08/05/2568

วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ (3) :มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง

การเป็นคริสเตียนคือกลับมาคืนดีกับพระเจ้า ความสัมพันธ์ที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง “ถ้าการสรรเสริญนมัสการไม่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง เช่นนั้นก็บาปแล้ว”

เป็นคริสเตียนคือกลับมาคืนดีกับพระเจ้า:

            ความหมายพื้นฐานประการหนึ่งของการเป็นคริสเตียน คือการกลับมาคืนดีกับพระเจ้า

2คร.5:17-21

17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น

18 ทั้งสิ้นนี้เกิดมาจากพระเจ้า ผู้ทรงให้เราคืนดีกันกับพระองค์ทางพระเยซูคริสต์ และทรงโปรดประทานให้เรามีพันธกิจเรื่องการคืนดีกัน

19 คือพระเจ้าทรงให้โลกนี้คืนดีกันกับพระองค์โดยพระคริสต์ มิได้ทรงถือโทษในการผิดของเขา และทรงมอบเรื่องการคืนดีกันนั้นให้เราประกาศ

20 ฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์ โดยที่พระเจ้าทรงขอร้องท่านทั้งหลายทางเรา เราจึงขอร้องท่านในนามของพระคริสต์ให้คืนดีกันกับพระเจ้า

21 เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์

            การคืนดีเป็นผลจากการมีชีวิตใหม่ในพระคริสต์ (17) พระเจ้าเป็นผู้ประทาน “ผู้ทรงให้เราคืนดีกันกับพระองค์ทางพระเยซูคริสต์” (18ข) เรื่องราวของคริสเตียนผู้เชื่อคือเรื่อง การกลับมาสัมพันธ์ดีกับพระเจ้าการประกาศข่าวประเสริฐคือการนำคนให้มาคืนดีกับพระองค์ (19)

            คำถาม: ความสัมพันธ์ของท่านกับพระเจ้าในวันนี้เป็นอย่างไร

            การเป็นคริสเตียนจึงไม่ใช่การนับถือศาสนาคริสต์ ไม่ใช่การพยายามทำตามบัญญัติคำสอน แต่เป็นการคืนดีกับพระคริสต์ มีความสัมพันธ์ดีต่อกัน

มีสัมพันธ์ดีคือมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง:

            ความสัมพันธ์จึงเป็นหลักการสำคัญของคริสเตียน ผูกพัน ติดสนิทกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ กิจกรรมหรือพิธีกรรมต่างๆ จะต้องมุ่งสู่เป้าหมายนี้

            การคืนดียังหมายถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ด้วย ที่ผู้เชื่อจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดติดสนิทพระเจ้ามากขึ้นตามลำดับ การสรรเสริญนมัสการคือหนึ่งในวิธีนั้น

            ในทางนิตินัย คริสเตียนเป็นคนใหม่โดยสมบูรณ์แล้ว แต่ทางพฤตินัยเป็นผู้เชื่อที่อยู่ระหว่างการทรงสร้างให้เป็นเหมือนดั่งพระองค์ เป็นทูตของพระคริสต์ ระหว่างการทรงสร้างจึงยังไม่สมบูรณ์ แสดงความอ่อนแอ ทำบาป

            การทรงสร้างทางพฤตินัยเป็นแผนการพระเจ้า พระองค์ไม่ต้องการให้สมบูรณ์ทันทีเมื่อกลับใจเชื่อพระเจ้า ประสงค์ให้ผู้เชื่อผ่านประสบการณ์ต่างๆ บุคคลในพระคัมภีร์เป็นเช่นนี้ ลองนึกถึงชีวิตของอับราฮัม โยเซฟ โมเสส เอลียาห์ เยเรมีย์ โยบ ดาวิด เปโตร เปาโล ฯลฯ

            ประสบการณ์ในระหว่างทางไม่ใช่ความราบรื่นเท่านั้น บางช่วงเผชิญการทดสอบทดลอง ต้องอดทนต่อความยากลำบากหลายรูปแบบ สำคัญคือในทุกยามมีพระเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ทรงอยู่ที่นั่น ผู้เชื่อมีความคิด ความรู้สึก อย่างใดอย่างหนึ่งต่อพระองค์ มีพัฒนาการของความสัมพันธ์ลึกซึ้งขึ้น

            ชีวิตแห่งความสัมพันธ์มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง มีพระองค์เกี่ยวข้องด้วยเสมอ มุ่งหน้าสู่ทางของพระองค์ ตามการทรงเรียกทรงนำ พระวิญญาณอยู่กับผู้เชื่อ นำเขาสู่สันติสุขนิรันดร์

