ซื้อขายรถมือสองออนไลน์กับ 724 Market

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์กับ 724 Market
สนใจคลิก

คนซึมเศร้า สังคมป่วยทางจิต

โรคซึมเศร้าจำต้องได้รับการรักษาทางแพทย์ การป้องกันไว้ก่อนดีกว่ารอป่วยค่อยรักษา ทุกคนควรให้ความสำคัญกับการซึมเศร้าที่นับวันจะเป็นกันมากขึ้น สะท้อนสังคมที่กำลังป่วยทางจิตและต้องรีบเร่งแก้ไข
องค์กรภาคประชาชน Blue Cross Blue Shield Association เสนอรายงานล่าสุดว่าชาวอเมริกันเป็นโรคซึมเศร้า (major depression) มากขึ้น ในช่วงเวลา 3 ปี (2013-2016) พบผู้ป่วยโรคซึมเศร้าทั้งประเทศเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 33
ปัจจุบัน คนอเมริกันที่เจ็บป่วยด้วยโรคซึมเศร้ามีกว่า 9 ล้านคน จำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นในทุกกลุ่มวัย ที่เพิ่มมากสุดคือกลุ่มวัยรุ่น (adolescent) เป็นโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 63 ส่วนกลุ่ม millennials (หรือกลุ่ม Gen Me) เพิ่มขึ้นร้อยละ 47
มีข้อมูลว่าคน Gen Me คือพวกที่เกิดช่วงปี 1980-2000 ปัจจุบันคือพวกที่มีอายุตั้งแต่ 18-38 ปี (เริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ถึงวัยกลางคน) คนพวกนี้มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ยึดถือตนเองเป็นศูนย์กลาง ในอเมริกาคนเหล่านี้มักจะมีการศึกษาค่อนข้างสูง ถนัดใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีและมักเปลี่ยนงานบ่อย ไม่ยึดติดกับสถานที่ทำงาน
ในภาพรวม ผู้หญิงเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าชายถึง 2 เท่า ในบรรดาโรคภัยทั้งหลาย จำนวนผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอยู่ลำดับ 2 รองจากโรคความดันสูงเท่านั้น

ศาสตราจารย์นายแพทย์มาโนช หล่อตระกูล อธิบายว่า “ถ้าพูดถึงเรื่องซึมเศร้าเรามักจะนึกกันว่าเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดจากความผิดหวัง หรือการสูญเสียมากกว่าที่จะเป็นโรค ซึ่งตามจริงแล้ว ที่เราพบกันในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกธรรมดาๆ ที่มีกันในชีวิตประจำวัน มากบ้างน้อยบ้าง อย่างไรก็ตามในบางครั้ง ถ้าอารมณ์เศร้าที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอยู่นานโดยไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น หรือเป็นรุนแรง มีอาการต่างๆ ติดตามมา เช่น นอนหลับๆ ตื่นๆ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลงมาก หมดความสนใจต่อโลกภายนอก ไม่คิดอยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปก็อาจจะเข้าข่ายของโรคซึมเศร้าแล้ว”
“การเป็นโรคซึมเศร้าไม่ได้หมายความว่าผู้ที่เป็นเป็นคนอ่อนแอ คิดมาก หรือเป็นคนไม่สู้ปัญหา เอาแต่ท้อแท้ ซึมเซา แต่ที่เขาเป็นนั้นเป็นเพราะตัวโรค กล่าวได้ว่าถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม โรคก็จะทุเลาลง เขาก็จะกลับมาเป็นผู้ทีจิตใจแจ่มใส พร้อมจะทำกิจวัตรต่างๆ ดังเดิม”
“ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้มักรู้สึกว่าตนเองไม่มีค่า ไม่มีใครสนใจ ต้องรับความกดดันต่างๆ แต่ผู้เดียว รู้สึกสิ้นหวัง ไม่อยากจะสู้ปัญหาอะไรๆ อีกแล้ว”

