การเก็บภาษีน้ำตาลเป็นมาตรการที่องค์การอนามัยโลกสนับสนุน หวังให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพราะความจริงแล้ว “คุณป้องกันครอบครัวจากโรคเบาหวานได้”
สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ
(International Diabetes Federation: IDF) ประเมินว่าก่อนสิ้นปี
2045 ทั่วโลกจะมีผู้ป่วยโรคเบาหวาน 700 ล้านคนหรือราว 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก
องค์การอนามัยโลกชี้ว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานเพิ่มจาก
108 ล้านคนในปี 1980 เป็น 422 ล้านคนในปี 2014 ร้อยละ 50 ของผู้ป่วยอยู่ในเอเชีย
เฉพาะอินเดียกับจีนมีผู้ป่วยเบาหวานประเภท 2 ถึง 180 ล้านคน
แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวานนับล้านคนและกำลังเพิ่มขึ้น
กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่าพบผู้ป่วยเบาหวาน 4.8 ล้านคนจากประชาชนไทยอายุ
15 ปีขึ้นไป ในจำนวนนี้ 2
ล้านคนที่ไม่ทราบว่าตนเองป่วยเป็นโรคเบาหวานและยังไม่ได้รับการวินิจฉัย
คนกินหวาน พฤติกรรมเสี่ยงโรค :
การติดหวานเสี่ยงเป็นโรคอ้วน
ผลตามมาคือหลายคนเป็นโรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด
โรคเหล่านี้เมื่อเป็นแล้วต้องรักษาตลอดชีวิต ไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติสุข
หลายคนเสียชีวิตก่อนวัยอันควร หลายคนเป็นภาระแก่ครอบครัวนับสิบปี
Asian Development Bank Institute
(ADBI) ชี้ว่าผู้ใหญ่ 2 ใน 5 คนของประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หรือราว 400
ล้านคนที่น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ระบุว่าในรอบปี
40 ที่ผ่านมาจำนวนเด็กอ้วนเพิ่มขึ้นถึง 12 เท่า อัตราเด็กอ้วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และหมู่เกาะในแปซิฟิกเพิ่มเร็วกว่าภูมิภาคอื่นๆ ปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือเด็กแวดล้อมด้วยอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ
อาหารแปรรูปที่มีแคลอรี่สูง กินขนมที่มีน้ำตาลกับไขมันสูง แทนที่จะกินอาหารพวกเมล็ดธัญพืช
เนื้อและผัก มีข้อมูลว่าร้อยละ 90
ของอาหารกับเครื่องดื่มที่มุ่งขายให้เด็กเป็นอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว (saturated
fats) ไขมันที่เป็นโทษต่อสุขภาพ น้ำตาล เกลือในปริมาณสูง
เด็กอายุ 23 เดือนถึง 6
ขวบกว่าร้อยละ 20 ไม่ได้กินผัก ผลไม้
นมกับไข่ที่เป็นแหล่งโปรตีน
ในอดีตคนอ้วนมักเกิดกับครอบครัวร่ำรวย ปัจจุบันทุกคนอ้วนได้จากอาหารแปรรูปและเครื่องดื่มน้ำตาลสูง
ของเหล่านี้พบเห็นทุกที่และราคาถูกว่าอาหารสุขภาพ
ผลกระทบต่อสังคม :
เมื่อเจ็บป่วยไม่ใช่เรื่องเฉพาะบุคคลเท่านั้น
เป็นภาระต่อครอบครัว ระบบสาธารณสุข ฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ คนวัยทำงานป่วยก่อนเวลาอันสมควร
ไม่สามารถทำงานตามปกติ ประสิทธิภาพการทำงานลดลง สรุปสั้นๆ
คือระยะเวลาเป็นแรงงานสั้นลงและเป็นผู้ป่วยนานปีมากขึ้น
สังคมที่แนวโน้มมีคนเจ็บป่วยจำนวนมากเป็นเหมือนระเบิดเวลา หลายประเทศจะประสบปัญหางบประมาณในอนาคตที่ต้องใช้เงินมหาศาลดูแลผู้ป่วย