            การมีพระเจ้าเกี่ยวข้องด้วยจึงไม่ใช่แค่การพยายามปฏิบัติตามคำสอนเท่านั้น มีความสัมพันธ์อยู่ในนั้น

          การมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากน้อยเป็นตัววัดระดับความสัมพันธ์ แม้วัดเป็นตัวเลขไม่ได้ แต่รักมากกับรักน้อยนั้นแตกต่าง แยกแยะได้

            ยิ่งบริสุทธิ์ (ทางพฤตินัย) ยิ่งใกล้ชิดพระองค์

            ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เชื่อกับพระเจ้าจะสัมบูรณ์เมื่ออยู่ในสวรรค์

การสรรเสริญนมัสการเป็นวิธีการ:

            การสรรเสริญนมัสการเป็นวิธีการหนึ่ง ช่วยนำกาย ใจ และจิตวิญญาณ ของผู้เชื่อเข้าใกล้พระองค์

            ทุกครั้งที่สรรเสริญนมัสการคือการปฏิสัมพันธ์ การเชื่อมต่อฝ่ายวิญญาณระหว่างผู้เชื่อคนนั้นกับพระเจ้าของเขา แสดงออกถึงความสัมพันธ์ระหว่างกัน (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

            การร้องเล่นเต้นรำจึงไม่ใช่การนมัสการเสมอไป การนมัสการเป็นแสดงออกฝ่ายวิญญาณผ่านการร้องเล่นเต้นรำ อย่างสอดคล้องคำสอนในพระคัมภีร์

พระธรรมสดุดีชีวิตที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง:

            ทุกวันนี้เมื่อคริสเตียนอ่านพระธรรมสดุดี บางคนอาจมองว่าคือพระธรรมเล่มหนึ่งในบรรดา 66 เล่ม ความจริงที่บางคนอาจนึกไม่ถึงคือ พระธรรมสดุดีเดิมเป็น “หนังสือเพลง” ที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า

            พระธรรมสดุดีเหมือนพระธรรมหลายเล่ม ที่บางส่วนบรรยายความคิดความรู้สึก ประสบการณ์กับพระเจ้าในหลายบริบท ทั้งสุขทั้งทุกข์ รับการอวยพรและถูกตีสอน ทั้งสิ้นคือชีวิตที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง สรรเสริญนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้เพียงองค์เดียว

            ในพันธสัญญาใหม่เอ่ยถึงพระธรรมสดุดี

            ยกตัวอย่าง พระเยซูกับสาวกร้องเพลงสรรเสริญ (มธ.26:30) คำว่า เพลงสรรเสริญ หรือ hymn หมายถึงบทเพลงในพระธรรมสดุดีนั่นเอง

มธ.26:26-30

26 ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา และเมื่อถวายสาธุการแล้ว ทรงหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่า "จงรับกินเถิด นี่เป็นกายของเรา"

27 แล้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วยโมทนาพระคุณและส่งให้เขา ตรัสว่า "จงรับไปดื่มทุกคนเถิด

28 ด้วยว่านี่เป็นโลหิตของเรา อันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนเป็นอันมาก

29 เราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำผลแห่งเถาองุ่นต่อไปอีกจนวันนั้นมาถึง คือวันที่เราจะดื่มกันใหม่กับพวกท่านในแผ่นดินแห่งพระบิดาของเรา"

30 เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้ว เขาก็พากันออกไปยังภูเขามะกอกเทศ

When they had sung a hymn, they went out to the Mount of Olives.

            รากศัพท์คำว่า “เพลงสรรเสริญ” หรือ “hymn” คือ μνέω (อ่านว่า hoom-neh'-o) เป็นคำกริยา หมายถึง ร้องบทเพลงสรรเสริญ (to sing a hymn) สรรเสริญ (to praise)

            ใช้ในที่ต่างๆ เช่น

กจ.16:25 ประมาณเที่ยงคืน เปาโลกับสิลาสก็อธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า นักโทษทั้งหลายในคุกก็ฟังอยู่

ฮบ.2:12 ดังที่พระองค์ตรัสว่า เราจะประกาศพระนามของพระองค์แก่พี่น้องของเรา เราจะสรรเสริญพระองค์ในท่ามกลางชุมนุมชน

 

            อธิบายขยายความ: ตั้งแต่สมัยพระคัมภีร์เดิม พระธรรมสดุดีเป็นหนังสือเพลงที่ใช้ร้องสรรเสริญนมัสการ

