ทุกคนยอมรับว่าความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสังคมกำลังขยายตัว โรคระบาดโควิด-19 ซ้ำเติมให้รุนแรงกว่าเดิม หลายปัญหาใช่ว่าจะแก้ไม่ได้ อยู่ที่รัฐบาลจะตัดสินลงมือทำหรือไม่เท่านั้น
เป็นประจำทุกปีองค์การอ็อกแฟม (Oxfam International) นำเสนอรายงานความเหลื่อมล้ำทางสังคมเศรษฐกิจ รายงานฉบับปี 2021 นำเสนอผลจากโรคระบาดโควิด-19 ชื่อว่า ‘The Inequality Virus’ หรือ ‘ไวรัสที่ไม่เท่าเทียม’ มีสาระสำคัญดังนี้
โรคระบาดโควิด-19
เร่งขยายความเหลื่อมล้ำแก่ประเทศส่วนใหญ่อย่างไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งด้านความมั่งคั่ง
เพศและเชื้อชาติ ในเวลาอันสั้นหลายร้อยล้านคนกลายเป็นคนจน พวกเศรษฐีพันล้านฟื้นตัวในเวลาเพียง
9 เดือนในขณะที่คนยากจนอาจต้องใช้เวลาสิบปีกว่าจะฟื้นตัว
สภาพเหล่านี้บ่งชี้ว่าระบบเศรษฐกิจโลกไม่ยุติธรรม ไม่สามารถแก้ความเหลื่อมล้ำ จำต้องถามหาความรับผิดชอบจากรัฐบาล
ต้องเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสปฏิรูปเศรษฐกิจสังคมครั้งใหญ่เพื่อโลกที่เท่าเทียมและยั่งยืน
ผอ.
IMF คริสตาลินา กอร์เกียวา (Kristalina Georgieva) ประเมินว่าโควิด-19 ขยายความเหลื่อมล้ำ อาจส่งผลรุนแรงต่อเศรษฐกิจสังคม
หลายคนจะรับผลของมันนับสิบปี
ความเหลื่อมล้ำหมายถึงหลายคนต้องป่วยโดยไม่สมควร เด็กๆ ได้รับการศึกษาน้อยเพราะยากจน
ผู้คนมากมายอยู่ในความทุกข์ยาก หวาดกลัว ไร้ความหวัง ทั้งๆ
ที่ไม่ได้มาจากความผิดของเขา
เรื่องจริงที่น่าเศร้าคือกว่า 3,000 ล้านคนไม่สามารถรับบริการดูแลสุขภาพ (ประชากรโลก
7,600 ล้านคน) แรงงาน 3 ใน 4 ไม่มีประกันสังคมหากตกงาน อีกมากมายที่ทำงานแบบหาเช้ากินค่ำไปวันๆ
ผลจากโควิด-19 ทำให้ 200-500 ล้านคนเข้ากลุ่มคนยากจน
กลุ่มนี้แหละที่จะต้องอยู่ในความยากจนเป็นสิบปีกว่าจะพาตัวเองหลุดพ้น
ตลกร้ายคือความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีพันล้านหดหายในช่วงแรกเมื่อตลาดหลักทรัพย์อ่อนตัว
แต่ไม่ถึงปีตลาดฟื้นตัวอีกครั้งกลับมาร่ำรวยดังเดิม เหตุเพราะรัฐบาลหลายประเทศออกนโยบายอุ้มตลาดเงินตลาดทุน
ด้วยสามัญสำนึกย่อมตอบได้ว่าเป็นการไม่ถูกต้องหากโควิด-19 ทำให้มหาเศรษฐีพันล้านร่ำรวยยิ่งขึ้นในขณะที่หลายร้อยหลายพันล้านคนยากลำบากกว่าเดิม
ผู้ที่รวยขึ้นควรนำเงินส่วนนี้ช่วยเหลือคนที่ได้รับผลกระทบ
ปัญหาความเหลื่อมล้ำ รัฐบาลหนีไม่พ้น :
รัฐบาลหลายประเทศต้องเผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากสุดคือสตรี
คนผิวสี พวกแอฟริกัน ชนพื้นเมือง
เหล่านี้เป็นกลุ่มที่ปกติได้รับความยากลำบากอยู่แล้ว มักเป็นกลุ่มที่อัตราเสียชีวิตสูงกว่าทั่วไป
ด้านการศึกษา
แม้จำต้องปิดโรงเรียนช่วงระยะหนึ่ง แต่ต้องพูดด้วยว่าการหยุดเรียนเท่ากับลดทอนการพัฒนาเด็ก
ความยากจนสำหรับคนรุ่นนี้ทอดยาวออกไปอีก
โรคระบาดโควิด-19
ทำให้หลายร้อยล้านคนตกงาน ปัญหาหนักเกิดกับพวกไม่มีสวัสดิการรองรับ ตกงานเท่ากับไม่มีรายได้ซึ่งในบางกรณีหมายถึงอีกหลายชีวิตที่จะไม่มีข้าวกิน
