้อยู่กับท่านนานถึงเพียงนี้และท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือ
ผู้ที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา ท่านจะพูดได้อย่างไรอีกว่า
"ขอสำแดงพระบิดาให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเห็น"
2. ไม่มีใครเห็นหน้าพระบิดา
พระเยซูตรัสว่า “ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระเจ้า”
11 ท่านที่รักทั้งหลาย
ถ้าพระเจ้าทรงรักเราทั้งหลายเช่นนั้น เราก็ควรจะรักซึ่งกันและกันด้วย
12 ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระเจ้า
ถ้าเราทั้งหลายรักซึ่งกันและกัน พระเจ้าก็ทรงสถิตอยู่ในเราทั้งหลาย
และความรักของพระองค์ก็สมบูรณ์อยู่ในเรา
อพย.33:20
พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าจะเห็นหน้าของเราไม่ได้
เพราะมนุษย์เห็นหน้าเราแล้วจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้”
มนุษย์ไม่เคยเห็น และจะเห็นไม่ได้ “เพราะมนุษย์เห็นหน้าเราแล้วจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้"
1ทธ.6:15-16
15
ซึ่งพระเจ้าผู้เสวยสุขและทรงฤทธิ์สูงสุดแต่พระองค์เดียว
พระมหากษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง และพระผู้เป็นเจ้าเหนือเทพเจ้าทั้งปวง
จะทรงสำแดงให้ปรากฏในเวลาอันควร
16 พระองค์ผู้เดียวทรงอมตะ
และทรงสถิตในความสว่างที่ซึ่งไม่มีคนใดจะเข้าไปถึง ผู้ซึ่งมนุษย์ไม่เคยเห็น
และจะเห็นไม่ได้ พระเกียรติและฤทธานุภาพอันถาวรจงมีแด่พระองค์นั้น อาเมน
อสย.6:2-3
2 เหนือพระองค์มีเสราฟิมยืนอยู่ แต่ละตนมีปีกหกปีก ใช้สองปีกบังหน้า
และสองปีกคลุมเท้า และด้วยสองปีกบินไป
3 ต่างก็ร้องต่อกันและกันว่า "บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์
พระเจ้าจอมโยธา แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเต็มด้วยพระสิริของพระองค์"
ดังนั้น
ไม่มีมนุษย์คนใดเห็นพระเจ้า แต่สามารถสัมผัสพระองค์ มีประสบการณ์ในพระเจ้า
3. การสัมผัสพระเจ้า
การสัมผัสพระเจ้า (Experiencing God, To touch God) คือ
สภาพเข้าถึงการทรงพระชนม์อยู่ สามัคคีธรรมใกล้ชิดกับพระองค์ มีหลากหลายรูปแบบ สัมผัสพระสิริตามที่ทรงสำแดง
อาจแบ่งออกเป็นหลายระดับตามความใกล้ชิดสนิทสนม ตามการสำแดงว่าเด่นชัดเพียงไร
และตามที่ผู้สัมผัสเข้าถึงและเข้าใจ เป็นผลจากการที่ผู้เชื่อมุ่งแสวงหาพระเจ้า
ติดสนิทกับพระองค์ พระเจ้าต้องการสื่อสาร ทรงนำชีวิต เป้าหมายสุดท้ายคือการกลับไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
อสย.6:1
ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์
ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับ ณ พระที่นั่งสูงและเทิดทูนขึ้น
และชายฉลองพระองค์ของพระองค์เต็มพระวิหาร
อสย.55:6 "จงแสวงหาพระเจ้า เมื่อจะพบพระองค์ได้
จงทูลพระองค์ ขณะพระองค์ทรงอยู่ใกล้
Seek the LORD while he may be found; call on
him while he is near.
