ถ้ามองว่าโควิด-19 เป็น disruptor แต่กับบางคนคือโอกาสที่ได้ทบทวนชีวิต เริ่มงานและอนาคตใหม่ คนประสบความสำเร็จในยุคโควิด-19 มีมากมาย เราเปลี่ยนสถานการณ์ไม่ได้แต่เปลี่ยนความคิดได้
ตอนที่แล้วนำเสนอสถานการณ์โลกระบาดกับวัคซีน ตอนที่ 2 นำเสนอผลกระทบด้านต่างๆ โดยสังเขป ดังนี้
ด้านเศรษฐกิจ :
ผลต่อเศรษฐกิจคือเรื่องที่ทุกคนให้ความสำคัญไม่น้อยกว่าโรคระบาด รัฐบาลทุกประเทศทำเหมือนกันใช้งบประมาณมหาศาลกระตุ้นเศรษฐกิจ
พยายามให้ระบบเศรษฐกิจเดินหน้า ยกตัวอย่าง กุมภาพันธ์ 2021 จาเน็ท เยลเลน (Janet
Yellen) รมต.คลังสหรัฐอธิบายว่าจำต้องใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 1.9
ล้านล้านดอลลาร์เพื่อให้การจ้างงานกลับสู่ปกติในปีหน้า ไม่เช่นนั้นอาจต้องรอถึงปี
2025 กว่าการจ้างงานจะกลับสู่ปกติ
การกระตุ้นเห็นผลตามลำดับ
ตลอดไตรมาสแรกปีนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจหลายประเทศบ่งชี้ว่าสถานการณ์ดีขึ้น มกราคม IMF
คาดปีนี้เศรษฐกิจโลกโต 5.5% การค้าโลกเพิ่ม
8.1%
รัฐบาลสิงคโปร์ประเมินจีดีพีปีนี้จะโต
4-6% หลังปีก่อนติดลบ 5.4%
ต้นมีนาคมจีนประกาศเป้าปีนี้โต
6% ตั้งงบขาดดุล 3.2% ของจีดีพี แต่ 3
สัปดาห์ต่อมาธนาคารโลกคาดว่าจีนจะโต 8.1% ฟื้นตัวเร็วสุดในเอเชียแปซิฟิก
เวียดนามเป็นอีกประเทศที่ฟื้นเร็วคาดปีนี้โต 6.6%
จากที่เดิมโต 2.9%
ด้านเกาหลีใต้
IMF ประเมินเศรษฐกิจเกาหลีใต้ปีนี้โต 3.6% จากเดิมที่คิดว่าโต 3.1% เป็นผลจากการคลายล็อกดาวน์
ความต้องการสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
สถานการณ์ว่างงานในหลายประเทศดีขึ้นตามลำดับ
ข้อมูลสหราชอาณาจักรชี้ว่าไตรมาส พ.ย.-ม.ค. เหลือคนว่างงาน 5% แต่นักวิเคราะห์บางคนเห็นว่ายอดว่างงานอาจเพิ่มเป็น 6% ในปีนี้
ภาพลบด้านเศรษฐกิจ
ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศเด่นๆ ล้วนชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้น
การจ้างงานดีขึ้น เป็นความจริงที่ส่วนหนึ่งฟื้นตัวจริง
แต่ต้องไม่ลืมว่าทุกประเทศอยู่ในภาวะที่รัฐบาลอัดฉีดงบประมาณมหาศาล อุดหนุนธุรกิจแจกเงินให้ประชาชนใช้จ่าย
เกิดคำถามว่าเงินเหล่านี้ต่างหากที่กำลังทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าหรือเปล่า จะมีปัญหาอื่นๆ
อาจตามมาหรือไม่
กุมภาพันธ์ IMF เตือนให้ระวังปัญหาเงินเฟ้อที่จะตามมาหลังรัฐบาลไบเดนออกมาตรการอัดฉีดเงิน
1.9 ล้านล้านดอลลาร์
มีผู้วิเคราะห์ว่าการขาดดุลมหาศาลที่รัฐก่อจะทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่ง
รัฐบาลไบเดนกับทรัมป์ไม่ต่างกัน เร่งพิมพ์เงินแจกหลายล้านๆ
ดอลลาร์ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้า เรื่องที่น่ากังวลคือหากรัฐแจกเงินมหาศาลแต่ประชาชนไม่ค่อยใช้
เก็บออมเพิ่มสู้กับเงินเฟ้อ ผลคือยอดขาดดุลภาครัฐพุ่งสูงลิบแต่เศรษฐกิจขยับน้อยกว่าการขาดดุล
ในขณะที่ดัชนีต่างๆ
กำลังฟื้นตัว ความวิตกกังวลต่อโรคน้อยลง รัฐบาลเกาหลีใต้เตือนว่าเศรษฐกิจปีนี้ผันผวนยากจะคาดเดา
แม้ยอดส่งออกตอนนี้ดีขึ้นแต่อุปสงค์ในประเทศยังอ่อนแอ กระทบการจ้างงาน
ในทำนองเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐชี้เศรษฐกิจอเมริกาฟื้นตัวเร็วกว่าคาดแต่ยังอีกไกลกว่าจะเหมือนเดิม
ยืนยันว่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ยังมีจุดที่ต้องช่วยเหลือ
ล่าสุดอัตราว่างงานสหรัฐอยู่ที่ 6.2% แต่ตัวเลขนี้ไม่สะท้อนการจ้างงานจริง
บ้างว่าอาจสูงถึง 10 %
เมื่อต้นปีผอ.