เรื่องจริงที่รับรู้กันทั่วคือยิ่งเป็นแรงงานรายได้ต่ำโอกาสได้รับเงินชดเชยตกงานยิ่งน้อย
หลายคนทำงานนอกระบบปราศจากหลักประกันใดๆ มีการประเมินว่าในปี 2020
แต่ละวันจะมีอย่างน้อย 6,000
คนที่เสียชีวิตเพราะอดตายจากปัญหาอันสืบเนื่องจากโควิด-19
โควิด-19
ปลุกให้โลกเห็นความเหลื่อมล้ำว่าเป็นอย่างไร รัฐบาลจะทนเห็นคนทุกข์ยากลำบากเช่นนี้
หรือว่าควรปรับให้เป็นระบบเศรษฐกิจที่เกื้อการุณย์ต่อมนุษย์ด้วยกัน (Human
Economy)
ชมคลิป ข้อเสนอลดความเหลื่อมล้ำของ Oxfam
ข้อเสนอ 5 ประการจากอ๊อกแฟม :
ประการแรก โลกที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมยิ่งขึ้น
รัฐบาลทั้งหลายต้องกำหนดเป้าลดความเหลื่อมล้ำในกรอบเวลาที่ชัดเจน
ไม่แค่เพียงกลับไปจุดก่อนเกิดโรคระบาดเท่านั้น ต้องมุ่งมั่นสร้างโลกที่เท่าเทียมกว่านี้
เป็นเรื่องเร่งด่วน ลดความสำคัญต่อตัวเลข GDP เพราะไม่สะท้อนความเหลื่อมล้ำกับภาวะโลกร้อน
ประเด็นลดความเหลื่อมล้ำต้องเป็นเรื่องหลักในนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการกดขี่ทางเพศ
การเหยียดเชื้อชาติ มีตัวอย่างที่ดีว่าเกาหลีใต้ เซียร์ราลีโอน นิวซีแลนด์ตั้งเป็นวาระแห่งชาติ
ประการที่
2 โลกที่ระบบเศรษฐกิจห่วงใยคน
ระบบเศรษฐกิจของโลกและของประเทศใดๆ
ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ รัฐบาลเป็นผู้เลือกว่าจะใช้แนวทางใด จึงเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่จะยึดมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมเป็นศูนย์กลาง ปฏิเสธมาตรการรัดเข็มขัด (austerity) ต้องให้แน่ชัดว่าฐานะการเงินของประชาชนไม่มีผลต่อสุขภาพกับการศึกษา
เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ประชาชนทุกคนได้รับบริการสุขภาพดีถ้วนหน้า (Universal
healthcare) จัดหาบริการพื้นฐานต่างๆ โดยให้ฟรีและเป็นธรรม
บริการสาธารณอย่างครอบคลุม
(Universal public services) เป็นรากฐานของการสร้างสังคมที่เท่าเทียม
ไม่เพียงคนรวยกับคนจนเท่านั้นยังรวมถึงความเท่าเทียมระหว่างชายกับหญิงด้วย
เนื่องจากสตรีจำนวนมากต้องทำหน้าที่ดูแลคนในครอบครัวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน
(ต่างจากคนไปทำงานบริษัทได้เงิน) หลายประเทศเช่นเยอรมนี คิวบา
มอบค่าตอบแทนแก่คนเหล่านี้ วิธีนี้จะลดการกดขี่ในสังคมอย่างเป็นระบบ คอสตาริกากับไทยให้บริการสุขภาพดีถ้วนหน้านับสิบปีแล้ว
ประชาชนทุกคนต้องได้รับวัคซีนโควิด-19
ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยฟรี
ประการที่
3 โลกที่ปราศจากการขูดรีดและมีรายได้มั่นคง
การแก้ความเหลื่อมล้ำควรป้องกันไม่ให้เกิดตั้งแต่แรก
ด้วยการที่ธุรกิจต่างๆ มุ่งให้ความสำคัญกับสังคมมากกว่าผลกำไรของเศรษฐีเจ้าของกิจการ
ต้องประกันค่าจ้างขั้นต่ำและกำหนดรายได้ขั้นสูง เช่น บางบริษัทกำหนดว่าตำแหน่งผู้จัดการมีรายได้ไม่เกิน
6 เท่าของคนงานที่มีรายได้ต่ำสุด การมีมหาเศรษฐีพันล้านไม่ใช่ความดีงามแต่สะท้อนระบบเศรษฐกิจที่ล้มเหลว
โควิด-19