หนึ่งในต้นเหตุคือโรคอ้วนที่เป็นบ่อเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ
คนยากจนคือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด มีข้อมูลว่าต้องใช้รายได้ถึงร้อยละ
25 ของครัวเรือนเป็นค่ารักษาพยาบาล สุขภาพที่ย่ำแย่ยิ่งทำให้ตกอยู่ในวัฎจักรความยากจน
ในแง่เศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ความอ้วนกระทบจีดีพีโดยตรงร้อยละ 0.56 และกระทบโดยอ้อมอีกร้อยละ 0.22
ผลกระทบจีดีพีทางตรง
เช่น ค่าใช้จ่ายเพื่อการรักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
อันเนื่องจากความอ้วนกับโรคอ้วน ส่วนผลกระทบทางอ้อมนั้นวัดจากมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูญเสียอันเนื่องจากการไร้สมรรถภาพกับตายก่อนวัยอันควร
รัฐบาลทั่วโลกตระหนักภัยจากโรคเบาหวานที่กำลังก่อตัวอย่างรวดเร็ว
การที่รัฐบาลกับสังคมต้องเสียเงินมหาศาลกับโรคเรื้อรังจึงสมผลกับการเก็บภาษีน้ำตาลตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก
และนำภาษีที่ได้รณรงค์ส่งเสริมให้คนดูแลรักษาสุขภาพ
น้ำตาลและภาษีน้ำตาล :
องค์การอนามัยโลกเผยว่า
“เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล” คือเหตุผลหลักที่คนกินหวานเกิน
ยกตัวอย่าง ชานมไข่มุกบางแห่งมีน้ำตาลถึง 70 กรัมต่อแก้ว
เครื่องดื่มกระป๋องเฉลี่ยมีน้ำตาล 40 กรัมต่อกระป๋อง
ในขณะที่องค์การอนามัยแนะนำว่าไม่ควรกินน้ำตาลเกิน 25
กรัมต่อวัน (6 ช้อนชา)
ความเจริญแบบเมือง ชีวิตที่เร่งรีบ การทำงานในบริษัท ทำให้คนออกกำลังน้อย
ไม่ทำอาหารด้วยตัวเอง เลือกกินอาหารสะดวกซื้อ พวกฟาสต์ฟู้ด ความนิยมดื่มชากาแฟในร้านสมัยใหม่มักจะสั่งอาหารเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่ารัฐบาลสามารถทำหลายอย่างเพื่อลดปัญหาอันเนื่องจากคนกินหวานเกิน
หนึ่งในนั้นคือเก็บภาษีน้ำตาล (sugar tax) เหมือนกับภาษียาสูบ
เป็นการแทรกแซงที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดการบริโภคน้ำตาล มีหลักฐานว่ายอดขายเครื่องดื่มผสมน้ำตาลในเม็กซิโกลดลงร้อยละ
7.6 หลังขึ้นภาษีน้ำตาลเมื่อปี 2014 ช่วยลดปัญหาโรคเรื้อรังที่มาจากการกินหวาน
อินเดีย ไทย บรูไนและฟิลิปปินส์ใช้มาตรการเก็บภาษีน้ำตาลแล้ว
รัฐบาลสิงคโปร์ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
อย่างไรก็ตามลำพังการเก็บภาษีน้ำตาลเพียงอย่างเดียวไม่ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมด
ต้องร่วมกับมาตรการอื่นๆ เช่น การป้องกันไม่ให้เด็กกินหวานและกลายเป็นคนติดหวาน ต้องปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเด็กไม่ให้มีอาหารเครื่องดื่มรสหวานจัด
จัดระเบียบการขายสิ่งเหล่านี้ในสถานศึกษา บริเวณโดยรอบ ฉลากสินค้าต้องระบุคุณค่าโภชนาการอย่างชัดเจน
บางประเทศใช้มาตรการที่น่าสนใจ
เช่น บรูไนจัดงานวันอาทิตย์ปลอดรถ (carless Sundays)
ห้ามใช้รถในเขตเมืองหลวง ทุกคนต้องใช้เท้าเดิมหรือจักรยานส่งเสริมการออกกำลังกาย และตั้งเป้าว่าในอีก
5 ปีข้างหน้าจะลดการดื่มเครื่องดื่มผสมน้ำตาลในเด็กให้ได้ถึงร้อยละ 50
ความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม :
ทุกครั้งที่พูดถึงการดูแลรักษาสุขภาพจะเอ่ยถึงการศึกษา
การศึกษาไม่ใช่เพียงให้เด็กท่องจำและตอบข้อสอบได้