IMF คริสตาลินา กอร์เกียวา (Mrs. Kristalina
Georgieva) ประเมินว่าผลกระทบจากโควิด-19 รุนแรง ขยายความเหลื่อมล้ำ
อาจส่งผลรุนแรงต่อเศรษฐกิจสังคม หลายคนจะรับผลของมันเป็นทศวรรษ
ต้องติดตามการจ้างงาน
กำลังซื้อของประชาชน เงินจะเฟ้อเกินอัตราที่ควรจะเป็นหรือไม่
ปัญหาสังคม :
ในขณะที่การสู้กับเชื้อโรค
ภาวะเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญใกล้ตัวที่สุด
ประเด็นผลกระทบทางสังคมคืออีกด้านที่เกิดขึ้นแล้ว
กำลังก่อตัวเป็นปัญหาใหญ่ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ ปีที่แล้ววารสาร The
Lancet Psychiatry
ระบุคนทั่วโลกหลายพันล้านคนอยู่ในภาวะวิตกกังวล หวาดกลัว หลังต้องอยู่แบบแยกตัว
ใช้ชีวิตตามมาตรการกักโรค กังวลเรื่องระบบสาธารณสุข ภาวะเศรษฐกิจ
ยกตัวอย่าง ผลจากโควิด-19 ทำให้คนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายมากขึ้น
สาเหตุหนึ่งเนื่องจากความเปลี่ยวเหงา รัฐบาลญี่ปุ่นจึงแต่งตั้ง Tetsushi
Sakamoto เป็นรัฐมนตรี (state minister)
แก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ
คนที่ยังหางานใหม่ไม่ได้ในช่วงโควิด-19 เป็นกลุ่มที่จิตตกแรงสุด
บางคนคิดฆ่าตัวตายเพื่อไม่เป็นภาระแก่ครอบครัว นักเรียนนักศึกษาหลายคนหยุดเรียนเพื่อทำงาน
เหล่านี้ไม่ใช่ทางเลือกที่พวกเขาชอบแต่จำต้องทำ
Japan
Institute for Labour Policy and Training เผยว่า 60 % ของพวกแม่เลี้ยงหรือพ่อเลี้ยงเดี่ยวได้รับผลกระทบ และกว่า 1 ใน 3
บอกว่าเลี้ยงลูกคนเดียวไม่ไหวอีกแล้ว คนเหล่านี้อยู่ได้ด้วยอาหารบริจาค
องค์กรภาคประชาชนหลายแห่งทำงานอย่างหนักเพื่อเข้าถึงคนเหล่านี้และให้ความช่วยเหลือ
ปัญหาสังคมมีอีกหลายด้านหลายแง่มุม
รวมความแล้วหลายอย่างถูกทำลาย ต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกนาน
โรคใหม่ โลกใหม่ :
แต่ไหนแต่ไรสหรัฐคือประเทศที่เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าไปลงทุนมากสุด
ปีที่แล้ว (2020) United Nations Conference on Trade and Development รายงานว่าบริษัทต่างชาติลดการลงทุนในสหรัฐ 49% เหลือ
134,000 ล้านดอลลาร์ ไปลงทุนในจีนเพิ่ม 4% เป็น 163,000
ล้านดอลลาร์
เทียบกับตัวเลขปี
2019 FDI สหรัฐสูงกว่าจีน สหรัฐได้ 251,000 ล้านดอลลาร์
จีนได้ 140,000 ล้านดอลลาร์ แต่ด้วยโควิด-19 จีนพลิกกลับมาเป็นผู้นำทันที ปี 2020
กลายเป็นปีแรกในประวัติศาสตร์ที่จีนดึงดูดเม็ดเงินด้านการลงทุนจากต่างชาติมากที่สุดในโลก
เม็ดเงินต่างชาติมีส่วนช่วยพยุงจีดีพี