            ผู้ประพันธ์มีหลายคน เด่นสุดคือดาวิด

            พระธรรมสดุดีมีเนื้อหายาวมาก พูดถึงพระเจ้าทุกแง่มุม พูดถึงความสัมพันธ์ของผู้เชื่อกับพระเจ้าทุกแง่มุมเช่นกัน รวมความแล้วพระธรรมสดุดีชี้ว่าในทุกสถานการณ์ ผู้เชื่อจะคิดถึงพระเจ้า ไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ยามรุ่งเรืองหรือเผชิญความยากลำบาก ถูกไล่ล่า ดูหมิ่นเหยียดหยาม พวกเขาร้องสรรเสริญพระเจ้า ร้องทูลพระเจ้า อธิษฐานต่อพระองค์ด้วยบทเพลง เนื้อหาบางส่วนตั้งใจให้เป็นคำสอน บางส่วนเป็นคำเผยพระวจนะ คำพยากรณ์

            ยกตัวอย่าง เป็นคำสอน –

สดด.2:1 จงปรนนิบัติพระเจ้าด้วยความยำเกรง และจงเกษมเปรมปรีดิ์จนเนื้อเต้น

            เป็นคำอธิษฐาน –

สดด.5:1-2

1 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเอียงพระโสตสดับถ้อยคำของข้าพระองค์ ขอทรงฟังเสียงคร่ำครวญของข้าพระองค์

2 ข้าแต่พระบรมกษัตริย์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงฟังเสียงร้องทูลของข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์อธิษฐานทูลต่อพระองค์

สดด.7:1 โอ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ลี้ภัยอยู่ในพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นภัยจากผู้ไล่ตามทั้งมวลขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์

            คร่ำครวญถึงพระเจ้า –

สดด.22:1 พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย เหตุใด พระองค์ทรงเมินเฉยที่จะช่วยข้าพระองค์และต่อถ้อยคำคร่ำครวญของข้าพระองค์

            บรรยายพระลักษณะพระเจ้า

สดด.33:3-5

3 จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระองค์ จงดีดสายอย่างแคล่วคล่องพร้อมกับโห่ร้อง

4 เพราะพระวจนะของพระเจ้าเที่ยงธรรม และพระราชกิจของพระองค์ก็สำเร็จด้วยความซื่อสัตย์

5 พระองค์ทรงรักความชอบธรรมและความยุติธรรม แผ่นดินโลกเต็มด้วยความรักมั่นคงของพระเจ้า

            มีตัวอย่างอีกมาก สามารถดูในพระธรรมสดุดี ผู้ที่ต้องการศึกษาการสรรเสริญนมัสการต้องหมั่นศึกษาพระธรรมเล่มนี้ มีรายละเอียดความล้ำลึกที่รอให้พระเจ้าเปิดเผย

            เนื้อหาที่ปรากฏในพระธรรมสดุดี ในแง่มุมหนึ่งสรุปรวบยอดได้ว่า “คริสเตียนหรือผู้เชื่อคือผู้ที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง พวกเขานึกถึงพระเจ้าในทุกบริบท มีความสัมพันธ์กับพระองค์เสมอ นี่คือหลักการนมัสการด้วยชีวิต นมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง”

คำสอนการนมัสการจากเรื่องมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง:

            เป็นไปได้หรือไม่ว่าบางครั้งท่านซ้อมนมัสการ โดยไม่ยึดพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง ท่านร้องโดยที่ให้ความสำคัญกับความไพเราะมากกว่าถวายเกียรติพระเจ้า

            นักนมัสการต้องตระหนักว่า “ถ้าการสรรเสริญนมัสการไม่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง เช่นนั้นก็บาปแล้ว” (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

            และจะมีคำถามว่า ท่านกำลังสรรเสริญนมัสการสิ่งใดกันแน่

            หลังซ้อมหรือเล่นจริงทุกครั้ง ต้องตรวจสอบว่ามีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางหรือไม่

            พระธรรมสดุดี (บทเพลง) มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง เมื่อถึงยุคพันธสัญญาใหม่ บทเพลงใหม่ๆ มีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง เนื้อหาถูกต้องตามหลักการพระคัมภีร์ การร้องเพลงจากใจจะมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง พระวิญญาณจะนำทิศทาง พูดถึงพระคุณความรอด พระลักษณะ พระราชกิจ คำสอนต่างๆ การเผยพระวจนะ ประสบการณ์ช่วยกู้ การอวยพร รวมทั้งอาจเป็นคำอธิษฐานในรูปบทเพลง