การที่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาจากหลายสาเหตุเช่นปัจจัยทางสังคม อีกส่วนหนึ่งเพราะในระยะหลังวงการสาธารณสุขตื่นตัวเรื่องนี้ เพิ่มความสำคัญกับการตรวจคัดกรองว่าใครที่เจ็บป่วยด้วยโรคซึมเศร้าหรือไม่
ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเป็นปัญหาที่ซ่อนอยู่ในความมืด หลายคนเป็นแต่ไม่แสดงตัว ไม่ได้รับการรักษา ปัญหาที่ตามมา เช่น อัตราฆ่าตัวตายสูงขึ้น ข้อมูลจาก U.S. Centers for Disease Control and Prevention ระบุว่า การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการตายอันดับ 2 ของคนวัย 10-34 ปี
ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะเสียค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลเฉลี่ยปีละ 10,000 ดอลลาร์ ในขณะที่คนปกติจะเสียเพียง 4,300 ดอลลาร์ เพราะผู้ป่วยซึมเศร้ามักเจ็บป่วยด้วยโรคอื่นๆ เสมอ ร้อยละ 85 ของผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามักพบโรคเรื้อรังร้ายแรงอย่างน้อยหนึ่งโรค จะเห็นว่าโรคซึมเศร้ามักเกิดควบคู่กับโรคเรื้อรังร้ายแรง

นักวิชาการประเมินว่าการที่คนวัยรุ่นและวัย Gen Me ป่วยด้วยโรคซึมเศร้าจำนวนมากจะส่งผลต่ออนาคตของประเทศ โรคซึมเศร้าจึงไม่ใช่ปัญหาส่วนบุคคลหรือครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งเท่านั้น
ในอนาคต โรคซึมเศร้าจะเป็นสาเหตุสำคัญให้คนอายุสั้นลง

รายงานของ Blue Cross Blue Shield Association ตอกย้ำข้อสรุปของกลุ่มอื่น เช่น Cigna ที่ระบุว่าคนอเมริกันจำนวนมากรู้สึกเหงา อ้างว้าง (lonely) American Psychiatric Association รายงานว่าคนอเมริกันร้อยละ 40 เครียดกังวล (anxious) มากกว่าปีก่อน
            ในขณะที่สังคมอเมริกันมีคนป่วยด้วยโรคซึมเศร้าอย่างน้อย 9 ล้านคน อีกจำนวนมากยังไม่ถึงขึ้นเป็นโรคแต่มักมีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล เปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง ชีวิตอยู่อย่างไร้ความหวัง แม้ไม่เป็นโรคแต่อยู่ในภาวะเป็นทุกข์ จำต้องได้รับการเยียวยาเช่นกัน

