คริสเตียนยังมีจุดต้องปรับปรุงอยู่เสมอ จึงอธิษฐานขอความช่วยเหลือ แต่ประสงค์ให้ผู้เชื่อทุกคน “จะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์”
มนุษย์รับผลดี-ผลเสียจากสิ่งที่พวกเขากระทำ:
โยบ.35:8 ความอธรรมของท่านก็เป็นอันตรายแก่คนอย่างท่านและความชอบธรรมของท่านก็เป็นประโยชน์แก่มนุษย์
สิ่งที่มนุษย์ทำไม่มีผลต่อพระเจ้า
แต่มีผลต่อตัวเองและคนอื่นๆ
1.
มีผลต่อตัวเอง
กฎเกณฑ์พระเจ้าชัดเจน
ใครหว่านสิ่งใดเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น
คำสอน
ธรรมบัญญัติระบุชัดถึงผลดี-ผลเสียของการทำตามหรือละเมิดคำสอนของพระเจ้า
ฉธบ.28:1-2
1
"ถ้าท่านทั้งหลายเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน
และระวังที่จะกระทำตามพระบัญญัติของพระองค์ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้
พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านจะทรงตั้งท่านไว้ให้สูงกว่าบรรดาประชาชาติทั้งหลายทั่วโลก
2 พระพรเหล่านี้จะตามมาทันท่าน
ถ้าท่านทั้งหลายฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน
กท.6:7-8
7 อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง
ก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น
8 ผู้ที่หว่านในย่านเนื้อหนังของตน
ก็จะเกี่ยวเก็บความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่ผู้ที่หว่านในย่านพระวิญญาณ
ก็จะเกี่ยวเก็บชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น
2. มีผลต่อคนอื่น
นอกจากมีผลต่อตัวเองก่อนแล้ว
จะส่งผลต่อคนรอบข้างและคนในสังคม ดังจะเห็นว่าเมื่อคนหนึ่งทำบาป
ชักนำให้คนรอบกายทำบาป บางครั้งผลของบาปกระจายตัวสู่ชุมชน
กระทบทั้งเมืองและขยายออกไป
หลักการพระเจ้าสอนเรื่องนี้
จึงเน้นอย่าให้ผู้ใดเพียงคนหนึ่งกระทำบาป
หากพบใครคนหนึ่งในชุมชนทำบาปต้องรีบจัดการอย่างเด็ดขาด
1คร.5:1-6
1 มีข่าวเล่าลือว่า ในพวกท่านมีการผิดประเวณี
และการผิดนั้นถึงแม้ในพวกต่างชาติก็ไม่มีเลย คือเรื่องมีว่า
คนหนึ่งได้เอาภรรยาของบิดามาเป็นเมียของตน
2 และพวกท่านยังผยองแทนที่จะเป็นทุกข์เป็นร้อน
ท่านควรที่จะตัดคนที่กระทำผิดเช่นนี้ออกเสียจากพวกท่าน
3 แม้ว่าตัวข้าพเจ้าไม่ได้อยู่กับพวกท่าน
แต่ใจของข้าพเจ้าก็อยู่ด้วยเสมือนว่าข้าพเจ้าได้อยู่ด้วย
ข้าพเจ้าได้ตัดสินลงโทษคนที่ได้กระทำผิดเช่นนั้น
4 ในพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อท่านทั้งหลายประชุมกันและใจของข้าพเจ้าร่วมอยู่ด้วย
พร้อมทั้งฤทธิ์เดชของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
5 พวกท่านจงมอบคนนั้นไว้ให้ซาตานทำลายเนื้อหนังเสีย
เพื่อให้จิตวิญญาณของเขารอด ในวันของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า
6 การที่ท่านอวดอ้างนั้นไม่สมควรเลย
ท่านไม่รู้หรือว่าเชื้อขนมเพียงนิดเดียว ย่อมทำให้แป้งดิบฟูทั้งก้อน
ในสมัยพระคัมภีร์เดิม
คนทำบาปบางเรื่องเพียงครั้งเดียว ต้องรับโทษด้วยการถูกหินขว้างตาย
แม่แบบ:
มีคำพูดเสมอว่าครูเป็นแม่แบบของเด็ก
จึงต้องมีครูที่ดีเป็นแบบอย่างแก่เด็กทั้งเรื่องวิชาความรู้
และที่อาจสำคัญกว่าคือลักษณะชีวิต นิสัย คำพูด กริยาท่าทาง
ด้วยหลักการเดียวกัน พ่อแม่ ทุกคนที่ใกล้ชิดเด็กต่างมีฐานะเป็นแม่แบบด้วย ลูกหลานของเรา (ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่) เด็กทั้งหลายค่อยๆ เรียนรู้ซึมซับแบบอย่างคนรอบข้าง บริบทรอบกายที่เขาสัมผัสเข้าถึง สิ่งแวดล้อมจึงหล่อหลอมเขาขึ้นมาและมีผลต่อชีวิต
ชีวิตของแต่ละคนจึงมีผลต่อคนอื่น
คริสเตียนที่เติบโตฝ่ายวิญญาณ ลูกหลานของเขาจะเห็นแบบอย่างนั้นตั้งแต่เด็กและเห็นแบบอย่างนั้นเป็นประจำ
ลดทำบาป ชีวิตจะดีขึ้นเอง:
อฟ.4:13-14
13 จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ
และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่
คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์
14 เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป
ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง
และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง
ถ้าท่านเป็นพ่อแม่ ท่านอยากให้ลูกของท่านแบมือขอท่านเรื่อยไปเพราะช่วยตัวเองไม่ค่อยได้ (เหมือนเด็กเล็กๆ ที่พ่อแม่ต้องคอยป้อนน้ำป้อนข้าว) ไม่รู้จักโต ต้องให้อภัยอยู่เสมอเพราะทำบาปสารพัดแทบไม่พัฒนาหรือไม่ ความคิดของพระเจ้าต่อผู้เชื่อก็เป็นเช่นนั้น
คำถาม: ทำไมพระเจ้าต้องการให้ผู้เชื่อเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ
ถ้าคริสเตียนลดทำบาป
ชีวิตจะดีขึ้นเอง (แน่ละจะส่งผลต่อลูกหลานคนใกล้ชิดด้วย)
เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณมากขึ้น
-----------------------