ย้ำเตือนความสำคัญของการประกันรายได้ เป็นวิธีการพาคนออกจากความยากจน มีการงานที่มั่นคงมากกว่าที่เป็นอยู่
ยังมีรายได้แม้เจ็บป่วย ช่วงเวลาเลี้ยงลูกอ่อน (parental leave) เงินช่วยเหลือขณะว่างงาน มีระบบให้ค่าตอบแทนแก่ผู้มีรายได้น้อยกว่าที่ควร
ประการที่
4 โลกที่มหาเศรษฐีโลกเสียภาษีอย่างเป็นธรรม
ภาษีที่เป็นธรรมไม่ใช่การที่มหาเศรษฐีกับคนหาเช้ากินค่ำเสียในอัตราเดียวกัน
เศรษฐีกับบรรษัทยักษ์ใหญ่ควรเสียภาษีเพิ่มทั้งอัตราและในรูปแบบต่างๆ เช่น
ใช้อัตราภาษีแบบก้าวหน้า ภาษีทรัพย์สิน (Wealth Tax) ยกเลิก Tax
haven และนำภาษีเหล่านี้ไปใช้กับกิจการเฉพาะ เช่น สงเคราะห์ผู้ยากไร้
เป็นค่ารักษาแก่คนยากจน อุดหนุนธุรกิจขนาดย่อม
มีข้อมูลว่าหากรัฐบาลจอร์แดน อียิปต์และโมร็อกโกเก็บ Wealth Tax เพียงแค่ 2% ประเทศเหล่านี้จะไม่ต้องขอกู้ยืมเงินจาก
IMF เลย
ประการที่
5 โลกที่ปลอดภัยจากการเปลี่ยนสภาวะภูมิอากาศ
การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามมนุษยชาติที่รุนแรงที่สุด
ทำลายสิ่งมีชีวิตมากมายแล้ว รวมทั้งคนยากจน คนด้อยโอกาส สตรีมักได้รับผลกระทบรุนแรงกว่ากลุ่มอื่นๆ
ทางแก้คือต้องสร้างเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
(green economy) รักษาโลกที่สมบูรณ์เพื่อชนรุ่นหลัง เลิกอุดหนุนการใช้พลังงานน้ำมัน
ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน เก็บภาษีคาร์บอน (carbon tax) ซึ่งมหาเศรษฐีคือผู้ปล่อยก๊าซนี้มหาศาล
นำภาษีส่วนนี้ส่งเสริมลดการปล่อยก๊าซที่กำลังคุกคามมนุษยชาติ อุดหนุนรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำกับสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องเดียวกัน รัฐบาลต้องจัดการทั้ง
2 เรื่องอย่างจริงจัง
ในระยะสิบปีช่วง 2008 ถึง 2017-18 มหาเศรษฐีพันล้านเพิ่มขึ้น 2 เท่าในขณะที่
3,000 ล้านคนทั่วโลกยังไม่มีหลักประกันสุขภาพ ผู้ใช้แรงงาน 3 ใน 4 ของโลกไม่มีสวัสดิการหากตกงาน
อีกจำนวนมากที่มีรายได้น้อยแม้ทำงาน
เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะระบบเศรษฐกิจโลกกำหนดหรือเอื้อให้เป็นเช่นนั้น
ระบบที่คนอยู่บนสุดเพียงหยิบมือเก็บเกี่ยวความมั่งคั่งจากคนที่อยู่ฐานรากหลายพันล้านคน
ตอนนี้โรคระบาดโควิด-19 ซ้ำเติมให้รุนแรงขึ้นอีกและส่งผลต่อประเทศต่างๆ
พร้อมกัน
หลายปัญหาใช่ว่าจะแก้ไม่ได้
อยู่ที่รัฐบาลจะตัดสินลงมือทำหรือไม่เท่านั้น
-----------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
Oxfam : ถึงเวลาดูแลกันและกันหากไม่แก้ความเหลื่อมล้ำจะนำสู่หายนะทางเศรษฐกิจสังคม ร้ายแรงที่สุดคือล้มล้างการทางเมือง ทางออกนั้นชัดเจนด้วยการเก็บภาษีพวกมหาเศรษฐีพันล้าน ไม่ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีก ฯลฯ
บรรณานุกรม :
Oxfam International. (2021, January). Time to Care.
Retrieved from https://oxfamilibrary.openrepository.com/bitstream/handle/10546/620928/bp-time-to-care-inequality-200120-en.pdf
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น