สังคมป่วยมานาน :
สังคมอเมริกันมีปัญหาคนเป็นโรคซึมเศร้าหรืออยู่ในภาวะซึมเศร้าเครียดกังวลมานานแล้ว บางคนกินยาคลายเครียด ดื่มเหล้า เสพยาเพราะปัญหาซึมเศร้า วิตกกังวล เครียด ฯลฯ
            ความสำคัญของงานวิจัยไม่ใช่เพียงเรื่องจำนวนคนเจ็บป่วย ผลจากการเจ็บป่วยเท่านั้นซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และต้องรักษา ที่สำคัญกว่าคือการตระหนักและยอมรับว่า “สังคมกำลังป่วยทางจิต”
            หากประเทศยังมุ่งรักษาแต่โรคทางกาย (ซึ่งสำคัญ) ละเลยโรคทางจิตใจ การมีชีวิตคือความทุกข์สาหัสที่คงอยู่ไม่จบสิ้น เป็นเหตุผลที่ยาคลายเครียด ยานอนหลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หลายคนอาศัยเหล้าเบียร์บรรเทาทุกข์ในใจอย่างน้อยช่วยให้หลายเครียดสักคืนก็ยังดี ร้ายแรงกว่านั้นคือเสพยา สังคมอเมริกันมียาเสพติดทุกชนิดในโลก เป็น “สังคมติดยา” แต่ รัฐบาลไม่ค่อยเอ่ยเรื่องทำนองนี้ มัวแต่พูดเรื่องอื่นๆ ที่บางเรื่องกระตุ้นให้คนซึมเศร้าวิตกกังวลยิ่งขึ้น
            ความสำเร็จของชาติ ไม่ใช่เพียงอยู่รอดปลอดภัย คนมีกินมีใช้ แต่ต้องมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย จะมีประโยชน์เพียงไรหากยังมีชีวิต อิ่มท้อง แต่ทุกข์ใจ ดำเนินชีวิตแต่ละวันด้วยความเหงา อ้างว้าง บางรายวิตกกังวล เครียด เห็นว่าชีวิตไร้ความหมาย เป็นคนไร้ค่า
            การรักษาประเทศให้ปลอดภัย คนมีกินมีใช้ก็เพื่อ “ความสุข” ไม่ใช่หรือ คำว่า “อยู่ดีมีสุข” (Well-being) จะต้องวัดผลที่ความสุขใจด้วย
            ถ้าจะปฏิรูปประเทศ เป้าหมายการปฏิรูปจะต้องสร้างความ “สุขใจ” ควบคู่กับ “”สุขกาย” ให้ประชาชน “สุขกายสบายใจ”
            พรรคการเมือง นักการเมืองที่มุ่งให้ประชาชน “สุขกายสบายใจ” จึงควรสนับสนุนอย่างยิ่ง ดีกว่าพูดถึงแต่จีดีพี (GDP) ตัวเลขส่งออกโตเท่านั้นเท่านี้ แต่ทำไมคนจำนวนมากยังยากจน ทุกข์ใจ

ดูแลครอบครัว ฉีดวัคซีนป้องกันป่วยทางจิต :
            ความจริงที่ควรตระหนักคือ ถ้าคนหนึ่งในครอบครัวเจ็บป่วยจะกระทบทุกคนในบ้าน เกิดภาระค่ารักษาพยาบาล อาจต้องมีคนเสียสละแบ่งเวลาดูแลผู้ป่วย
            ปัจจุบัน เรามีวัคซีนป้องกันโรค เด็กๆ ได้รับการฉีดวัคซีนสารพัดโรค ที่ควรตระหนักและสำคัญไม่แพ้กันคือการสร้างภูมิคุ้มกันโรคป่วยทางจิต
            พ่อแม่ผู้ปกครองคือบุคคลสำคัญที่ต้องทำหน้าที่นี้ เริ่มจากการที่ท่านไม่เป็นผู้ป่วยทางจิต ไม่เป็นเหตุทำร้ายคนในบ้านเพราะท่านป่วย หากท่านแสดงอาการป่วยออกมาพลอยทำให้ทุกคนในบ้านมีปัญหาไปด้วย
            พ่อแม่ที่สุขภาพจิตสมบูรณ์จึงสามารถนำพาครอบครัวให้ “สุขกายสบายใจ”
หากคิดว่าปากท้องสำคัญ ต้องนำพาทุกคนในครอบครัวให้มีสุขภาพจิตที่ดีด้วย จะมีประโยชน์อย่างไรที่เลี้ยงลูกให้โตแต่ขาดความรักความอบอุ่น สุดท้ายเด็กหลายคนกลายเป็นคนเกเร เสียอนาคต เป็นปัญหาสังคม
เหตุผลที่เด็กหลายคนมีปัญหาซึมเศร้ารู้สึกตนไร้ค่าก็ด้วยผลจากครอบครัวโดยตรง
            พ่อแม่ผู้ปกครองต้องสอดส่องลูกหลานตนเอง ให้ความรักความอบอุ่นแก่สมาชิกในครอบครัว เพราะ “ความรักความอบอุ่นคืออาหารทางใจ” ที่ไม่อาจทดแทนได้ด้วยข้าว-เนื้อ-ผัก ของเล่น