ปีที่แล้วยังโต 2.3% ในขณะที่ชาติเศรษฐกิจสำคัญๆ ของโลกติดลบถ้วนหน้า
ในแง่ตัวเลขเงินลงทุนประเทศที่การลงทุนต่างชาติลดลงมากๆ เช่น สหราชอาณาจักรกับอิตาลีลดลงเกือบ
100% รัสเซียลดลง 96% เยอรมนี 61%
บราซิล 50%
ในภาพรวม ปีที่แล้วเม็ดเงินลงทุนต่างชาติลดลง 42% ต่ำสุดย้อนหลังไปถึงทศวรรษ
1990 และต่ำกว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ (2008-09) ถึง 30% รายงานสหประชาชาติชิ้นนี้ระบุชัดว่าการที่จีนควบคุมโควิด-19
ได้อย่างรวดเร็วรักษาเสถียรภาพการลงทุน
FDI เป็นข้อมูลชิ้นหนึ่งบรรยายโลกที่เปลี่ยนไป จัสติน ทรูโด นายกฯ
แคนาดาชี้ว่าก่อนโควิด-19 เศรษฐกิจโลกเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว โรคระบาดเร่งให้เปลี่ยนเร็วและรุนแรงกว่าเดิม
หลายอุตสาหกรรมจะเปลี่ยนจากเดิมแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ทางที่ดีที่สุดคือทุกประเทศต้องหันหน้าเข้าหากัน
ร่วมมือกันให้มากที่สุด
สัปดาห์ก่อนผู้นำกว่า
20 ประเทศทั่วโลก รวมเยอรมนี ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร ชี้ โควิด-19
คือความท้าทายหรือภัยคุกคามใหญ่สุดในรอบ 80 ปี แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 เท่านั้น
ดังนั้นทุกประเทศต้องให้ความสำคัญยิ่งยวดและบ่งชี้ว่าเรื่องนี้จะมีผลอีกยาว นักวิชาการบางคนชี้อย่าคาดหวังว่าโลกจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก
เมื่อออกนอกบ้านทุกคนจะสวมหน้ากากอนามัย การเรียนออนไลน์จะเป็นเรื่องปกติ
หลายอย่างจะหันเข้าหาระบบดิจิทัล บรรษัทจะผูกขาดระบบดิจิทัล
ในเวลา
15 เดือนโควิด-19 กวาดทำลายสิ่งต่างๆ
ไปแล้วมากมาย กว่า 2.8 ล้านคนเสียชีวิต ป่วยหนักในจำนวนที่มากกว่า ผู้คนนับร้อยล้านตกงานหรือต้องหางานใหม่
กลายเป็นคนจนในชั่วข้ามคืน แต่ในอีกด้านพบว่ามหาเศรษฐีพันล้านฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
หลายคนร่ำรวยขึ้นจากอาชีพใหม่ มีผู้ประสบความสำเร็จมากมาย
เศรษฐกิจดิจิทัลกำลังเฟื่องฟู ถ้ามองว่าโควิด-19
เป็น disruptor แต่กับบางคนคือโอกาสที่ได้ทบทวนชีวิต วางแผนใหม่
เริ่มงานและอนาคตใหม่
ดังคำกล่าวที่ว่า “ถ้ามุมมองเปลี่ยนชีวิตเปลี่ยน
เราเปลี่ยนสถานการณ์ไม่ได้แต่เปลี่ยนความคิดได้” ไม่ช้าก็เร็วยุคโควิด-19 จะผ่านไป เป็นบริโลกใหม่ที่ต้องการทัศนะมุมมองใหม่ พัฒนาตนเองให้สอดคล้องกับบริบท
เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส
------------------
1. China set to lead recovery of East Asian and Pacific
economies: World Bank. (2021, March 26).