            รวมความแล้ว คริสเตียนคือวิถีชีวิตของผู้มีพระเจ้าพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง เพลงสรรเสริญสดุดี เพลงนมัสการบรรจุเนื้อหาหลักการพระเจ้า พระราชกิจ ประสบการณ์ในพระองค์ เพลงบทใหม่ที่ร้องโดยการทรงนำของพระวิญญาณจะพูดถึงพระเจ้า มีพระองค์เป็นศูนย์กลาง

ฉธบ.10:21 พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญของท่านทั้งหลาย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของท่าน ผู้ทรงกระทำการใหญ่และน่ากลัวซึ่งนัยน์ตาของท่านได้เห็นนี้

He is your praise; he is your God, who has done for you those great and awesome things that your own eyes have seen.

            ผู้แสวงหาพระเจ้าและยึดพระคริสต์ไว้มั่น จะสามารถเติบโตอย่างแข็งแรงมั่นคง เป็นนักนมัสการที่จำเริญ มุ่งสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ การนมัสการของเขาจะพัฒนาควบคู่กับความเข้าใจ ชีวิตที่เปลี่ยนไป พระวจนะข้อแล้วข้อเล่าเป็นจริงในชีวิตของเขา (ชีวิตสำแดงพระวจนะ) เข้าสู่การนมัสการขั้นสูง และสมบูรณ์มากขึ้น จนเหมือนหรือใกล้เคียงการนมัสการในสวรรค์

------------------

วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ (3) :มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง

            ไม่เอาเพลงเป็นศูนย์กลาง

ไม่เอาความไพเราะเป็นศูนย์กลาง

ไม่เอาบรรยากาศเป็นศูนย์กลาง

ไม่เอาคนข้างๆ เป็นศูนย์กลาง

ไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง

            ให้ใจจดจ่อที่พระเจ้าตลอดเวลา (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

            โจทย์: จงอธิบายขยายความ สสด.16:8-9

สสด.16:8-9

8 ข้าพเจ้าตั้งพระเจ้าไว้ตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ เพราะพระองค์ประทับทางเบื้องขวาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงไม่หวั่นไหว

I keep my eyes always on the LORD. With him at my right hand, I will not be shaken.

9 เพราะฉะนั้นจิตใจข้าพเจ้าจึงยินดีและจิตวิญญาณก็ปรีดา ร่างกายของข้าพเจ้าก็อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยด้วย

Therefore my heart is glad and my tongue rejoices; my body also will rest secure,

            วิธีการง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ ทำได้ดังนี้

            1. ตัดสินใจแต่แรกก่อนเริ่มนมัสการ ว่าจะนมัสการพระเจ้า ไม่นมัสการคนข้างๆ

            2. แม้คนข้างๆ จะนมัสการหรือไม่ ตัวเราจะสรรเสริญนมัสการเต็มที่

            3. มั่นใจว่าการนมัสการพระเจ้าแต่ละครั้งมีประโยชน์ ไม่อ้างว่าได้นมัสการแล้วเมื่อหลายวันก่อน วันนี้จะนมัสการหรือไม่ก็ได้

            4. ขณะเมื่อใกล้จะเริ่มนมัสการ ให้ละคนข้างๆ ชั่วคราว ถ้ากำลังพูดคุยขอให้หยุดก่อน

            5. เริ่มอธิษฐานกับพระเจ้า (ไม่ว่ามีการนำอธิษฐานหรือไม่)

            6. ตั้งเป้าว่าจะสรรเสริญนมัสการเต็มที่ หวังพบพระองค์ผ่านการนมัสการ (ขีดเส้นใต้ 2 เส้น)

            วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ ทำได้เช่นนี้เอง

            คริสเตียนคือผู้ที่ยึดพระเจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิต มีพระเจ้าในทุกเวลา ไม่ใช่เฉพาะวันอาทิตย์หรือวันรวมกลุ่ม

            ในทุกวันเวลาจงสรรเสริญนมัสการผ่านเสียงเพลง ผ่านชีวิตของท่าน

รม.12:1 พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย

----------------------

บทความแนะนำ

วิธีง่ายๆ เพื่อสัมผัสพระเจ้าง่ายๆ (3) :มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง

การเป็นคริสเตียนคือกลับมาคืนดีกับพระเจ้า ความสัมพันธ์ที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง “ถ้าการสรรเสริญนมัสการไม่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง เช่นนั้นก็บาป...