ยรม.29:13 เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า
3.1 พระเจ้าต้องการสื่อสาร
หลักพื้นฐานคือพระเจ้าต้องการสื่อสารกับมนุษย์
โดยเฉพาะคนของพระองค์ ทรงสำแดงตามอย่างที่ต้องการ
(ไม่ใช่ตามอย่างที่มนุษย์คาดหวัง เช่น บางคนอยากเห็นใบหน้าพระองค์
ให้พระเจ้าปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาซึ่งพระองค์จะไม่ทำเช่นนั้น)
ยกตัวอย่าง เสาเมฆและเสาเพลิง มานา นกคุ่ม
ในถิ่นทุรกันดาร ทรงสำแดงด้วยเสาเมฆและเสาเพลิง มานา นกคุ่ม
ฯลฯ เป็นรูปธรรมว่าพระองค์ทรงอยู่กับพวกเขา ทรงปกป้อง ดูแลตลอดเวลา
พระเจ้าประทานมานาแก่อิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร
อพย.16:14-15
14 เมื่อน้ำค้างระเหยไปแล้ว
ก็เห็นสิ่งหนึ่งเหมือนเกล็ดเล็กๆ
เท่าเม็ดน้ำค้างแข็งอยู่ที่พื้นดินในถิ่นทุรกันดารนั้น
15
เมื่อชนชาติอิสราเอลเห็นจึงพูดกันว่า "นี่อะไรหนอ"
เพราะเขาไม่ทราบว่าเป็นสิ่งใด โมเสสจึงบอกเขาว่า
"นี่แหละเป็นอาหารที่พระเจ้าประทานให้พวกท่านรับประทาน
3.2 พัฒนาการของการสัมผัสพระเจ้า
การสัมผัสพระเจ้าเป็นผลจากการที่ผู้เชื่อตั้งใจแสวงหาพระองค์ไม่หยุดหย่อน
ทรงสำแดง (สื่อสาร) ในตอนต้นเขาอาจมีประสบการณ์พื้นๆ
เช่น พระเจ้าตอบคำอธิษฐานอย่างเจาะจง (เช่น ของหายได้คืน)
จากนั้นความเชื่อพัฒนาสูงขึ้นตามลำดับ มีประสบการณ์ล้ำลึกมากขึ้นทุกที
สัมผัสพระวิญญาณบริสุทธิ์ (สำแดงการทรงสถิต) ได้ยินพระสุรเสียง
สัมผัสความรักสันติสุขที่มาจากพระองค์
รับรู้ชัดเจนว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังนำชีวิต
เป็นคนของพระเจ้าตัวแทนพระองค์ที่อยู่ในโลกนี้
ดังนั้น
ไม่มีใครเห็นหน้าตาพระเจ้าพระบิดา แต่สามารถมีประสบการณ์ในรูปแบบต่างๆ ตามที่ทรงสำแดง
ตั้งแต่อดีตกาลจนปัจจุบัน บรรดาผู้เชื่อศรัทธาจึงเป็นพยานว่าเขามีประสบการณ์ในพระเจ้าที่เขารู้จักอย่างไร แต่ละคนแต่ละกลุ่มมีประสบการณ์เฉพาะ
4. พระเยซูสำแดงพระเจ้ารวมทั้งหน้าตา
ยน.1:18
ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย
พระบุตรองค์เดียวผู้ทรงสถิตอยู่ในพระทรวงของพระบิดา พระองค์ได้ทรงสำแดงพระเจ้าแล้ว
“ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย"
ทรงสำแดงในสภาพเป็นมนุษย์ผ่านพระเยซู “พระองค์ได้ทรงสำแดงพระเจ้าแล้ว”
ดังนั้น
เมื่อถามว่าพระบิดาหน้าตาเป็นอย่างไร คำตอบคือ แต่แรกเริ่มพระเจ้าเป็นพระวิญญาณ
ทรงสำแดงพระองค์ในสภาพมนุษย์ผ่านพระเยซู (ทั้งกาย จิตใจและจิตวิญญาณ)
อาดัม-เอวามีหน้าตาอย่างพระองค์เช่นกัน
แต่ไม่ตรงกันทีเดียว (หลักทรงสร้างแต่ละคนอย่างมีเอกลักษณ์)
ปฐก.1:27 พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์
ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น
และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง
So God created mankind in his own image, in the image of God he created them; male and female he
created them.
พระเจ้าตั้งใจสร้างมนุษย์
(อาดัม) ให้มีพระฉายเหมือนพระองค์ (his own image) อาดัม-เอวาที่ยังไม่ทำบาปน่าจะคล้ายพระเยซูมาก (ในสภาพมนุษย์)
แต่ทั้งคู่เป็นเพียงมนุษย์ ไม่ใช่พระเยซูที่เป็นพระเจ้า
พระเยซูเป็นพระเจ้า ทรงสิทธิอำนาจสูงสุด ปราศจากบาปและไม่เคยทำบาป ดำรงอยู่เป็นนิจ ส่วนอาดัม-เอวาคือสิ่งทรงสร้าง อยู่ใต้สิทธิอำนาจพระเจ้า เมื่อทำบาปต้องรับผลของบาป
สรุป:
ถ้าถามว่าพระเจ้าบนสวรรค์มีหน้าตาอย่างไร คำตอบคือ พระเจ้าเป็นพระวิญญาณ ไม่มีใครเคยใบเห็นหน้าพระองค์
พระเยซูได้เสด็จมาเป็นมนุษย์ในโลกช่วงระยะหนึ่ง ทรงสำแดงพระเจ้ารวมทั้งหน้าตา แต่พระคัมภีร์ไม่ได้ระบุรูปร่างหน้าตาพระเยซู
รูปภาพที่ปรากฏในที่ต่างๆ มาจากจินตนการ
ปัจจุบันคริสเตียนผู้เชื่อสัมผัสพระองค์ในหลายรูปแบบ เป็นประสบการณ์ส่วนตัว
พระเยซูคือพระเจ้าที่สำแดงเป็นมนุษย์
คำถามหลังคำสอน:
1) สำคัญหรือไม่ที่ต้องเห็นตาพระเจ้า จึงจะมั่นใจว่าพระเจ้ามีจริง
2) ท่านจะตอบอย่างไร เมื่อถูกถามว่าพระเจ้าอยู่ที่ไหน ช่วยพามาให้เห็นหน้า
------------------------