วันนี้ท่านได้รับวัคซีนหรือยัง :
            ถ้าป่วยเป็นโรคจำต้องรักษาทางการแพทย์ ในอีกด้านหนึ่งควรให้ความสำคัญกับการป้องกัน ดังประโยคที่ว่า “กันไว้ย่อมดีกว่าแก้”
วัคซีนป้องกันโรคทางกายมักอยู่ได้หลายปี แต่วัคซีนป้องกันทางใจอาจไม่คงทนเช่นนั้น ปัจจุบันมีผู้แนะนำหลายวิธีที่จะช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น บางวิธีได้ผลมากบางวิธีน้อย บางวิธีต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง บางวิธีเพียงแค่เดินเล่น นอนหลับพักผ่อน รวมความแล้ว แต่ละคนจะต้องเสาะหาวิธีที่ได้ผลกับตัวเองมากที่สุด เปิดใจกว้างเรียนรู้วิธีใหม่ๆ ขอคำปรึกษารับคำแนะนำจากผู้อื่นที่ประสบความสำเร็จ
            วัคซีนป้องกันโรคทางใจมักต้องอาศัยความต่อเนื่อง บางคนอาจไปท่องเที่ยว อ่านหนังสือ เดินเล่น นอน แสวงหาสัจธรรมชีวิต แบ่งเวลาทำประโยชน์เพื่อสังคม มีจิตสาธารณะ พาตัวเองออกจากกรอบเดิม ไม่ว่าจะใช้วิธีการใด คำถามคือวันนี้ท่านได้รับวัคซีนอีกครั้งหรือไม่ สุขภาพจิตของท่านยังดีอยู่หรือไม่
            หากเราให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตจะไม่หยุดแสวงหาวิธีที่ดีที่สุด และกินอาหารบำรุงสุขภาพจิตไม่ขาดเหมือนกินข้าวเลย
            ไม่ว่าจะในกรอบประเทศชาติ ครอบครัวหรือปัจเจก สุขภาพจิตสำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย

13 พฤษภาคม 2018
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 22 ฉบับที่ 7855 วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2561)
---------------------------
บรรณานุกรม :
1. นายแพทย์มาโนช หล่อตระกูล. (2018). โรคซึมเศร้าโดยละเอียด. Retrieved from https://med.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/general/09042014-1017
2. Blue Cross Blue Shield. (2018, May 10). Major Depression: The Impact on Overall Health. Retrieved from https://www.bcbs.com/the-health-of-america/reports/major-depression-the-impact-overall-health?utm_source=bcbscom&utm_medium=home&utm_content=&utm_campaign=hoa-DepRep
3. DeBattista, Charles., Eisendrath, Stuart J., Lichtmacher, Jonathan E. (2015). Psychiatric Disorders. CURRENT Medical Diagnosis and Treatment 2015 (54th ed.). USA: McGraw-Hill Education.
4. Depression among teens, millennials on the rise, Blue Cross Blue Shield study finds. (2018, May 10). The Inquirer. Retrieved from http://www.philly.com/philly/health/kids-families/depression-among-teens-millennials-on-the-rise-blue-cross-blue-shield-study-finds-20180510.html
5. Depression Has Spiked By 33% In the Last Five Years, a New Report Says. (2018, May 10). Time. Retrieved from http://time.com/5271244/major-depression-diagnosis-spike/

ความคิดเห็น

บัตรสุขภาพ สบายกาย สบายใจ

บัตรสุขภาพ สบายกาย สบายใจ
ตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 แพ็กเกจตรวจสุขภาพโดยแพทย์ ปรึกษาแพทย์ ส่วนลดค่ายา

ประกันภัยเบาหวาน Protect

ประกันภัยเบาหวาน Protect
สนใจคลิก

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์กับ 724 Market

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์กับ 724 Market
สนใจคลิก

ซื้อประกัน พ.ร.บ. รถยนต์ ประกันทุกชั้น ซื้อได้ทั่วประเทศ

ซื้อประกัน พ.ร.บ. รถยนต์ ประกันทุกชั้น ซื้อได้ทั่วประเทศ
ซื้อหรือสอบถามคลิกที่รูป