Reuters. Retrieved from
https://www.reuters.com/article/us-asia-economy-worldbank/china-set-to-lead-recovery-of-east-asian-and-pacific-economies-world-bank-idUSKBN2BI02O
2. China sets modest GDP growth target as economy improves.
(2021, March 5). Channel News
Asia. Retrieved from
https://www.channelnewsasia.com/news/business/china-sets-modest-gdp-growth-target-as-economy-improves-14339188
3. Coronavirus latest: German easing of
lockdown to start with schools on May 4. (2020, April 15). Deutsche Welle. Retrieved from https://www.dw.com/en/coronavirus-latest-german-easing-of-lockdown-to-start-with-schools-on-may-4/a-53127607
4. Coronavirus pandemic as a tool to
create the new world order. (2021, January 12). Pravda. Retrieved from
https://english.pravda.ru/world/145513-pandemic_new_world_order/
5. COVID: World’s poorest will take over 10 years to recover
financially from pandemic: Oxfam report. (2021, January 25). Euronews.
Retrieved from
https://www.euronews.com/2021/01/25/covid-world-s-poorest-will-take-over-10-years-to-recover-financially-from-pandemic-oxfam-r
6. Economic uncertainty continues amid flare-up in COVID-19:
finance ministry. (2021, January 15).
Yonhap. Retrieved from https://en.yna.co.kr/view/AEN20210115002751320?section=market/economy
7. Foreign companies are giving up on
the United States and betting big on China, report says. (2021,
January 24). CNN. Retrieved from
https://edition.cnn.com/2021/01/24/investing/us-china-foreign-direct-investment/index.html
8. Global leaders call for a pandemic treaty — but U.S. and
China remain silent. (2021, March 31).
CNBC. Retrieved from https://www.cnbc.com/2021/03/30/global-pandemic-treaty-world-leaders-call-for-more-cooperation.html
9. 'I can't go on': women in Japan suffer isolation and
despair amid Covid job losses. (2021, March
29). The Guardian. Retrieved from https://www.theguardian.com/world/2021/mar/29/i-cant-go-on-women-in-japan-suffer-isolation-and-despair-amid-covid-job-losses
10. IMF economist dismisses inflation concerns of Biden’s
stimulus plan. (2021, February 21).
Gulf Times. Retrieved from
https://www.gulf-times.com/story/685189/IMF-economist-dismisses-inflation-concerns-of-Bide
11. IMF projects China's economy to grow by 8.1% in 2021,
with global growth of 5.5%. (2021, January 27). Global Times. Retrieved from http://www.asahi.com/ajw/articles/14137370
12. IMF sharply ups 2021 growth outlook
for S. Korea to 3.6 pct. (2021, March 26).
Yonhap. Retrieved from https://en.yna.co.kr/view/AEN20210325009800320?section=market/economy
13. Powell says economy recovering but
Fed support still needed. (2021, March 22).
AP. Retrieved from
https://apnews.com/article/financial-services-jerome-powell-coronavirus-pandemic-economy-37b53514537d443a2662557e3a91724e
14. Singapore maintains 2021 GDP forecast as economy
contracts 5.4% last year, less than advance estimates. (2021,
February 15). Channel New Asia. Retrieved from
https://www.channelnewsasia.com/news/singapore/singapore-maintains-2021-gdp-forecast-economy-14199194
15. Suga appoints minister of
loneliness as suicides surge. (2021, February 13). Asahi Shimbun. Retrieved from http://www.asahi.com/ajw/articles/14187206
16. UK unemployment rate dips to 5.0 percent: Official data.
(2021, March 23). Al Arabiya.
Retrieved from
https://english.alarabiya.net/business/economy/2021/03/23/UK-unemployment-rate-dips-to-5-0-percent-Official-data
17. What if they gave a stimulus and
nobody came?. (2021, March 23).
Asia Times. Retrieved from https://asiatimes.com/2021/03/what-if-they-gave-a-stimulus-and-nobody-came/
18. Yellen: Biden Stimulus Plan Could Bring U.S. To Full
Employment By Next Year. (2021, February 7).
The Huff Post. Retrieved from https://www.huffpost.com/entry/yellen-biden-stimulus-plan-full-employment_n_60201315c5b6d78d44476a26
--------------------------
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น