ควรเน้นให้เด็กฝึกปฏิบัติจนเป็นนิสัย เป้าหมายคือเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค
ไม่ให้ติดหวานตั้งแต่เด็ก ผลักดันให้บริษัทผลิตสินค้าที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
ในระดับประเทศคือการปรับเปลี่ยนทัศนคติเรื่องการกินอาหาร วิถีการดำเนินชีวิต
ส่งเสริมการออกกำลังกาย เผยแพร่ความรู้เรื่องเหล่านี้อย่างต่อเนื่องกว้างขวาง รู้จักดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
มียุทธศาสตร์ป้องกันโรคเรื้อรังอย่างครบวงจร
เป็นเวลานานแล้วที่เด็กฟันผุเพราะกินขนมหวาน ปัจจุบันหลายคนเป็นโรคอ้วนตั้งแต่เด็ก
เหล่านี้เกิดจากอาหารเครื่องดื่มที่ขาย หากเอกชนมีความรับผิดชอบต่อสังคมย่อมไม่ควรคิดถึงแต่เรื่องกำไร
สร้างปัญหาแก่สังคม เป็นเรื่องแปลกเมื่อองค์การอนามัยโลกแนะนำว่าไม่ควรกินน้ำตาลเกิน
25 กรัมต่อวัน แต่มีเครื่องดื่มผสมน้ำตาลจำนวนมากที่มีน้ำตาลถึง 40 กรัมต่อกระป๋อง
ดังที่เคยนำเสนอแล้วว่าประเทศเสรี เศรษฐกิจเสรี
ไม่ใช่การปล่อยให้ใครทำอะไรตามอำเภอใจ ทุกประเทศจึงมีกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนภายใต้กฎจราจร
เรื่องอาหารการกินก็เช่นกัน การปล่อยให้ขายอาหารทำลายสุขภาพเท่ากับปล่อยให้ทำลายสังคม
บั่นทอนความมั่นคงแห่งชาติ
หากรัฐบาลมีความรับผิดชอบเป็นรัฐบาลที่ดีย่อมไม่ปล่อยปละละเลยให้ประชาชนนับล้านๆ
มีปัญหาสุขภาพซึ่งท้ายที่สุดแล้วส่งผลต่อประเทศ
เมื่อเป็นโรคเบาหวานต้องดูแลรักษาตลอดชีวิต ทางที่ดีคือป้องกันแต่เด็กให้มีพฤติกรรมการกินที่ถูกต้อง
รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ความจริงแล้ว “คุณป้องกันครอบครัวจากโรคเบาหวานได้”
---------------------
เครดิตภาพ : unsplash.com
บรรณานุกรม :
1. กรมควบคุมโรค
เตือนประชาชนใส่ใจดูแลสุขภาพตนเองและคนในครอบครัว ระวังป่วยโรคเบาหวาน
เผยจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป
พบผู้ป่วยเบาหวาน 4.8 ล้านคน. (2562,
พฤศจิกายน 12). FM91BKK.
Retrieved from http://www.fm91bkk.com/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%88
2. Brunei equipped to combat public health threats, says
minister. (2019, November 12). Borneo
Bulletin. Retrieved from https://borneobulletin.com.bn/brunei-equipped-combat-public-health-threats-says-minister-2/
3. Diabetes forecast to affect 700 million by 2045. (2019, November 14). Hurriyet Daily News.
Retrieved from http://www.hurriyetdailynews.com/diabetes-forecast-to-affect-700-million-by-2045-148673
4. Taxing times as Asia gets tough on sugar. (2019,
November 5). China Daily. Retrieved from http://www.chinadaily.com.cn/a/201911/05/WS5dc0c7e6a310cf3e3557566a_1.html
5. World Health Organization. (2017). Taxes
on sugary drinks: Why do it? Retrieved from https://apps.who.int/iris/bitstream/handle/10665/260253/WHO-NMH-PND-16.5Rev.1-eng.pdf;jsessionid=6D57947760DA8ECF3F46125153E736E1?sequence=1
-----------------------------
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น